พบผลลัพธ์ทั้งหมด 9 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6888/2543 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลในการพิจารณาแก้ไขคำให้การ: ดุลพินิจและการนำสืบหลักฐาน
ป.วิ.พ.มาตรา 180 เป็นบทบัญญัติให้อำนาจโจทก์หรือจำเลยที่จะยื่นคำร้องขอแก้ไขเพิ่มเติมคำฟ้องหรือคำให้การของตน หาได้เป็นบทบัญญัติบังคับศาลที่จะต้องอนุญาตตามคำร้องของโจทก์จำเลยเสมอไป เมื่อศาลพิจารณาคำร้องโจทก์จำเลยแล้วเมื่อมีเหตุอันสมควร ศาลก็สามารถใช้ดุลพินิจอนุญาตหรือไม่อนุญาตได้ ซึ่งศาลจะพิจารณาคำร้องเป็นเรื่อง ๆ ไป
จำเลยยื่นคำร้องขอแก้ไขเพิ่มเติมคำให้การภายหลังการชี้สองสถานแม้จะอ้างเหตุว่าโจทก์คิดดอกเบี้ยเกินอัตราตามที่กฎหมายกำหนด ซึ่งเป็นปัญหาอันเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชนก็ตาม แต่เมื่อศาลชั้นต้นกำหนดประเด็นว่า"จำเลยต้องรับผิดต่อโจทก์เพียงใด" โจทก์ซึ่งมีหน้าที่นำสืบก็ต้องนำสืบถึงยอดหนี้และดอกเบี้ยที่โจทก์คิดจากจำเลยตามประเด็นดังกล่าว และจำเลยก็สามารถสืบหักล้างว่าดอกเบี้ยที่ถูกต้องตามกฎหมายที่โจทก์มีสิทธิคิดจากจำเลยมีเพียงใด กรณีจึงไม่มีเหตุสมควรที่ศาลจะอนุญาตให้จำเลยแก้ไขเพิ่มเติมคำให้การตามคำร้องอีก
จำเลยยื่นคำร้องขอแก้ไขเพิ่มเติมคำให้การภายหลังการชี้สองสถานแม้จะอ้างเหตุว่าโจทก์คิดดอกเบี้ยเกินอัตราตามที่กฎหมายกำหนด ซึ่งเป็นปัญหาอันเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชนก็ตาม แต่เมื่อศาลชั้นต้นกำหนดประเด็นว่า"จำเลยต้องรับผิดต่อโจทก์เพียงใด" โจทก์ซึ่งมีหน้าที่นำสืบก็ต้องนำสืบถึงยอดหนี้และดอกเบี้ยที่โจทก์คิดจากจำเลยตามประเด็นดังกล่าว และจำเลยก็สามารถสืบหักล้างว่าดอกเบี้ยที่ถูกต้องตามกฎหมายที่โจทก์มีสิทธิคิดจากจำเลยมีเพียงใด กรณีจึงไม่มีเหตุสมควรที่ศาลจะอนุญาตให้จำเลยแก้ไขเพิ่มเติมคำให้การตามคำร้องอีก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 228/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเปลี่ยนแปลงราคาซื้อขายที่ดิน การนำสืบหลักฐานราคาที่แท้จริงไม่ขัดต่อข้อห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
สัญญาซื้อขายที่ดินระบุราคาซื้อขายจำนวน3,000,000บาทแต่คู่ความรับกันว่าซื้อขายกันจริงในราคา9,500,000บาทดังนั้นแม้สัญญาซื้อขายมีข้อความว่าผู้ซื้อได้ชำระและผู้ขายได้รับเงินค่าที่ดินเรียบร้อยแล้วก็ตามการที่ผู้ขายนำสืบว่ายังได้รับเงินค่าที่ดินไม่ครบถ้วนตามราคาที่แท้จริงจึงไม่เป็นการนำสืบเปลี่ยนแปลงแก้ไขข้อความในสัญญาซื้อขายไม่ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา94(ข)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 567/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิเรียกดอกเบี้ยเกินอัตรากฎหมาย: บทบาทการนำสืบหลักฐานประกาศกระทรวงการคลัง
