คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
บทฟ้อง

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 5 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3608/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การริบของกลางในคดียาเสพติด: ศาลฎีกาตัดสินว่าการริบต้องสอดคล้องกับบทฟ้องและวัตถุที่ใช้ในการกระทำผิด
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองฐานมีเฮโรอีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย มิได้ขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองฐานเสพและจำหน่ายเฮโรอีนโดยฝ่าฝืนกฎหมาย ไซลิงค์พร้อมเข็มฉีดยาและเงินที่จำเลยทั้งสองได้มาจากการจำหน่ายเฮโรอีน จึงมิใช่เครื่องมือ เครื่องใช้ หรือวัตถุอื่นซึ่งจำเลยได้ใช้ในการกระทำความผิดตามที่โจทก์ฟ้องดังที่บัญญัติไว้ในมาตรา 102 แห่งพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 จึงไม่อาจริบได้แม้จำเลยทั้งสองไม่ได้ฎีกา แต่ปัญหาดังกล่าวเป็นปัญหาเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนศาลฎีกาเห็นสมควรหยิบยกขึ้นวินิจฉัยได้ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142(5),246 และ 247 ประกอบด้วย ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 15

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1331/2520

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยิงต่อเนื่องหลายกรรมต่างกัน ศาลปรับบทฟ้องให้ถูกต้องแต่ไม่เพิ่มโทษ
จำเลยกับพวกยิง ด. ที่พื้นดินคนละ 1 นัด แล้วจำเลยกับพวกขึ้นเรือน อ. แล้วขึ้นเรือน ส. ลงจากเรือน ส. ไปพบ ถ. เดินมา จำเลยกับพวกยิง ถ. อีกคนละ 1 นัด ดังนี้ เป็นความผิดตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 ต่างกระทง กัน โจทก์ฟ้องบรรยายว่าจำเลยยิง ด. และยิง ถ. หลายนัด พอถือได้ว่าฟ้องเป็นสองกรรมต่างกัน แต่ศาลชั้นต้นลงโทษกรรมเดียว โจทก์มิได้อุทธรณ์ฎีกา ศาลฎีกาปรับบทให้ถูก แต่ไม่เพิ่มเติมโทษ
ยิงคนหนึ่งตาย กระสุนเลยไปถูกอีกคนหนึ่ง แต่ไม่ตายเป็นความผิดตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288,80 กรรมเดียวกัน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1866/2519

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดพยายามส่งยาเสพติดออกนอกราชอาณาจักร และการลงโทษตามบทฟ้อง แม้ไม่อ้างบทลงโทษโดยตรง
เจ้าพนักงานสืบทราบว่า จำเลยกับพวกร่วมกันมีและส่งยาเสพติดให้โทษออกนอกราชอาณาจักรโดยทางเครื่องบินมาหลายครั้งแล้ว วันเกิดเหตุได้รับแจ้งจากสายลับว่า จำเลยกับพวกจะส่งไปอีก จึงพากันไปซุ่มดักรออยู่ในบริเวณที่จอดรถชั้นล่างของห้องผู้โดยสารขาออกของท่าอากาศยานดอนเมืองที่จำเลยเคยนำรถมาจอด เมื่อจำเลยขับรถเก๋งมาจอด ณ ที่นั้น เจ้าพนักงานจึงตรวจค้น พบเฮโรอีน 32 ถุง ฝิ่นสุก 15 ห่อ รวม 30 กว่ากิโลกรัม มีราคาถึง520,000 บาทเศษ การจับกุมดังนี้มิใช่กระทำโดยบังเอิญ ปริมาณของของกลางตลอดจนสถานที่ที่นำมาบ่งชัดว่าจำเลยกับพวกมีเจตนาส่งออกนอกราชอาณาจักรเพื่อจำหน่าย ตามพฤติการณ์ก็น่าเชื่อว่าจำเลยกับพวกได้นัดแนะกันมาก่อนแล้ว เพียงแต่รอนำ ของกลางขึ้นไปที่ห้องผู้โดยสารขาออกชั้นบนเพื่อส่งออกทางเครื่องบินเท่านั้น การกระทำของจำเลยกับพวกเข้าขั้นลงมือกระทำความผิดแล้ว แต่ไม่บรรลุผลเพราะเจ้าพนักงานจับกุมเสียก่อน จึงมีความผิดฐานพยายามส่งเฮโรอีนและฝิ่นออกนอกราชอาณาจักรเพื่อจำหน่าย
โจทก์บรรยายฟ้องมาแจ้งชัดว่า จำเลยพยายามส่งเฮโรอีนของกลางออกนอกราชอาณาจักรเพื่อจำหน่าย และอ้างมาตรา 4 ทวิ อันเป็นบทห้ามกระทำผิดแล้ว แม้จะไม่ได้อ้างมาตรา20 ซึ่งเป็นบทลงโทษมาด้วย โดยอ้างแต่มาตรา 20 ตรีมาเพียงบทเดียว ศาลก็ลงโทษตามมาตรา 20 วรรคสี่ได้ไม่ใช่เป็นเรื่องที่โจทก์ไม่ประสงค์ให้ลงโทษ (วินิจฉัยโดยที่ประชุมใหญ่ทั้ง 2 วรรค)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 986-987/2508

