พบผลลัพธ์ทั้งหมด 17 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 138/2547 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิในการขอคืนเงินวางศาลเมื่อศาลไม่วินิจฉัยเหตุบรรเทาความเสียหายและไม่แจ้งผู้เสียหายรับเงิน
คดีนี้โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยในความผิดฐานกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายแก่กายและรับอันตรายสาหัส ฯลฯ การที่จำเลยให้การรับสารภาพและยื่นคำร้องขอวางเงินต่อศาลชั้นต้น โดยขอให้ศาลชั้นต้นแจ้งให้ผู้เสียหายมารับไปอันเป็นการบรรเทาความเสียหายบางส่วน แสดงว่าจำเลยวางเงินเพื่อจะชำระค่าเสียหายให้แก่ผู้เสียหายโดยมีเจตนาที่จะให้ศาลชั้นต้นวินิจฉัยรอการลงโทษจำคุกให้แก่จำเลย แต่ศาลชั้นต้นไม่ได้แจ้งให้ผู้เสียหายมารับเงินที่จำเลยวางไว้ดังกล่าว และพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยไปโดยไม่ได้วินิจฉัยถึงเหตุที่จำเลยพยายามบรรเทาความเสียหายด้วยการวางเงินต่อศาลเพื่อให้ผู้เสียหายรับไป แม้ต่อมาจำเลยอุทธรณ์ต่อศาลอุทธรณ์ขอให้รอการลงโทษจำคุกให้จำเลย โดยอ้างเหตุที่ได้วางเงินชำระค่าเสียหายให้แก่ผู้เสียหาย แต่ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นโดยไม่รอการลงโทษจำคุกให้จำเลยและไม่ได้วินิจฉัยถึงเหตุที่จำเลยวางเงินต่อศาลชั้นต้นดังกล่าว จึงเป็นกรณีที่ศาลล่างทั้งสองไม่ดำเนินการแจ้งให้ผู้เสียหายมารับเงินที่วางศาลและไม่วินิจฉัยถึงเหตุที่จำเลยพยายามบรรเทาผลร้ายหรือความเสียหายด้วยการวางเงินชำระค่าเสียหายบางส่วนให้แก่ผู้เสียหายเพื่อใช้ดุลพินิจรอหรือไม่รอการลงโทษจำคุกจำเลย และเมื่อคดีถึงที่สุดตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์แล้ว โดยไม่มีการดำเนินการตามคำร้องของจำเลย จำเลยย่อมมีสิทธิที่จะขอถอนเงินที่วางต่อศาลชั้นต้นดังกล่าวคืนไปได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 138/2547 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การวางเงินเพื่อบรรเทาความเสียหายและการขอคืนเงินเมื่อศาลไม่วินิจฉัยเหตุรอการลงโทษ
การที่จำเลยให้การรับสารภาพและยื่นคำร้องขอวางเงินจำนวน 20,000 บาท ต่อศาลชั้นต้น โดยขอให้ศาลชั้นต้นแจ้งให้ผู้เสียหายมารับไปอันเป็นการบรรเทาความเสียหายบางส่วน แสดงว่าจำเลยวางเงินเพื่อจะชำระค่าเสียหายให้แก่ผู้เสียหายโดยมีเจตนาที่จะให้ศาลชั้นต้นวินิจฉัยรอการลงโทษจำคุกให้แก่จำเลย แต่ศาลชั้นต้นไม่ได้แจ้งให้ผู้เสียหายมารับเงินที่จำเลยวางไว้ดังกล่าว และพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยไปโดยไม่ได้วินิจฉัยถึงเหตุที่จำเลยพยายามบรรเทาความเสียหายด้วยการวางเงินต่อศาลเพื่อให้ผู้เสียหายรับไป แม้ต่อมาจำเลยอุทธรณ์คำพิพากษาศาลชั้นต้นขอให้รอการลงโทษจำคุกให้จำเลย