คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
นายจ้างร่วม

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 4 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 247/2538 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ นายจ้างร่วม vs. ความรับผิดทางละเมิด และค่าเสียหายทางจิตใจ/ความสามารถในการทำงาน
จำเลยที่ 1 เป็นลูกจ้างขับรถยนต์โดยสารของจำเลยที่ 2ซึ่งจำเลยที่ 2 ได้นำเข้าร่วมกิจการเดินรถร่วมกับจำเลยที่ 3 โดยได้ให้ประโยชน์แก่จำเลยที่ 3 เป็นรายเที่ยว และให้ค่าต่อสัญญาเป็นรายปี ถือได้ว่า จำเลยที่ 3และที่ 2 ร่วมกันเป็นนายจ้างของจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 1 ทำละเมิด จำเลยที่ 3จึงต้องร่วมรับผิดด้วย หาจำต้องมีการแบ่งผลประโยชน์ในการประกอบกิจการไม่
ค่าขาดความสุขสำราญ เพราะร่างกายพิการทำให้สังคมรังเกียจอับอายขายหน้า ไม่ได้เล่นกีฬา ไม่ได้สมรส เป็นค่าเสียหายเกี่ยวกับความรู้สึกทางด้านจิตใจ เป็นความเสียหายอันมิใช่ตัวเงินตาม ป.พ.พ. มาตรา 446ส่วนค่าสูญเสียความสามารถในการทำงาน เป็นความเสียหายเพราะเสียความสามารถประกอบการงานตาม ป.พ.พ. มาตรา 444 เป็นค่าเสียหายคนละอย่างไม่ซ้ำซ้อน และแม้ค่าขาดความสุขสำราญกับค่าทนทุกขเวทนาต่างก็เป็นค่าเสียหายอันมิใช่ตัวเงิน แต่ก็มิใช่ค่าเสียหายเดียวกัน เพราะค่าขาดความสุขสำราญเป็นเรื่องการขาดหรือสูญเสียความสุขสำราญจากความรู้สึกที่ดี ส่วนค่าทนทุกขเวทนา เป็นเรื่องการต้องทนยอมรับความเจ็บปวดหรือทรมาน จึงแตกต่างกัน ไม่ซ้ำซ้อน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 247/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดของนายจ้างร่วมและค่าเสียหายทางจิตใจจากการพิการไม่ซ้ำซ้อน
จำเลยที่1เป็นลูกจ้างขับรถยนต์โดยสารของจำเลยที่2ซึ่งจำเลยที่2ได้นำเข้าร่วมกิจการเดินรถร่วมกับจำเลยที่3โดยได้ให้ประโยชน์แก่จำเลยที่3เป็นรายเที่ยวและให้ค่าต่อสัญญาเป็นรายปีถือได้ว่าจำเลยที่3และที่2ร่วมกันเป็นนายจ้างของจำเลยที่1จำเลยที่1ทำละเมิดจำเลยที่3จึงต้องร่วมรับผิดด้วยหาจำต้องมีการแบ่งผลประโยชน์ในการประกอบกิจการไม่ ค่าขาดความสุขสำราญเพราะร่างกายพิการทำให้สังคมรังเกียจอับอายขายหน้าไม่ได้เล่นกีฬาไม่ได้สมรสเป็นค่าเสียหายเกี่ยวกับความรู้สึกทางด้านจิตใจเป็นความเสียหายอันมิใช่ตัวเงินตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา446ส่วนค่าสูญเสียความสามารถในการทำงานเป็นความเสียหายเพราะเสียความสามารถประกอบการงานตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา444เป็นค่าเสียหายคนละอย่างไม่ซ้ำซ้อนและแม้ค่าขาดความสุขสำราญกับค่าทนทุกขเวทนาต่างก็เป็นค่าเสียหายอันมิใช่ตัวเงินแต่ก็มิใช่ค่าเสียหายเดียวกันเพราะค่าขาดความสุขสำราญเป็นเรื่องการขาดหรือสูญเสียความสุขสำราญจากความรู้สึกที่ดีส่วนค่าทนทุกขเวทนาเป็นเรื่องการต้องทนยอมรับความเจ็บปวดหรือทรมานจึงแตกต่างกันไม่ซ้ำซ้อน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1567/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ นายจ้างร่วมรับผิดต่อละเมิดของลูกจ้าง: ผลประโยชน์ร่วมกันในการประกอบการขนส่ง
พฤติการณ์ที่จำเลยที่ 2 เป็นผู้มีชื่อในทะเบียนรถยนต์บรรทุกคันเกิดเหตุมีชื่อเป็นผู้ประกอบการขนส่ง ที่ข้างรถยนต์บรรทุกมีชื่อของจำเลยที่ 2 และจำเลยที่ 1 ยอมรับว่านำรถยนต์บรรทุกไปประกอบการขนส่งในนามของจำเลยที่ 2 ฟังได้ว่าจำเลยทั้งสองมีผลประโยชน์ร่วมกันในการประกอบการขนส่ง และร่วมกันเป็นนายจ้างของ ถ.ผู้ขับรถยนต์บรรทุกคันดังกล่าวเมื่อถ. ผู้เป็นลูกจ้างกระทำละเมิดในทางการที่จ้าง และในการประกอบการขนส่งอันเป็นธุรกิจที่จำเลยทั้งสองมีผลประโยชน์ร่วมกัน จำเลยที่ 2 จึงต้องร่วมรับผิดด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2086/2523

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดจากความประมาทเลินเล่อในการสูบถ่ายน้ำมัน ทำให้เกิดเพลิงไหม้ และความรับผิดของนายจ้างร่วม
จำเลยที่ 1 และที่ 2 ได้กระทำโดยประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงในการต่อท่อสูบถ่ายน้ำมันเบนซินจากเรือบรรทุกน้ำมันเข้าคลังน้ำมันของจำเลยที่ 3 ที่ 4 เมื่อเดินเครื่องสูบน้ำมันแล้วเป็นเหตุให้น้ำมันเบนซิน 5,195 ลิตร รั่วไหลตกลงไปในแม่น้ำแผ่กระจายไปบนผิวน้ำถ่านที่เหลือจากการหุงต้มทิ้งลงในแม่น้ำตามปกติทำให้เกิดไฟลุกไหม้น้ำมันเบนซินบนผิวน้ำลุกลามไหม้บ้านเรือนทรัพย์สินของโจทก์อย่างรวดเร็วเป็นผลโดยตรงจากความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงของจำเลยที่ 1 และที่ 2 จำเลยทั้งสองต้องร่วมรับผิดต่อโจทก์ในความเสียหายที่เกิดขึ้น
จำเลยที่ 3 ที่ 4 ดำเนินกิจการคลังน้ำมันร่วมกันโดย ช. ลูกจ้างของจำเลยที่ 4 เป็นผู้จัดการคลังน้ำมันร่วมกับจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นผู้จัดการของจำเลยที่ 3 ถือได้ว่าการกระทำโดยประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงของจำเลยที่ 1 และที่ 2 กระทำไปในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 3 และที่ 4 ผู้เป็นนายจ้างร่วมกัน จำเลยที่ 3 และที่ 4 ต้องร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 1 และที่ 2 ด้วย