คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
บรรลุนิติภาวะ

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 10 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1024/2510

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความการเรียกร้องมรดก: การครอบครองทรัพย์สินโดยบิดาหลังบุตรบรรลุนิติภาวะและการขาดอายุความ
มารดาถึงแก่กรรม บรรดาบุตรรวมทั้งโจทก์และโจทก์ร่วมอยู่ในปกครองของบิดา บิดาได้ครอบครองทรัพย์ทั้งหมดแต่ผู้เดียวตลอดมา โดยบุตรทุกคนไม่ได้เกี่ยวข้องทรัพย์ทั้งหมดอยู่ในอำนาจจัดการของบิดาแต่ผู้เดียว แสดงว่าบิดาถือตนเป็นเจ้าของแต่ผู้เดียวตลอดมา บิดาได้แบ่งสินเดิมของมารดาให้ แก่บุตรทุกคนเท่า ๆ กัน แต่สินสมรสไม่แบ่ง บิดาได้ยุบร้านค้าเดิมมาเปิดร้านค้าใหม่กู้เงินบุคคลภายนอกมาลงทุนโดยไม่มีบุตรคนใดเกี่ยวข้องพฤติการณ์เช่นนี้แสดงว่าบิดามิได้ครอบครองทรัพย์สินแทนบุตรแต่ประการใดกลับมีพฤติการณ์แสดงว่าบุตรปล่อยให้บิดาครอบครองอย่างเจ้าของและเมื่อโจทก์และโจทก์ร่วมบรรลุนิติภาวะแล้ว อำนาจการปกครองโจทก์และโจทก์ร่วมของบิดาก็สิ้นสุดลงอำนาจการครอบครองทรัพย์ของโจทก์และโจทก์ร่วมก็สิ้นไปด้วย โจทก์กับโจทก์ร่วมมีสิทธิเรียกร้องขอแบ่งทรัพย์มรดกของมารดาอันเป็นส่วนแบ่งของตนจากบิดาได้ แต่โจทก์และโจทก์ร่วมก็มิได้ใช้สิทธิเรียกร้องขอให้บังคับ จนล่วงเลยมาเป็นเวลาเกินกว่า10 ปีแล้ว คดีของโจทก์และโจทก์ร่วมจึงขาดอายุความ (อ้างฎีกาที่ 114/2482)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 760/2508

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองทรัพย์แทนผู้อื่นและสิทธิในการคืนทรัพย์เมื่อผู้รับประโยชน์บรรลุนิติภาวะ โดยสถานะบิดาโดยพฤตินัยมิอาจเป็นผู้แทนโดยชอบธรรม
บิดาโดยพฤตินัย อยู่กินกับมารดาโจทก์โดยมิได้จดทะเบียนสมรสแม้จะได้ปกครองเลี้ยงดูโจทก์ตลอดมาก็ไม่อาจเป็นบิดาหรือเป็นผู้แทนโดยชอบธรรมของโจทก์โดยชอบด้วยกฎหมายได้
จำเลยครอบครองทรัพย์สินแทนโจทก์อยู่ตราบใดที่จำเลยยังมิได้บอกกล่าวเปลี่ยนลักษณะแห่งการยึดถือไปยังโจทก์ว่าไม่เจตนาจะยึดถือดังกล่าวต่อไป หรือฝ่ายจำเลยครอบครองโดยสุจริตอาศัยอำนาจใหม่อันได้จากบุคคลภายนอกตราบนั้นจำเลยก็ยังไม่มีสิทธิที่จะเป็นเจ้าของ
โจทก์ไม่มีผู้แทนโดยชอบธรรม ฟ้องเรียกมรดกเมื่อบรรลุนิติภาวะแล้วสามเดือนเศษแม้เจ้ามรดกจะตายมาสิบกว่าปีแล้ว ก็ยังไม่ขาดอายุความ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1380/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การสิ้นสุดความเป็นผู้ปกครองทรัพย์เมื่อผู้รับมรดกบรรลุนิติภาวะ
ทำพินัยกรรมตั้งผู้ปกครองทรัพย์ ให้ผู้รับมรดกตามพินัยกรรม์ซึ่งยังเป็นผู้เยาว์อยู่นั้น เมื่อต่อมาปรากฎว่าผู้รับมรดกตามพินัยกรรม มีอายุบรรลุนิติภาวะแล้ว การเป็นผู้ปกครองทรัพย์ตามพินัยกรรมก็สิ้นสุดลงไปตาม ป.ม.แพ่ง ฯมาตรา 1687 วรรค 2