โดยอ้างเหตุที่ได้วางเงินชำระค่าเสียหายให้แก่ผู้เสียหาย แต่ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นโดยไม่รอการลงโทษจำคุกให้จำเลยและไม่ได้วินิจฉัยถึงเหตุที่จำเลยวางเงินต่อศาลชั้นต้นดังกล่าว จึงเป็นกรณีที่ศาลล่างทั้งสองไม่ดำเนินการแจ้งให้ผู้เสียหายมารับเงินที่วางศาลและไม่วินิจฉัยถึงเหตุที่จำเลยพยายามบรรเทาผลร้ายหรือความเสียหายด้วยการวางเงินชำระค่าเสียหายบางส่วนให้แก่ผู้เสียหายเพื่อใช้ดุลพินิจรอหรือไม่รอการลงโทษจำคุกจำเลย และเมื่อคดีนี้ถึงที่สุดตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์แล้ว โดยไม่มีการดำเนินการตามคำร้องของจำเลย จำเลยย่อมมีสิทธิที่จะขอถอนเงินที่วางต่อศาลชั้นต้นดังกล่าวคืนไปได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4136/2546
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เงินประกันการเช่าไม่ใช่เงินมัดจำ ผู้ให้เช่าต้องบรรเทาความเสียหายจากผู้เช่ายกเลิกสัญญา
เงินที่จำเลยวางไว้แก่โจทก์เพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นแก่โจทก์ซึ่งเป็นผู้ให้เช่าห้องชุดอันเนื่องจากจำเลยไม่ชำระค่าเช่า ค่าเช่าอุปกรณ์ หรือความเสียหายอื่น ๆ โดยโจทก์มีสิทธิจะหักจากเงินดังกล่าวไปชำระได้และตามสัญญากำหนดให้คืนเงินแก่ผู้เช่าในวันที่สัญญาสิ้นสุดหากผู้เช่าได้ชำระหนี้ที่ถึงกำหนดชำระแก่ผู้เช่าให้ครบถ้วนมิใช่สิ่งที่จำเลยให้ไว้เพื่อเป็นหลักฐานว่าได้ทำสัญญาขึ้นแล้วหรือเป็นประกันการที่จะปฏิบัติตามสัญญาจึงมิใช่มัดจำที่จะริบได้
จำเลยมีหนังสือขอเจรจาเลิกสัญญาเช่ากับโจทก์และได้เจรจาเพื่อขอเลิกการเช่าเรื่อยมา ต่อมาจำเลยแจ้งเป็นหนังสือขอเลิกการเช่าแล้วย้ายออกจากห้องชุดที่เช่า โจทก์จึงรู้อยู่แล้วว่าจำเลยต้องการเลิกสัญญาเช่ากับโจทก์ โจทก์ย่อมสามารถเตรียมจัดหาผู้เช่ารายใหม่แล้วบอกเลิกสัญญาเช่าแก่จำเลยได้เพื่อบรรเทาความเสียหาย แต่โจทก์หาได้กระทำไม่ กลับปล่อยเวลาให้ล่วงเลยไป ทำให้ความเสียหายเพิ่มสูงขึ้น ถือได้ว่าโจทก์ไม่พยายามบรรเทาความเสียหายตามที่สมควรกระทำได้ โจทก์จึงมีส่วนผิดด้วยในความเสียหายดังกล่าว
จำเลยมีหนังสือขอเจรจาเลิกสัญญาเช่ากับโจทก์และได้เจรจาเพื่อขอเลิกการเช่าเรื่อยมา ต่อมาจำเลยแจ้งเป็นหนังสือขอเลิกการเช่าแล้วย้ายออกจากห้องชุดที่เช่า โจทก์จึงรู้อยู่แล้วว่าจำเลยต้องการเลิกสัญญาเช่ากับโจทก์ โจทก์ย่อมสามารถเตรียมจัดหาผู้เช่ารายใหม่แล้วบอกเลิกสัญญาเช่าแก่จำเลยได้เพื่อบรรเทาความเสียหาย แต่โจทก์หาได้กระทำไม่ กลับปล่อยเวลาให้ล่วงเลยไป ทำให้ความเสียหายเพิ่มสูงขึ้น ถือได้ว่าโจทก์ไม่พยายามบรรเทาความเสียหายตามที่สมควรกระทำได้ โจทก์จึงมีส่วนผิดด้วยในความเสียหายดังกล่าว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2419/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
