พบผลลัพธ์ทั้งหมด 8 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5456/2539
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การนำส่งสำเนาอุทธรณ์: การปฏิบัติตามคำสั่งศาล และการเสียค่าธรรมเนียมเพียงพอต่อการนำส่ง
การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งตามคำแถลงของผู้ร้องว่าส่งให้โจทก์หากไม่มีผู้รับโดยชอบให้ปิดหมายได้นั้นจะถือว่าศาลชั้นต้นกำหนดให้ผู้ร้องนำส่งสำเนาอุทธรณ์ด้วยหาได้ไม่กรณีเช่นนี้เพียงแต่ผู้ร้องนำเงินค่าธรรมเนียมในการส่งไปชำระแก่เจ้าหน้าที่ก็ถือว่าผู้ร้องได้นำส่งสำเนาอุทธรณ์แล้วกรณีไม่อาจถือได้ว่าผู้ร้องทิ้งอุทธรณ์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1154/2539
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การทิ้งฟ้องอุทธรณ์เนื่องจากไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาลเกี่ยวกับการนำส่งสำเนาอุทธรณ์ แม้จะวางค่าพาหนะแล้ว
ศาลชั้นต้นได้มีคำสั่งในวันเดียวกันกับที่โจทก์ยื่นอุทธรณ์ให้โจทก์ทั้งหกนำส่งสำเนาอุทธรณ์ใน7วันส่งไม่ได้ให้แถลงใน7วันนับแต่วันส่งไม่ได้มิฉะนั้นจะถือว่าทิ้งฟ้องอุทธรณ์ถือว่าโจทก์ได้ทราบคำสั่งในวันนั้นแล้วเมื่อไม่แถลงให้ศาลทราบว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไปภายในกำหนด7วันนับแต่วันส่งไม่ได้จึงถือว่าโจทก์ทิ้งฟ้องอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา174(2)ประกอบมาตรา246แม้โจทก์จะได้วางเงินค่าพาหนะและค่าป่วยการในการนำส่งสำเนาอุทธรณ์ล่วงหน้าก็ไม่ทำให้โจทก์หมดหน้าที่ที่จะต้องจัดการนำส่งสำเนาตามคำสั่งของศาลชั้นต้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5698/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาลในการนำส่งฎีกา ทำให้ถูกวินิจฉัยเป็นการทิ้งฟ้อง
จำเลยยื่นฎีกาแแล้วไม่มานำส่งสำเนาฎีกาให้แก่โจทก์ตามกำหนดเวลาที่ศาลชั้นต้นสั่ง แม้จำเลยจะชำระค่าใช้จ่ายในการนำส่งไว้แล้วก็ไม่ทำให้จำเลยหมดหน้าที่ที่จะต้องจัดการนำส่งตามคำสั่งศาลชั้นต้น ทั้งเป็นการมาเสียค่าใช้จ่ายในการนำส่งเมื่อพ้นกำหนดเวลาตามคำสั่งแล้วอีกด้วย จึงเป็นกรณีที่จำเลยไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของศาลชั้นต้น เป็นการเพิกเฉยไม่ดำเนินคดีภายในเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนด ถือว่าจำเลยทิ้งฟ้องฎีกา ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 174 (2), 246, 247
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1621/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การนำส่งสำเนาอุทธรณ์ตามกำหนด หากมีหลักฐานการส่ง ศาลต้องไต่สวนเพื่อพิสูจน์ก่อนสั่งจำหน่ายคดี
