พบผลลัพธ์ทั้งหมด 5 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7879/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การท้ากันรังวัดที่ดิน ผลการรังวัดผูกพันคู่ความ หากไม่โต้แย้งในชั้นต้นฎีกาใหม่ข้อเท็จจริงเดิมต้องห้าม
คู่ความตกลงท้ากันให้ถือเอาผลการรังวัดของเจ้าพนักงานที่ดินเป็นข้อแพ้ชนะโดยไม่ติดใจสืบพยานต่อไปอีกเมื่อเจ้าพนักงานที่ดินรังวัดสอบเขตที่ดินทำแผนที่พิพาทเสร็จศาลได้ให้คู่ความตรวจดูแผนที่ คู่ความแถลงว่าเจ้าพนักงานจัดทำขึ้นตรงตามคำท้าแล้ว การที่จำเลยเพิ่มมาอ้างในชั้นฎีกาว่า เจ้าพนักงานที่ดินรังวัดไม่ถูกต้องตามหลักวิชาการ ไม่แจ้งเจ้าของที่ดินข้างเคียงให้ไประวังแนวเขตโดยจำเลยไม่เคยคัดค้านต่อศาลชั้นต้นตามข้ออ้างดังกล่าว และอ้างว่าได้ยื่นคำร้องสำรวจแนวเขตใหม่ต่อเจ้าพนักงานที่ดินผลการรังวัดปรากฎว่าจำเลยไม่ได้รุกล้ำที่ดินของโจทก์ จึงเป็นฎีกาในข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ภาค 3 ต้องห้ามมิให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 วรรคหนึ่ง เจ้าพนักงานที่ดินจัดทำแผนที่พิพาทขึ้นตรงตามคำท้าแล้วแม้เจ้าพนักงานที่ดินไม่ขอแถลงว่า ที่พิพาทเป็นของฝ่ายใดแต่ในการท้ากันคู่ความก็มิได้ตกลงกันว่าให้เจ้าพนักงานที่ดินเสนอความเห็นด้วย ศาลจึงใช้แผนที่พิพาทในการวินิจฉัยปัญหาตามที่คู่ความท้ากันได้ ไม่เป็นการวินิจฉัยนอกเหนือคำท้า
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1333/2530 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การท้ากันในศาล: ผลผูกพันตามข้อตกลง เงื่อนไขการสาบาน และผลต่อคู่ความ
คู่ความท้ากันโดยตกลงเอาการสาบานของจำเลยและ ส.เป็นเงื่อนไข กล่าวคือถ้าบุคคลทั้งสองยอมสาบานโจทก์ก็ยอมรับตามข้ออ้างของจำเลยและยอมแพ้คดี แต่ถ้าบุคคลทั้งสองไม่ยอมสาบานจำเลยก็เป็นฝ่ายแพ้คดี ข้อตกลงดังกล่าวมีผลบังคับระหว่างคู่ความได้ ส่วนการสาบานตนของ ส.เป็นเพียงเงื่อนไขที่คู่กรณีกำหนดขึ้น การที่ ส.ไม่ได้รู้เห็นยินยอมในการตกลงนั้น หาทำให้ข้อตกลงดังกล่าวเป็นการไม่ชอบด้วยกฎหมายไม่ เมื่อจำเลยและส.ไปยังสถานที่กำหนดแล้ว แต่บุคคลทั้งสองไม่ยอมสาบาน จำเลยจึงต้องแพ้คดีตามคำท้า.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1333/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผลของการท้ากันในศาลโดยมีเงื่อนไขการสาบาน และผลผูกพันต่อบุคคลภายนอก
คู่ความท้ากันโดยตกลงเอาการสาบานของจำเลยและส.เป็นเงื่อนไข กล่าวคือถ้าบุคคลทั้งสองยอมสาบานโจทก์ก็ยอมรับตามข้ออ้างของจำเลยและยอมแพ้คดี แต่ถ้าบุคคลทั้งสองไม่ยอมสาบานจำเลยก็เป็นฝ่ายแพ้คดี ข้อตกลงดังกล่าวมีผลบังคับระหว่างคู่ความได้ ส่วนการสาบานตนของส.เป็นเพียงเงื่อนไขที่คู่กรณีกำหนดขึ้น การที่ ส.ไม่ได้รู้เห็นยินยอมในการตกลงนั้น หาทำให้ข้อตกลงดังกล่าวเป็นการไม่ชอบด้วยกฎหมายไม่ เมื่อจำเลยและส.ไปยังสถานที่กำหนดแล้ว แต่บุคคลทั้งสองไม่ยอมสาบาน จำเลยจึงต้องแพ้คดีตามคำท้า.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 364/2521 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อตกลงท้ากันใช้ผลคดีอื่นเป็นข้อวินิจฉัยคดีปัจจุบัน หากฝ่ายแพ้ต้องปฏิบัติตามข้อตกลง