จำเลยมีหน้าที่จัดหาสัตวแพทย์ตรวจเนื้อสุกรชำแหละ หากละเลยถือเป็นการละเมิด โจทก์มีส่วนละเลยไม่บรรเทาความเสียหาย
โจทก์ที่ 1 ฟ้องเรียกค่าเสียหายไม่เกินห้าหมื่นบาท ส่วนโจทก์ที่ 6 ที่ 7 และที่ 8 ฟ้องเรียกค่าเสียหายรวมกันมาเป็นคดีเดียวกัน แต่โจทก์ทั้งสามต่างมีสิทธิเรียกร้องค่าเสียหายได้โดยลำพังตนเอง แม้จะฟ้องรวมกันมาเป็นคดีเดียวกันเพื่อความสะดวกแต่การพิจารณาถึงสิทธิในการฎีกาต้องพิจารณาตามทุนทรัพย์ที่โจทก์แต่ละคนเรียกร้อง การฟ้องคดีรวมกันหรือแยกกันย่อมไม่มีผลทำให้สิทธิในการฎีกาเปลี่ยนแปลงไป เมื่อปรากฏว่าค่าเสียหายที่โจทก์ที่ 6 ที่ 7 และที่ 8 แต่ละคนเรียกร้องมาไม่เกินห้าหมื่นบาทการที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น จึงเป็นคดีที่ต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 248 วรรคแรก (เดิม) ซึ่งเป็นกฎหมายที่ใช้บังคับอยู่ในขณะยื่นฎีกา จำเลยที่ 1 มีหน้าที่จัดให้มีโรงฆ่าสัตว์ และต้องดูแลควบคุมให้การดำเนินการเป็นไปโดยถูกต้องเรียบร้อย จำเลยที่ 1 ออกอาชญาบัตรให้แก่โจทก์เพื่อฆ่าสุกรในโรงฆ่าสัตว์ของจำเลยที่ 1 ซึ่งจำเลยที่ 1 มีหน้าที่จะต้องจัดหาสัตวแพทย์มาตรวจเนื้อสุกรชำแหละก่อนนำออกไปจำหน่ายแก่ประชาชนในระหว่างเวลา 0.01 นาฬิกา ถึง 8 นาฬิกาการที่สัตวแพทย์เพิ่งมาตรวจเนื้อสุกรชำแหละ และตีประทับตราให้นำเนื้อสุกรชำแหละออกจากโรงฆ่าสัตว์ได้ในเวลาประมาณ 10 นาฬิกาจนเป็นเหตุให้เนื้อสุกรชำแหละของโจทก์เน่าเสียหาย เป็นกรณีที่จำเลยที่ 1 มิได้จัดหาสัตวแพทย์มาตรวจเนื้อสุกรชำแหละภายในเวลาที่จะต้องตรวจตามหน้าที่ ถือได้ว่าเป็นการละเลย ประมาทเลินเล่อของจำเลยที่ 1 อันเป็นการทำละเมิดต่อโจทก์ การที่โจทก์มีส่วนละเลยไม่บำบัดปัดป้อง หรือบรรเทาความเสียหายโดยไม่นำเนื้อสุกรชำแหละที่ผ่านการตรวจจากสัตวแพทย์ และตีประทับตราแล้วออกจำหน่าย ทั้งที่อยู่ในช่วงเวลาที่จะสามารถจำหน่ายได้บ้างอันจะเป็นการบรรเทาความเสียหายให้ลดน้อยลงได้ ศาลเห็นสมควรกำหนดให้จำเลยที่ 1 ชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์เพียงครึ่งหนึ่งของค่าเสียหายที่โจทก์ได้รับ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5459/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเรียกร้องค่าเช่าหรือการบริจาคเพื่อบรรเทาความเสียหายจากการบุกรุก ไม่ใช่การข่มขืนใจหรือใช้อำนาจในตำแหน่งโดยมิชอบ