ประกาศกระทรวงการคลังที่ให้โจทก์คิดดอกเบี้ยได้ในอัตราที่เกินกว่ากฎหมายกำหนดไม่ใช่ข้อกฎหมายที่ศาลสามารถรับรู้ได้เอง แต่เป็นข้อเท็จจริงที่คู่ความต้องนำสืบ เมื่อทางพิจารณาโจทก์ไม่นำสืบความข้อนี้ให้ปรากฏต่อศาล โจทก์จึงไม่มีสิทธิคิดดอกเบี้ยเกินไปจากอัตราปกติตามที่กฎหมายบัญญัติไว้ เมื่อโจทก์เรียกดอกเบี้ยจากจำเลยซึ่งเป็นผู้กู้ในอัตราร้อยละ19.5 ต่อปีซึ่งเกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนดและเป็นการฝ่าฝืนพระราชบัญญัติ ห้ามเรียกดอกเบี้ยเกินอัตรา พ.ศ. 2475 ข้อกำหนดอัตราดอกเบี้ยดังกล่าวจึงตกเป็นโมฆะ โจทก์หมดสิทธิที่จะเรียกดอกเบี้ยจากจำเลยตามสัญญา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4310/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อตกลงสละสิทธิอุทธรณ์: ผลผูกพันและข้อยกเว้นการนำสืบหลักฐานใหม่
ระหว่างระยะเวลาที่คู่ความอาจอุทธรณ์คดีแพ่งได้ โจทก์กับจำเลยตกลงกันในการพิจารณาคดีอาญาที่โจทก์ฟ้องจำเลยข้อหาโกงเจ้าหนี้ และเบิกความเท็จว่าโจทก์ยอมถอนฟ้องคดีดังกล่าวแลกกับการที่จำเลยงดเว้นการใช้สิทธิอุทธรณ์คดีแพ่ง จำเลยยืนยันรับข้อตกลงดังกล่าว เมื่อโจทก์ถอนฟ้องคดีอาญาตามข้อตกลงแล้ว ก็ถือได้ว่าจำเลยสละสิทธิอุทธรณ์คดีนี้ไปแล้วตามข้อตกลงดังกล่าว จำเลยจะกลับมาใช้สิทธิอุทธรณ์คดีแพ่งไม่ได้ ศาลฎีการับฟังสำเนารายงานกระบวนพิจารณาของศาลในอีกคดีหนึ่งซึ่งเพิ่งเกิดขึ้นหลังจากศาลชั้นต้นพิพากษาคดีนี้ได้ เพราะโจทก์ย่อมไม่อาจนำสืบถึงรายงานกระบวนพิจารณาดังกล่าวในศาลชั้นต้นได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1338/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การนำสืบข้อเท็จจริงในคดีแรงงาน: ศาลแรงงานมีอำนาจรับฟังหลักฐานนอกเหนือจากคำวินิจฉัยของคณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์
การพิจารณาคำร้องเรื่องการกระทำอันไม่เป็นธรรมของคณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์ตามพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ฯ มาตรา 41, 121, 124 ต้องปรับด้วยมาตรา 43 มิใช่มาตรา 28 ซึ่งเป็นการพิจารณาข้อพิพาทของผู้ชี้ขาดข้อพิพาทแรงงาน
พระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ มาตรา 43 เป็นบทบัญญัติให้อำนาจแก่เจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหารการปฏิบัติการตามหน้าที่เพื่อให้ได้มาซึ่งข้อเท็จจริงสำหรับการวินิจฉัยชี้ขาดตามมาตรา 41 แต่มาตราทั้งสองก็หาได้บัญญัติว่า ข้อเท็จจริงที่ได้มาตามมาตรา 43 ถือเป็นยุติไม่ และเมื่อผู้กล่าวหาหรือผู้ถูกกล่าวหานำคดีไปสู่ศาลตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงาน และวิธีพิจารณาคดีแรงงานฯ มาตรา 8 วรรคท้ายแล้วคู่ความย่อมนำสืบข้อเท็จจริงได้ทุกอย่างทุกประการ เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงที่สมบูรณ์และให้ได้ความแจ้งชัดในข้อเท็จจริงแห่งคดีตามความต้องการของพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงานฯ มาตรา 44, 45