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1380/2496

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การสิ้นสุดความเป็นผู้ปกครองทรัพย์เมื่อผู้รับมรดกบรรลุนิติภาวะ
ทำพินัยกรรมตั้งผู้ปกครองทรัพย์ ให้ผู้รับมรดกตามพินัยกรรมซึ่งยังเป็นผู้เยาว์อยู่นั้น เมื่อต่อมาปรากฏว่าผู้รับมรดกตามพินัยกรรม มีอายุบรรลุนิติภาวะแล้ว การเป็นผู้ปกครองทรัพย์ตามพินัยกรรมก็สิ้นสุดลงไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1687 วรรคสอง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 617/2492

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลแก้ไขข้อบกพร่องโจทก์: โจทก์ยังไม่บรรลุนิติภาวะ ไม่ต้องยกฟ้อง
ในคดีอาญา เมื่อดำเนินการพิจารณาสืบพยานโจทก์ได้ 1 ปาก. ปรากฏว่าโจทก์มีอายุเพียง 15 ปี ยังไม่บรรลุนิติภาวะ ศาลมีอำนาจสั่งกำหนดให้แก้ไขข้อบกพร่องเสียให้บริบูรณ์ได้ตามที่เห็นสมควรทั้งนี้โดยอาศัยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15 ประกอบกับประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 56. กรณีไม่มีเหตุจะให้ศาลยกฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1215/2492

