พบผลลัพธ์ทั้งหมด 7 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 650/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดศุลกากร: เฮโรอีนไม่อาจเสียภาษี การนำออกนอกราชอาณาจักรไม่ใช่การหลีกเลี่ยงภาษี
เฮโรอีนที่จำเลยพยายามนำหรือพาออกนอกราชอาณาจักรเป็นของที่มีไว้เป็นความผิดไม่อาจเสียภาษีได้ การที่จำเลยนำหรือพาออกนอกราชอาณาจักรนั้นมิใช่เป็นการนำหรือพาออกไปนอกราชอาณาจักรโดยหลีกเลี่ยงการเสียภาษีศุลกากรที่ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตาม พ.ร.บ. ศุลกากร พ.ศ.2469 มาตรา27 อีกกระทงหนึ่ง และศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายืนจึงไม่ชอบ ศาลฎีกาเห็นสมควรแก้ไขเสียให้ถูกต้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 359/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การนำของออกนอกราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต และขอบเขตการบังคับใช้กฎหมายในอดีต
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นลงโทษปรับจำเลยสถานเดียวเป็นเงิน 56,025 บาท คดีต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218
ประกาศกระแสพระบรมราชโองการให้ใช้สัญญาว่าด้วยการเดินรถไฟระหว่างพระราชอาณาจักรสยามกับกลันตันไทรบุรีเปอร์ลิศ และสหรัฐมลายู ลงวันที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2467 เป็นพระบรมราชโองการของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 ซึ่งเป็นพระมหากษัตริย์ในสมัยสมบูรณาญาสิทธิราชย์ มีผลบังคับใช้เป็นกฎหมาย เมื่อได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้วถือว่าเป็นที่ทราบทั่วกันและเป็นข้อที่ศาลรับรู้ได้เอง มิใช่เป็นข้อเท็จจริงที่ต้องนำสืบโจทก์จึงไม่ต้องนำสืบถึงความมีอยู่ของประกาศกระแสพระบรมราชโองการดังกล่าว.
ประกาศกระแสพระบรมราชโองการให้ใช้สัญญาว่าด้วยการเดินรถไฟระหว่างพระราชอาณาจักรสยามกับกลันตันไทรบุรีเปอร์ลิศ และสหรัฐมลายู ลงวันที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2467 เป็นพระบรมราชโองการของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 ซึ่งเป็นพระมหากษัตริย์ในสมัยสมบูรณาญาสิทธิราชย์ มีผลบังคับใช้เป็นกฎหมาย เมื่อได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้วถือว่าเป็นที่ทราบทั่วกันและเป็นข้อที่ศาลรับรู้ได้เอง มิใช่เป็นข้อเท็จจริงที่ต้องนำสืบโจทก์จึงไม่ต้องนำสืบถึงความมีอยู่ของประกาศกระแสพระบรมราชโองการดังกล่าว.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 322/2521
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแยกกระทงความผิดฐานมีเฮโรอีนไว้เพื่อขายและพยายามนำออกนอกราชอาณาจักร ต้องระบุเจตนาชัดเจน