การสืบพยานในคดีแรงงานมีข้อแตกต่างจากคดีแพ่งสามัญโดยพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานฯ มาตรา 45 วรรคสองให้ศาลแรงงานเป็นผู้ซักถามพยาน ตัวความหรือทนายความจะซักถามพยานได้ต่อเมื่อได้รับอนุญาตจากศาลแรงงานการที่โจทก์นำสืบข้อเท็จจริงทั้งหลายในคดีได้ย่อมถือได้ว่าศาลแรงงานกลางอนุญาตแล้วแม้ว่าโจทก์จะมิได้นำสืบข้อเท็จจริงต่อคณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์ โจทก์ก็นำสืบข้อเท็จจริงในชั้นพิจารณาต่อศาลได้ และจำเลยมีหน้าที่นำสืบหักล้าง
พระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ มาตรา 43 เป็นบทบัญญัติให้อำนาจแก่เจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหารการปฏิบัติการตามหน้าที่เพื่อให้ได้มาซึ่งข้อเท็จจริงสำหรับการวินิจฉัยชี้ขาดตามมาตรา 41 แต่มาตราทั้งสองก็หาได้บัญญัติว่า ข้อเท็จจริงที่ได้มาตามมาตรา 43 ถือเป็นยุติไม่ และเมื่อผู้กล่าวหาหรือผู้ถูกกล่าวหานำคดีไปสู่ศาลตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงาน และวิธีพิจารณาคดีแรงงานฯ มาตรา 8 วรรคท้ายแล้วคู่ความย่อมนำสืบข้อเท็จจริงได้ทุกอย่างทุกประการ เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงที่สมบูรณ์และให้ได้ความแจ้งชัดในข้อเท็จจริงแห่งคดีตามความต้องการของพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงานฯ มาตรา 44, 45
การสืบพยานในคดีแรงงานมีข้อแตกต่างจากคดีแพ่งสามัญโดยพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานฯ มาตรา 45 วรรคสองให้ศาลแรงงานเป็นผู้ซักถามพยาน ตัวความหรือทนายความจะซักถามพยานได้ต่อเมื่อได้รับอนุญาตจากศาลแรงงานการที่โจทก์นำสืบข้อเท็จจริงทั้งหลายในคดีได้ย่อมถือได้ว่าศาลแรงงานกลางอนุญาตแล้วแม้ว่าโจทก์จะมิได้นำสืบข้อเท็จจริงต่อคณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์ โจทก์ก็นำสืบข้อเท็จจริงในชั้นพิจารณาต่อศาลได้ และจำเลยมีหน้าที่นำสืบหักล้าง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1328/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การนำสืบหลักฐานนอกประเด็นคดี: ศาลพิพากษาชอบแล้วหากข้อเท็จจริงเชื่อมโยงกับประเด็นที่กำหนด
จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธว่าไม่เคยซื้อหรือให้ตัวแทนซื้ออิฐจากโจทก์ และศาลชั้นต้นกำหนดประเด็นข้อพิพาทที่คู่ความจะต้องนำสืบว่าจำเลยทั้งสองได้สั่งซื้อสินค้าไปจากโจทก์ตามฟ้องหรือไม่ เมื่อโจทก์นำสืบว่าจำเลยที่ 1 เป็นผู้ดำเนินการก่อสร้างตึกแถว จำเลยที่ 2 เป็นผู้ควบคุมการก่อสร้าง เป็นตัวแทนของจำเลยที่ 1 และเป็นหุ้นส่วนกันในการก่อสร้าง จำเลยที่ 1ได้สั่งซื้อสินค้าจากโจทก์และศาลฟังข้อเท็จจริงตามคำเบิกความของจำเลยที่ 2 ที่รับว่าเป็นลูกจ้างของ ค. สามีจำเลยที่ 1เป็นผู้ควบคุมงาน ควบคุมอุปกรณ์ก่อสร้าง ส่วนไหนขาดก็สั่งเพิ่ม จำเลยทั้งสองได้สั่งซื้ออิฐไปจากโจทก์ตามฟ้อง ดังนี้ข้อเท็จจริงที่โจทก์นำสืบและที่ศาลรับฟังมา จึงเป็นข้อเท็จจริงเกี่ยวกับคดี ไม่เป็นการนอกประเด็น.(ที่มา-ส่งเสริม)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1057/2517
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้อง - ตัวแทน - สัญญาเช่าซื้อ - การรับข้อเท็จจริงของจำเลย - การนำสืบหลักฐาน