จำเลยยืนยันว่าได้จัดการนำส่งหมายนัดสำเนาอุทธรณ์ให้โจทก์ภายในกำหนดเวลาแล้ว โดยมีหลักฐานการรับเงินค่าส่งหมายมาแสดงซึ่งหากข้อเท็จจริงฟังได้ดังที่จำเลยฎีกา กรณีไม่อาจถือได้ว่าจำเลยทิ้งฟ้องอุทธรณ์และศาลอุทธรณ์ก็อาจไม่สั่งจำหน่ายคดี เมื่อจำเลยฎีกาอ้างข้อเท็จจริงโต้แย้งกับข้อเท็จจริงที่ปรากฏในสำนวนชอบที่ศาลจะทำการไต่สวนเพื่อให้ได้ความจริงแน่ชัดเสียก่อน ถ้าเห็นว่าจำเลยไม่ได้เพิกเฉยที่จะปฏิบัติตามคำสั่งศาล คำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์อาจเปลี่ยนแปลงไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1056/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การทิ้งฟ้องอุทธรณ์เนื่องจากไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาลในการนำส่งสำเนาอุทธรณ์ภายในกำหนดเวลา
เมื่อศาลชั้นต้นสั่งรับอุทธรณ์ของโจทก์แล้ว ได้สั่งให้ โจทก์นำส่งภายใน 7 วัน แต่โจทก์มิได้มานำส่งสำเนาอุทธรณ์ ให้แก่จำเลยภายในกำหนดเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนด อีกทั้งโจทก์กระทำเพียงเสียค่าธรรมเนียมในการนำส่งเท่านั้น มิได้นำส่งเอง กรณีถือได้ว่าโจทก์ทิ้งฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1645/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การทิ้งฟ้องเนื่องจากไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาลในการนำส่งสำเนาอุทธรณ์ และผลกระทบต่อการดำเนินคดี
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ผู้ร้องเป็นผู้จัดการนำส่งสำเนาอุทธรณ์ภายในกำหนดเวลา 15 วัน ซึ่งศาลชั้นต้นมีอำนาจสั่งได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 70 วรรคท้ายทั้งกำหนดเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนดนั้นก็เป็นเวลาที่สมควรการที่โจทก์ไม่ดำเนินคดีภายในเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนดจึงถือได้ว่าโจทก์ทิ้งฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 174(2) ศาลอุทธรณ์ชอบที่จะจำหน่ายคดีออกจากสารบบความ ตามมาตรา 132(1) ประกอบด้วยมาตรา 246 ส่วนที่โจทก์ฎีกาว่า ได้ไปเสียค่าใช้จ่ายในการนำส่งสำเนาอุทธรณ์ไว้แล้วนั้น ถ้าแม้ข้ออ้างของโจทก์จะเป็นจริงก็ไม่ทำให้โจทก์หมดหน้าที่ ที่จะต้องจัดการนำส่งตามคำสั่งของศาลชั้นต้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 965/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หน้าที่นำส่งอุทธรณ์: จำเลยในฐานะโจทก์ชั้นอุทธรณ์ต้องจัดการนำส่งเอง แม้จะวางเงินค่าส่งแล้วก็ยังต้องจัดการนำส่งให้ครบถ้วน