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจำหน่ายคดีเนื่องจากผู้เยาว์บรรลุนิติภาวะ และไม่มีประโยชน์ในการบังคับคดีต่อ
ในระหว่างพิจารณาศาลสั่งยกคำร้องในเรื่องข้อตัดฟ้องของจำเลย จำเลยแถลงว่า ยังติดใจคัดค้านและขอสงวนสิทธิเพื่ออุทธรณ์ แล้วจำเลยได้ยื่นอุทธรณ์คำสั่งของศาล ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับอุทธรณ์ จำเลยยื่นคำแถลงว่าพอใจคำสั่งไม่รับอุทธรณ์ของศาลแล้ว จึงขอค่าธรรมเนียมคืนดังนี้ เป็นเรื่องที่จำเลยพอใจในการสั่งของศาล ไม่ใช่พอใจที่จะไม่อุทธรณ์ เมื่อศาลพิพากษาคดีแล้ว จำเลยย่อมอุทธรณ์คัดค้านคำสั่งนั้นได้ เพราะจำเลยได้โต้แย้งคำสั่งไว้ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 226(2) แล้ว
เมื่อความปรากฏว่าจำเลยเป็นผู้เยาว์ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 1(12) กรณีก็ต้องตามมาตรา 56 การที่ผู้แทนโดยชอบธรรมจะให้อนุญาตหรือยินยอมแก่ผู้เยาว์ ที่จะดำเนินคดีหรือไม่เป็นอำนาจของผู้แทนโดยชอบธรรม ศาลไม่มีอำนาจบังคับผู้แทนโดยชอบธรรมให้ดำเนินคดีแทนผู้เยาว์
การหมายเรียกตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา57(3) เป็นการหมายเรียกให้เข้ามาเป็นคู่ความ ถ้าผู้แทนโดยชอบธรรมไม่ให้ความยินยอมแก่ผู้เยาว์ในการดำเนินคดี หรือไม่เข้าดำเนินคดีแทนผู้เยาว์ตามที่ควรศาลจะตั้งผู้แทนเฉพาะคดีให้ตามมาตรา 56 วรรคท้ายประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งก็ไม่ได้ เพราะเป็นบทบัญญัติเฉพาะแต่ในกรณีไม่มีผู้แทนโดยชอบธรรม หรือผู้แทนโดยชอบธรรมทำหน้าที่ไม่ได้ แต่ถ้าในกรณีที่บิดาเป็นผู้ปกครองและไม่ยอมให้คำยินยอมเช่นนี้ ผู้เยาว์อาจขอต่อศาลให้รอคดีไว้หรือศาลสั่งรอไว้เองก็ได้ โดยให้ผู้เยาว์ไปหาญาติสนิท ดำเนินการตามมาตรา 1552 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ถอนอำนาจบิดาในส่วนนี้ฐานใช้อำนาจปกครองโดยมิชอบเสียก่อนได้
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 56 ไม่ได้ห้ามไม่ให้ฟ้องผู้เยาว์ เป็นแต่ว่าถ้าถูกฟ้อง ผู้เยาว์จะดำเนินคดีไม่ได้ เว้นแต่จะได้รับความยินยอมของผู้แทนโดยชอบธรรมหรือผู้แทนโดยชอบธรรม เข้าดำเนินคดีแทนเสียทีเดียว ถ้าผู้แทนโดยชอบธรรมไม่ระวังผลประโยชน์ของผู้เยาว์ ก็ไม่ใช่ความผิดของโจทก์ จะบังคับโจทก์ไม่ได้ศาลจึงชอบที่จะคอยระวังผลประโยชน์ของผู้เยาว์ให้ตามสมควร เพื่อรักษาประโยชน์ของผู้เยาว์ ศาลอาจจะแจ้งไปยังพนักงานอัยการเพื่อพิจารณาและดำเนินการตามมาตรา 1552 นี้ก็ได้ เมื่อมีการถอนอำนาจแล้ว ก็เป็นหน้าที่ที่จะใช้มาตรา 56 วรรคท้ายได้ แต่ศาลจะหมายเรียกผู้แทนโดยชอบธรรม ให้เข้ามาแก้คดีแทนผู้เยาว์นั้นหามีกฎหมายสนับสนุนไม่
การบังคับคดีเป็นหน้าที่ของศาลชั้นต้น การที่ขอให้ศาลอุทธรณ์ทุเลาการบังคับไว้ในระหว่างอุทธรณ์ เมื่อศาลอุทธรณ์ไม่ให้ทุเลา ก็หมายความว่าไม่ให้ถือเอาการอุทธรณ์เป็นการทุเลาการบังคับ แม้จะมีการอุทธรณ์ ก็ให้ศาลล่างดำเนินการบังคับคดีต่อไปตามอำนาจที่ศาลชั้นต้นมีอยู่ในเรื่องการบังคับคดี ไม่ใช่ว่าถ้าศาลอุทธรณ์ไม่ให้ทุเลาแล้ว ก็เป็นการบังคับศาลชั้นต้นให้บังคับคดีโดยตัดอำนาจที่ศาลชั้นต้นมีอยู่ในเรื่องบังคับคดีเสียเลย
โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยส่งบุตรสาวโจทก์อายุ 18 ปีในระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกาบุตรสาวโจทก์บรรลุนิติภาวะแล้ว ศาลฎีกาชอบที่จะจำหน่ายคดีเสีย แม้กรณีไม่ต้องด้วย ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 132 ศาลฎีกาก็ยังจำหน่ายคดีได้
ถ้าหากไม่มีประโยชน์ที่ศาลจะชี้ขาดแล้วเช่นคดีนี้แต่คดีนี้ศาลล่างดำเนินการพิจารณามาสับสน จะเพียงแต่จำหน่ายคดี โดยให้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์คงไว้ หาชอบไม่ ทั้งจะให้ศาลล่างพิจารณาใหม่ก็ไม่ได้ เพราะบุตรสาวโจทก์ที่ฟ้องเรียกคืนบรรลุนิติภาวะแล้ว เช่นนี้ศาลฎีกาจึงพิพากษายกคำพิพากษาศาลล่าง และให้จำหน่ายคดีเสีย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 52/2487 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแบ่งมรดกโดยชอบด้วยกฎหมาย แม้มีทายาทไม่บรรลุนิติภาวะ การยินยอมภายหลังทำให้การแบ่งสมบูรณ์
ทายาทตกลงแบ่งมรดกบางหย่างจะได้ปกครองมาเปนส่วนสัดถึง 5 แล้ว แม้จะมีทายาทบางคนไม่หยู่ + เวลานั้นและไม่บันลุนิติภาวะ แต่+ ที่ไม่หยู่ก็มิได้คัดค้านการแบ่งนั้นหย่างไรดังนี้ ทายาทที่ได้รับส่วนแบ่งจะบอกเลิกการแบ่งนั้นไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 114/2482