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องกล่าวหาความผิดฐานปลอมแปลงเอกสารและเบิกความเท็จ ศาลพิจารณาบทฟ้องและข้อเท็จจริงที่ศาลอุทธรณ์ฟัง
การบรรยายฟ้องว่า จำเลยเบิกความเท็จต่อศาลจังหวัดกาญจนบุรีนั้น ไม่ใช่ข้อกล่าวหาว่าจำเลยแจ้งความเท็จแก่เจ้าพนักงาน และแจ้งให้เจ้าพนักงานจดข้อความอันเป็นเท็จตามมาตรา 137,267
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามมาตรา 180 แต่ให้ลงโทษกระทงหนักสำนวนละ 2 ปี มิได้กำหนดโทษตามมาตรา180 ไว้เท่าใด โดยเฉพาะกระทงความผิดตามมาตรา 180 นี้ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน มิได้แก้บท และลงโทษจำคุกเพียง 1 ปี เป็นการแก้ไข จำเลยจะฎีกาปัญหาข้อเท็จจริงเฉพาะกระทำความผิดตามมาตรา 180 นี้ไม่ได้ ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218
บรรยายฟ้องว่าจำเลยทั้งสองสมคบกันปลอมสัญญากู้และจำเลยทั้งสองได้ใช้กลฉ้อฉลทำสัญญาประนีประนอมยอมความตามสัญญากู้ด้วยการสมคบกัน เช่นนี้ เห็นได้ชัดว่าได้ฟ้องกล่าวหาถึงจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 180 ด้วย และเมื่อศาลฎีกาต้องฟังข้อเท็จจริงตามที่ศาลอุทธรณ์ฟังมาว่า จำเลยได้ร่วมกระทำในการนำสัญญากู้ซึ่งเป็นเอกสารเท็จมาแสดงเป็นพยานหลักฐานในคดี ฉะนั้น ใครจะเป็นผู้นำสัญญากู้มายื่นจึงไม่ใช่ข้อสำคัญที่จำเลยจะอ้างขึ้นเป็นข้อแก้ตัวให้พ้นผิดตามมาตรา 180 ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 386/2471

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องคดีชิงทรัพย์และการลงโทษฐานเสื่อมเสียอิศรภาพ ศาลต้องพิจารณาตามบทฟ้องและเจตนาของผู้ฟ้อง
ฟ้องไม่ได้อ้างบทฟ้องว่าชิงได้ความว่าเสื่อมเสียอิศรภาพศาลตัดสินยกฟ้อง