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทำสัญญาเช่าซื้อรถยนต์จากโจทก์ในสัญญาเช่าซื้อซึ่งแนบมาท้ายฟ้องระบุด้วยว่าผู้ลงชื่อเป็นคู่สัญญากับจำเลยเป็นผู้แทนผู้รับมอบอำนาจจากโจทก์ จำเลยก็ให้การรับว่าได้ทำสัญญาเช่าซื้อกับโจทก์มิได้กล่าวว่าสัญญาไม่สมบูรณ์เพราะเหตุใด ที่ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์โดยวินิจฉัยว่า ไม่ปรากฏว่าโจทก์ได้มอบอำนาจให้ทำสัญญาเช่าซื้อถือไม่ได้ว่าโจทก์เป็นคู่สัญญากับจำเลย โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องนั้น จึงเป็นการมิชอบ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1003/2500
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ซื้อขายสินค้าไม่ตรงตามสภาพ/จำนวน - การนำสืบหลักฐาน/การชำระราคา - หน้าที่ของผู้ซื้อ/ผู้ขาย
สัญญาซื้อขายแว่นตาระบุลักษณะของแว่นตาไว้และมีข้อความกล่าวถึงกรณีที่สินค้าส่งมาไม่เหมือนตัวอย่าง หรือลักษณะที่ตกลงกันไว้อีกด้วย คู่ความจึงนำสืบพยานบุคคลตีความในสัญญานั้นได้ ว่าก่อนทำสัญญาได้ดูตัวอย่างเป็นที่พอใจแล้ว จึงให้สั่งแว่นตานั้นมาอันเป็นสัญญาซื้อขายตามตัวอย่าง ไม่ใช่ซื้อตามคำพรรณนา
การเรียกให้ผู้ขายรับของที่ส่งมอบไม่ตรงตามตัวอย่างคืนและหักเงินที่ชำระราคาล่วงหน้าไปแล้วผู้ซื้อฟ้องคดีเกิน 1 ปี นับแต่วันส่งมอบ คดีขาดอายุความ
จำเลยให้การและฟ้องแย้งให้โจทก์รับของที่โจทก์ส่งมอบไม่ตรงตามตัวอย่างคืนทั้ง 5 งวด และหักเงินราคาให้จำเลยแต่ได้ความว่าคดีของจำเลยขาดอายุความเสีย 4 งวดจำเลยสืบพยานถึงจำนวนของแต่ละงวดโดยประมาณ ซึ่งรับฟังไม่ได้ศาลให้จำเลยแถลงเพิ่มเติมว่าจำนวนและราคาแน่นอนเท่าใดเมื่อเสร็จสำนวนแล้ว คำแถลงนี้รับฟังไม่ได้
การเรียกให้ผู้ขายรับของที่ส่งมอบไม่ตรงตามตัวอย่างคืนและหักเงินที่ชำระราคาล่วงหน้าไปแล้วผู้ซื้อฟ้องคดีเกิน 1 ปี นับแต่วันส่งมอบ คดีขาดอายุความ
จำเลยให้การและฟ้องแย้งให้โจทก์รับของที่โจทก์ส่งมอบไม่ตรงตามตัวอย่างคืนทั้ง 5 งวด และหักเงินราคาให้จำเลยแต่ได้ความว่าคดีของจำเลยขาดอายุความเสีย 4 งวดจำเลยสืบพยานถึงจำนวนของแต่ละงวดโดยประมาณ ซึ่งรับฟังไม่ได้ศาลให้จำเลยแถลงเพิ่มเติมว่าจำนวนและราคาแน่นอนเท่าใดเมื่อเสร็จสำนวนแล้ว คำแถลงนี้รับฟังไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 176/2486
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การนำสืบหลักฐานนอกประเด็น การไม่รับฟังหลักฐาน และหน้าที่ของศาล
จำเลยนำสืบคดีผิดไปจากคำให้การต่อสู้ของตน ศาลย่อมไม่รับฟังคำพยานหลักฐานเช่นว่านั้น
การที่จำเลยนำสืบนอกประเด็นนั้น โจทก์ไม่มีหน้าที่จะต้องคัดค้านแต่ประการใด เพราะเป็นหน้าที่ของศาลที่จะรับฟังไม่ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 86
การที่จำเลยนำสืบนอกประเด็นนั้น โจทก์ไม่มีหน้าที่จะต้องคัดค้านแต่ประการใด เพราะเป็นหน้าที่ของศาลที่จะรับฟังไม่ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 86