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความมรดก: การปกครองทรัพย์สินแทนบุตร, การสิ้นสุดการปกครองเมื่อบรรลุนิติภาวะ และการนับอายุความ
พฤติการณ์ที่ถือว่ามารดามิได้ปกครองทรัพย์แทนบุตร์บิดาตายมา 20 ปีกว่าแล้วแต่ในขณะบิดาตายบุตร์ยังเป็นผู้เยาว์อยู่ แต่ก็ได้บรรลุนิติภาวะมาก่อน+ถึง 10 ปีกว่าแล้ว ในระหว่างนั้นมารดาปกครองทรัพย์นั้นมาร สิทธิเรียกร้องของบุตร์ในทรัพย์มฤดกของบิดาย่อมขาดอายุความเมื่อไม่ได้ความว่ามารดาได้ปกครองทรัพย์นี้นแทนบุตร์ การที่มารดาใช้อำนาจปกครองบุตร์ผู้เยาว์มานั้นน+ถือว่ามารดาได้ปกครองทรัพย์ของบุตร์ด้วย แต่เมื่อบุรต์บรรลุนิติภาวะแล้วการปกครองทรัพย์แทนบุตร์โดยอำนาจกฏหมายย่อมสิ้นสุดลง ต่อไปต้องถือตามความจริง +ความมฤดกอย่างยาว +0 ปีต้องเริ่มนับแต่วันที่มีสิทธิรับมฤดกมีสิทธิเรียกร้องขึ้นหาใช่นับแต่วันผู้มีสิทธิรับมฤดกรู้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8056/2559

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดทางแพ่งจากการกระทำชำเราเด็ก แม้ผู้เยาว์บรรลุนิติภาวะแล้วก็ยังมีสิทธิเรียกร้องค่าเสียหายได้
แม้โจทก์ร่วมที่ 1 กับ น. บิดาโจทก์ร่วมที่ 2 จดทะเบียนหย่ากับโจทก์ร่วมที่ 1 โดยระบุให้โจทก์ร่วมที่ 2 ซึ่งเป็นบุตรยังไม่บรรลุนิติภาวะอยู่ใต้อำนาจปกครองของ น. ตามที่ตกลงกัน น. จึงเป็นผู้มีอำนาจปกครองโจทก์ร่วมที่ 2 ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1520 วรรคหนึ่ง ประกอบมาตรา 1566 (6) โจทก์ร่วมที่ 1 จึงไม่มีอำนาจปกครองและไม่มีสิทธิกระทำการแทนโจทก์ร่วมที่ 2 ก็ตาม แต่การที่โจทก์ร่วมที่ 1 ยื่นคำร้องขอค่าสินไหมทดแทนเรียกค่าเสียหายต่อชื่อเสียง ค่าเสียหายต่อร่างกายและจิตใจ ค่าเสียหายต่อเสรีภาพและค่าเสียหายที่ได้รับความทุกข์ทรมาน ถือได้ว่าเป็นการกระทำแทนหรือในนามของโจทก์ร่วมที่ 2 ซึ่งเป็นผู้เยาว์ แม้ขณะยื่นคำร้องดังกล่าวจะมิได้เป็นไปตามบทบัญญัติว่าด้วยความสามารถของบุคคลตาม ป.วิ.พ. มาตรา 56 วรรคสอง ประกอบ ป.วิ.อ. มาตรา 40 แต่เมื่อนับอายุของโจทก์ร่วมที่ 2 ในขณะคดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา โจทก์ร่วมที่ 2 มีอายุเกิน 20 ปี พ้นจากภาวะผู้เยาว์และบรรลุนิติภาวะแล้ว จึงไม่มีความจำเป็นและไม่มีเหตุที่ศาลฎีกาจะต้องมีคำสั่งให้แก้ไขข้อบกพร่องในเรื่องความสามารถของโจทก์ร่วมที่ 2 อีก โจทก์ร่วมที่ 2 ย่อมสามารถทำการใดๆ โดยไม่ต้องได้รับความยินยอมของผู้ปกครองหรือตัวแทนโดยชอบธรรมตาม ป.พ.พ. มาตรา 21 เมื่อข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า จำเลยได้พาโจทก์ร่วมที่ 2 ไปเพื่อการอนาจารและกระทำชำเรา อันเป็นความผิดต่อโจทก์ร่วมที่ 2 โจทก์ร่วมที่ 2 จึงมีสิทธิได้รับค่าสินไหมทดแทนจากจำเลย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 15200/2557