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากบ้าน และที่ดินพิพาทกับเรียกค่าเสียหายอ้างว่าบ้านและที่ดินเป็นของโจทก์ให้จำเลยอาศัย จำเลยให้การว่าบ้านและที่ดินพิพาทเป็นของบิดาจำเลยให้ภริยาโจทก์มีชื่อในโฉนดที่ดินแทน ก่อนตายบิดาจำเลยได้สั่งให้โจทก์ ภริยาโจทก์ จำเลยและน้อง ๆ รักษาบ้านและที่ดินพิพาทไว้เป็นที่อยู่อาศัยของญาติพี่น้อง แล้วจำเลยได้ฟ้องโจทก์คดีนี้เป็นอีกคดีหนึ่งว่า โจทก์คดีนี้ยอมยกที่ดินและบ้านพิพาทตีใช้หนี้แก่จำเลยแล้ว ขอให้โจทก์คดีนี้ใช้เงิน 198,000 บาท ให้จำเลย หรือโอนบ้านและที่ดินพิพาทให้จำเลย ในชั้นพิจารณาคดีนี้โจทก์จำเลยตกลงกันว่า ถ้าผลอีกคดีหนึ่งนั้นโจทก์ในคดีนี้ชนะคดีจำเลยยอมแพ้คดีนี้ด้วย และยอมชดใช้ค่าเสียหายตามฟ้อง แต่ถ้าโจทก์เป็นฝ่ายแพ้คดีดังกล่าว โจทก์ก็ต้องแพ้คดีนี้ด้วย โดยโจทก์ต้องยอมชำระเงินให้จำเลย 198,000 บาท เพื่อให้จำเลยออกจากบ้านและที่ดินพิพาทหรือยอมโอนบ้านและที่ดินพิพาทให้จำเลย ปรากฏว่าคดีดังกล่าวศาลฎีกาฟังว่าจำเลยได้ออกเงินช่วยรักษาพยาบาลภรรยาโจทกย์จริง แต่จำเลยฟ้องรวมมากับค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ไม่อาจทราบได้ว่าค่าใช้จ่าย และค่ารักษาพยาบาลอย่างละเท่าไร ไม่อาจพิพากษาให้ได้ จึงพิพากษายกฟ้องโดยไม่ตัดสิทธิจำเลยไปฟ้องเรียกเงินทดรองในการรักษาพยาบาลภรรยาโจทก์ ดังนี้ คดีดังกล่าวถึงที่สุดโดยศาลฎีกาพิพากษายกฟ้อง ถือว่าผลคดีตรงตามคำท้าแล้ว คือโจทก์คดีนี้เป็นฝ่ายชนะในคดีนั้น จำเลยจึงต้องแพ้คดีนี้ตามคำท้า จำเลยจะอ้างว่าคดียังไม่เสร็จเด็ดขาด และจำเลยยังไม่สละสิทธิข้อต่อสู้ในคำให้การคดีนี้หาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2241/2515 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องซ้ำ: คดีซื้อขายที่ดินยังไม่ถึงที่สุด แม้มีการท้ากันให้ศาลวินิจฉัยเฉพาะประเด็นฟ้องซ้ำ
คดีเดิมจำเลยเป็นโจทก์ฟ้องขับไล่โจทก์ให้รื้อเรือนออกไปจากที่พิพาท โจทก์ต่อสู้ว่าซื้อที่พิพาทจากตัวแทนจำเลย ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า การตั้งตัวแทนไม่มีหนังสือมอบอำนาจมาแสดง รับฟังไม่ได้ว่าโจทก์ซื้อที่พิพาทจากจำเลย โจทก์อุทธรณ์ ระหว่างอุทธรณ์โจทก์กลับมาฟ้องคดีนี้อ้างว่า ซื้อที่พิพาทจากตัวแทนจำเลยขอให้บังคับจำเลยโอนที่พิพาทให้โจทก์ จำเลยต่อสู้ว่าเป็นฟ้องซ้ำและคู่ความตกลง ท้ากันให้ศาลวินิจฉัยเพียงประเด็นเดียวว่าฟ้องโจทก์เป็นฟ้องซ้ำ ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 148 หรือไม่ ศาลชั้นต้นเห็นว่าไม่เป็นฟ้องซ้ำ ดังนี้ เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่าขณะที่โจทก์จำเลยท้ากันให้ศาลวินิจฉัยประเด็นข้อนี้และศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยแพ้ตามคำท้านั้น ศาลอุทธรณ์ยังมิได้พิพากษาคดีเดิม คดีดังกล่าวยังไม่ถึงที่สุด ฟ้องโจทก์คดีนี้จึงไม่เป็นฟ้องซ้ำตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 148ส่วนจะเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำต้องห้ามตามมาตรา 144หรือไม่ ไม่ใช่ประเด็นที่คู่ความท้ากัน เมื่อไม่เห็นสมควร ศาลฎีกาก็ไม่หยิบยกขึ้นวินิจฉัย (วินิจฉัยโดยที่ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 31/2515)