อุทธรณ์เป็นคำฟ้องตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 1(3) ซึ่งมาตรา 70 ที่ใช้บังคับในขณะนั้นก่อนมีการแก้ไขเพิ่มเติม บัญญัติให้โจทก์จัดการนำส่ง จำเลยเป็นผู้อุทธรณ์ถือว่าจำเลยเป็นโจทก์ในชั้นอุทธรณ์ ศาลชั้นต้น สั่งให้จำเลยนำส่งสำเนาอุทธรณ์ภายใน 15 วัน จึงชอบด้วยกฎหมายแล้ว เมื่อจำเลยมิได้นำส่ง สำเนาอุทธรณ์ภายในกำหนดเวลาดังกล่าว ย่อมถือได้ว่า เป็นการทิ้งฟ้องตาม มาตรา 174(2) ซึ่งตามมาตรา 132(1) ให้ศาลมีคำสั่งให้จำหน่ายคดีเสียจากสารบบความ ซึ่งนำมาใช้บังคับแก่การพิจารณาและการชี้ขาดตัดสินคดีในชั้นอุทธรณ์ได้โดยอนุโลมตามมาตรา 246 แม้จำเลยวางเงินค่านำส่งสำเนาอุทธรณ์แล้วจำเลยก็ยังมีหน้าที่ต้องนำเจ้าหน้าที่ไปส่งสำเนาอุทธรณ์ให้แก่โจทก์ เมื่อไม่จัดการนำส่งภายในเวลา ที่ศาลชั้นต้นกำหนด ก็ชอบที่ศาลจะจำหน่ายคดีเสียได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4715/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การนำส่งหมายเรียก/สำเนาอุทธรณ์ล่าช้า/เข้าใจผิด ไม่ถือว่าทิ้งฟ้องอุทธรณ์
โจทก์ยื่นฟ้องอุทธรณ์พร้อมกับคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถา ศาลชั้นต้นสั่งนัดไต่สวนคำร้องและส่งสำเนาคำฟ้องอุทธรณ์แก่จำเลย โดยให้โจทก์นำส่งใน 7 วัน ต่อมาโจทก์ยื่นคำแถลงไม่ติดใจขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาต่อไปและได้นำเงินค่าธรรมเนียมมาชำระ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งเมื่อวันที่ 10 มกราคม 2528 ให้รับอุทธรณ์ของโจทก์ส่งสำเนาอุทธรณ์ให้จำเลยแก้ใน 15 วัน โดยให้โจทก์นำส่งใน 7 วัน หมายแจ้งคำสั่งให้ทนายโจทก์ทราบ โจทก์ได้ชำระเงินค่าธรรมเนียมในการส่งต่อ เจ้าหน้าที่เดินหมายเมื่อวันที่ 16 มกราคม 2528 แต่พนักงานเดินหมายได้นำหมายนัดไต่สวนคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาพร้อมกับสำเนาอุทธรณ์ไปส่งแก่จำเลยในวันที่ 17 มกราคม 2528 โดยพนักงานเดินหมายอาจไม่ทราบว่าได้มีการงดไต่สวนคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาแล้ว และโจทก์อาจจะเข้าใจผิดว่า การที่โจทก์ได้ชำระค่าธรรมเนียมในการนำส่งหมายนัดและสำเนาอุทธรณ์ไว้แล้วนั้น เป็นการนำส่งหมายนัดให้จำเลยแก้อุทธรณ์แล้ว เพราะโจทก์ได้ชำระค่าธรรมเนียมในการนำส่งดังกล่าวหลังจากศาลชั้นต้นสั่งรับอุทธรณ์ของโจทก์แล้วถึง 6 วันโจทก์จึงมิได้ นำส่งอีก แม้ต่อมาภายหลัง โจทก์จะได้รับหมายแจ้งคำสั่งให้นำส่งหมายนัดและสำเนาอุทธรณ์แก่จำเลยอีกครั้งหนึ่ง แต่หมายแจ้งคำสั่งดังกล่าวลงวันที่ 14 มกราคม 2528 ซึ่งเป็นวันก่อนที่โจทก์ได้ชำระค่าธรรมเนียมในการนำส่งหมายนัดและสำเนาอุทธรณ์โจทก์จึงอาจเข้าใจได้อีกว่าโจทก์ได้ชำระค่าธรรมเนียมในการนำส่งตามหมายแจ้งคำสั่งของศาลชั้นต้นนั้นแล้ว จึงมิได้ติดต่อเพื่อทราบเหตุดังกล่าวจากศาลชั้นต้นอีก ตามพฤติการณ์ดังกล่าว เห็นได้ว่า กรณีเป็นการเข้าใจผิดของโจทก์และพนักงานเดินหมาย ทั้งสำเนาอุทธรณ์ก็ได้ส่งแก่จำเลยแล้ว ยังไม่ได้ส่งเฉพาะหมายเรียกให้จำเลยแก้อุทธรณ์เท่านั้นซึ่งศาลชั้นต้นก็มิได้สั่งให้ออกหมายเรียกให้จำเลยแก้อุทธรณ์แต่อย่างใด ดังนั้นจะถือว่าโจทก์ทิ้งฟ้องอุทธรณ์ไม่ได้