การนำเฮโรอีนออกนอกราชอาณาจักร ถ้ามิใช่เพื่อขาย จำหน่ายหรือจ่ายแจก เป็นความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษพ.ศ.2465 มาตรา 20 วรรคสาม พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ(ฉบับที่ 4) พ.ศ.2504 มาตรา 5 ส่วนการนำเฮโรอีนออกนอกราชอาณาจักรเพื่อขาย จำหน่ายหรือจ่ายแจกเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2465 มาตรา 20 วรรคท้าย พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ 4) พ.ศ.2504 มาตรา 5 เป็นความผิดคนละฐานต่างกัน
ฟ้องโจทก์แยกการกระทำผิดของจำเลยออกเป็น 2 กระทง กระทงแรกเป็นเรื่องร่วมกันมีเฮโรอีนไว้ในครอบครองเพื่อขายจำหน่ายหรือจ่ายแจกกระทงหลังเป็นเรื่องร่วมกันพยายามนำเฮโรอีนที่มีไว้ในกระทงแรกออกนอกราชอาณาจักรในข้อหากระทงหลังโจทก์มิได้กล่าวไว้เลยว่าจำเลยพยายามนำเฮโรอีนออกนอกราชอาณาจักรเพื่อขาย จำหน่ายหรือจ่ายแจก อันเป็นสาระสำคัญแห่งองค์ประกอบความผิด ดังนั้น แม้โจทก์จะอ้างบทมาตรา 20 ซึ่งคลุมทุกกรณีมาด้วยก็ตามศาลก็ไม่อาจลงโทษจำเลยในความผิดฐานนี้ได้
ฟ้องโจทก์แยกการกระทำผิดของจำเลยออกเป็น 2 กระทง กระทงแรกเป็นเรื่องร่วมกันมีเฮโรอีนไว้ในครอบครองเพื่อขายจำหน่ายหรือจ่ายแจกกระทงหลังเป็นเรื่องร่วมกันพยายามนำเฮโรอีนที่มีไว้ในกระทงแรกออกนอกราชอาณาจักรในข้อหากระทงหลังโจทก์มิได้กล่าวไว้เลยว่าจำเลยพยายามนำเฮโรอีนออกนอกราชอาณาจักรเพื่อขาย จำหน่ายหรือจ่ายแจก อันเป็นสาระสำคัญแห่งองค์ประกอบความผิด ดังนั้น แม้โจทก์จะอ้างบทมาตรา 20 ซึ่งคลุมทุกกรณีมาด้วยก็ตามศาลก็ไม่อาจลงโทษจำเลยในความผิดฐานนี้ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1750/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขนข้าวไปกองริมตลิ่งยังไม่ถือเป็นความผิดฐานนำข้าวออกนอกราชอาณาจักร ต้องพิสูจน์เจตนาและลงมือกระทำจริง
จำเลยขนข้าวไปกองไว้ที่ริมตลิ่งแม่น้ำโขง 8 กระสอบมีข้าวอยู่กระสอบละครึ่งและมีเชือกหนึ่งเส้นยาว ประมาณ 4 วากองอยู่บนกระสอบริมตลิ่ง จำเลยว่าข้าวนี้เป็นของจำเลยจะนำขนไปที่บ้านเช่นนี้ถือว่ารูปคดียังห่างไกลกับความผิดสำเร็จในฐานนำข้าวออกนอกราชอาณาจักร เพราะยังเชื่อหรือสันนิษฐานไม่ได้ว่าแน่ว่าจำเลยจะนำลงเรือพาออกนอกพระราชอาณาจักร แม้หากจะมีเจตนาอยู่ก่อนแล้วว่าจะนำข้าวออกนอกพระราชอาณาจักรจำเลยก็อาจยังยั้งไม่กระทำดังที่ตั้งใจไว้นั้นได้ การกระทำของจำเลยจึงเป็นแต่เพียงอยู่ในชั้นตระเตรียมการและยังไม่เข้าคั่นพยายามนำข้าวออกนอกราชอาณาจักร
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1219/2496
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขนส่งสินค้าชายแดนไม่ถือเป็นการหลีกเลี่ยงภาษี หากไม่ได้มุ่งหวังนำออกนอกราชอาณาจักร