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ขอบเขตค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตร: บรรลุนิติภาวะ หรือเมื่อไม่สามารถดูแลตนเองได้ และค่าฤชาธรรมเนียม
หน้าที่ของบิดามารดาที่ต้องอุปการะเลี้ยงดูบุตรนั้นให้กระทำขณะเป็นผู้เยาว์ หรือหากต้องอุปการะเลี้ยงดูบุตรที่บรรลุนิติภาวะก็เฉพาะที่ทุพพลภาพหาเลี้ยงตัวเองไม่ได้ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1564 แสดงว่าการอุปการะเลี้ยงดูบุตรต้องกระทำจนถึงบุตรบรรลุนิติภาวะ ซึ่งอาจบรรลุนิติภาวะได้ทั้งการสมรสเมื่ออายุ 17 ปีบริบูรณ์ หรือมีอายุครบ 20 ปีบริบูรณ์ การที่ศาลล่างกำหนดค่าอุปการะเลี้ยงดูผู้เยาว์ให้จำเลยซึ่งเป็นบิดาชำระเป็นช่วงระยะเวลาจนถึงบุตรผู้เยาว์อายุ 20 ปี นั้น จึงไม่ถูกต้อง เห็นควรแก้ไขให้จำเลยชำระค่าอุปการะเลี้ยงดูจนกว่าบุตรผู้เยาว์บรรลุนิติภาวะ ส่วนการที่จำเลยฎีกาอ้างว่า มีภาระค่าใช้จ่ายมาก มีหนี้สิน และต้องเลี้ยงดูบุตรที่เกิดกับภริยาที่จดทะเบียนสมรสอีก 3 คน เพื่อขอลดค่าอุปการะเลี้ยงดูนั้น ล้วนเป็นเหตุส่วนตัวของจำเลยไม่เป็นเหตุให้ยกอ้าง และถ้าหากเป็นเช่นนั้นจำเลยสามารถยื่นคำร้องขอต่อศาลให้ปรับเปลี่ยนแก้ไขได้ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1598/39
พ.ร.บ.ศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว พ.ศ.2553 มาตรา 155 บัญญัติว่า ในการยื่นคำฟ้องหรือคำร้องตลอดจนการดำเนินกระบวนพิจารณาใด ๆ ในคดีครอบครัวเพื่อเรียกค่าอุปการะเลี้ยงดูหรือค่าเลี้ยงชีพ ให้ได้รับยกเว้นไม่ต้องชำระค่าขึ้นศาลและค่าฤชาธรรมเนียม คดีนี้มีประเด็นในชั้นอุทธรณ์เพียงเรื่องค่าอุปการะเลี้ยงดู ดังนั้นการที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับจึงไม่ชอบ เห็นควรให้ยกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ที่สั่งดังกล่าว