พระราชบัญญัติศุลกากร (ฉบับที่ 7) พ.ศ.2480 มาตรา 5 นั้น เป็นเรื่องควบคุมมิให้นำสิ่งของเข้าในหรือออกนอกราชอาณาจักรโดยหลีกเลี่ยงภาษี จึงบังคับให้ต้องขนส่งของที่นำเข้ามาหรือนำออกไปนั้นไปตามทางอนุมัติ และตามเวลาที่อธิบดีกรมศุลกากรกำหนดไว้ ฉะนั้นเมื่อไม่ได้ส่งของออกหรือเข้าในราชอาณาจักรแล้ว เพียงแต่ขนส่งของจากด่านศุลกากรไปยังร้านของตนที่ตลาดชายเขตแดนเพื่อจำหน่ายแก่ชุมนุมชนที่นั่น แม้จะขนส่งไปนอกเส้นทางอนุมัติ และนอกเวลาที่อธิบดีกรมศุลกากรกำหนดไว้ ก็ยังไม่เป็นผิดตามกฎหมายที่กล่าว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1471/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกำหนดราคาข้าวที่ใช้คำนวณค่าปรับและโทษริบทรัพย์ในคดีลักลอบนำข้าวออกนอกราชอาณาจักร
โจทก์ฟ้องหาว่า จำเลยนำข้าวสาร 100 กระสอบ ออกนอกราชอาณาจักร ตามฟ้องข้อ ก.โจทก์กล่าวว่าราคา 10274 บาท 40 สตางค์ แต่ท้ายฟ้องขอให้ริบข้าว100 กระสอบถ้านำมาริบไม่ได้ ขอให้จำเลยใช้ราคา 1705 บาท 92 สตางค์ เมื่อตามท้องสำนวนไม่ปรากฎว่าราคาข้าวที่ถูกต้องต่อความจริงเป็นราคาอย่างมากหรืออย่างน้อย ศาลจำต้องถือราคาข้าว 100 กระสอบที่ขอมาในฟ้องว่า 1705 บาท 92 สตางค์
จำเลย 6 คนต้องโทษปรับรวมกันเป็นเงิน 6823 บาท 68 สตางค์ เมื่อจำเลยจะต้องจำแทนค่าปรับ ให้แบ่งกันจำแทนคนละ 2 เดือน
ข้าวของกลางในคดีที่นำออกไปนอกราชอาณาจักร์โดยไม่ได้รับอนุญาต ต้องริบทั้งสิ้น
(อ้างฎีกา 503/2492)
จำเลย 6 คนต้องโทษปรับรวมกันเป็นเงิน 6823 บาท 68 สตางค์ เมื่อจำเลยจะต้องจำแทนค่าปรับ ให้แบ่งกันจำแทนคนละ 2 เดือน
ข้าวของกลางในคดีที่นำออกไปนอกราชอาณาจักร์โดยไม่ได้รับอนุญาต ต้องริบทั้งสิ้น
(อ้างฎีกา 503/2492)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1471/2492
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกำหนดราคาข้าวในคดีนำข้าวออกนอกราชอาณาจักร การริบของกลาง และการแบ่งชำระค่าปรับ
โจทก์ฟ้องหาว่า จำเลยนำข้าวสาร 100 กระสอบ ออกนอกราชอาณาจักร ตามฟ้องข้อ ก.โจทก์กล่าวว่าราคา 10,274 บาท 40 สตางค์ แต่ท้ายฟ้องขอให้ริบข้าว 100 กระสอบถ้านำมาริบไม่ได้ ขอให้จำเลยใช้ราคา 1,705 บาท 92 สตางค์เมื่อตามท้องสำนวนไม่ปรากฏว่าราคาข้าวที่ถูกต้องต่อความจริงเป็นราคาอย่างมากหรืออย่างน้อย ศาลจำต้องถือราคาข้าว 100 กระสอบที่ขอมาในฟ้องว่า 1,705 บาท 92 สตางค์
จำเลย 6 คนต้องโทษปรับรวมกันเป็นเงิน 6,823 บาท 68 สตางค์ เมื่อจำเลยจะต้องจำแทนค่าปรับ ให้แบ่งกันจำแทนคนละ 2 เดือน
ข้าวของกลางในคดีที่นำออกไปนอกราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต ต้องริบทั้งสิ้น (อ้างฎีกา 503/2492)
จำเลย 6 คนต้องโทษปรับรวมกันเป็นเงิน 6,823 บาท 68 สตางค์ เมื่อจำเลยจะต้องจำแทนค่าปรับ ให้แบ่งกันจำแทนคนละ 2 เดือน
ข้าวของกลางในคดีที่นำออกไปนอกราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต ต้องริบทั้งสิ้น (อ้างฎีกา 503/2492)