การที่จำเลยซึ่งเป็นผู้ได้รับมอบหมายจากผู้บังคับบัญชาให้เป็นผู้ตรวจสอบกรณีโจทก์บุกรุกเข้าปลูกสร้างบ้านพักคนงานในที่ดินของทางราชการ ได้เรียกให้โจทก์เสียค่าเช่า มอบอาคารหรือบริจาคเงินเป็นค่าตกแต่งห้องทำงานสำนักงานก็ดี เป็นการบรรเทาความเสียหายที่เกิดจากการกระทำของโจทก์เอง และที่จำเลยพูดว่าถ้าไม่ยอมก็ต้องรื้อถอนก็เป็นกรณีที่จำเลยแจ้งว่าจะใช้สิทธิตามกฎหมายมิใช่เป็นการข่มขืนใจ การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นการใช้อำนาจในตำแหน่งโดยมิชอบ ข่มขืนใจหรือจูงใจให้โจทก์มอบให้หรือหามาให้ซึ่งทรัพย์สินหรือประโยชน์แก่ตนเองหรือผู้อื่น ไม่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 148.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5278/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา: การพิสูจน์ความเท็จและการบรรเทาความเสียหาย
จำเลยพิมพ์โฆษณาข้อความอันฝ่าฝืนความจริงทางหนังสือพิมพ์ซึ่งเมื่ออ่านข้อความทั้งหมดประกอบกันแล้วทำให้เข้าใจได้ว่าโจทก์เป็นผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์และเคยเป็นสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย กำลังวางแผนจัดตั้งพรรคการเมืองที่ถูกต้องตามกฎหมายโดยยอมรับหลักลัทธิคอมมิวนิสต์ การไขข่าวเช่นนี้ ในขณะที่ประเทศไทยมีการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขและมีพระราชบัญญัติป้องกันการกระทำอันเป็นคอมมิวนิสต์ใช้บังคับอยู่ย่อมทำให้โจทก์ซึ่งเป็นคนไทยคนหนึ่งเป็นที่รังเกียจ ถูกดูหมิ่นเกลียดชังจากประชาชนทั่วไป ทำให้โจทก์เสียหาย จำเลยจึงต้องร่วมกันชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่โจทก์ ข้อความดังกล่าวเป็นการหมิ่นประมาทชื่อเสียงเกียรติคุณของโจทก์และอาจกระทบถึงทางเจริญหรือทางทำมาหาได้ของโจทก์ โจทก์จึงมีสิทธิเรียกค่าสินไหมทดแทน แต่จำเลยได้ลงแก้ข่าวให้โจทก์ทางหนังสือพิมพ์หลายฉบับติดต่อกันหลายวันอันเป็นการบรรเทาความเสียหายไปส่วนหนึ่งแล้ว ศาลฎีกาจึงกำหนดค่าเสียหายให้โจทก์ 50,000 บาท
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 381/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความประมาทในการขับขี่และการละเลยการบรรเทาความเสียหาย: ผลกระทบต่อความรับผิดชอบทางละเมิด
ว. บุตรผู้เยาว์ของจำเลยขับขี่รถจักรยานยนต์ด้วยความประมาทชนรถยนต์โดยสารโจทก์ซึ่งลูกจ้างของโจทก์ขับสวนทางมารถยนต์โดยสารทับรถจักรยานยนต์ ว. พาครูดไปตามถนนจนเกิดไฟลุกไหม้ขึ้นที่รถจักรยานยนต์ ลูกจ้างของโจทก์มีโอกาสจะขับรถถอยหลังออกไปให้พ้นจากรถจักรยานยนต์ได้ แต่ไม่กระทำกลับทิ้งรถหลบหนีไป จนเป็นเหตุให้ไฟลุกลามไปไหม้รถโดยสารโจทก์เสียหาย ดังนี้ ในส่วนที่เกี่ยวกับความเสียหายของรถโจทก์ถือได้ว่าโจทก์เป็นฝ่ายก่อให้เกิดความเสียหายอยู่ด้วยและเป็นฝ่ายที่ก่อให้ความเสียหายเกิดขึ้นยิ่งกว่าฝ่ายจำเลย ค่าเสียหายที่โจทก์ได้รับทั้งหมดจึงให้ตกเป็นพับแก่โจทก์
แม้ข้อเท็จจริงจะฟังได้ว่าขณะเกิดเหตุลูกจ้างของโจทก์จะขับรถโดยสารอยู่ในช่องทางเดินรถช่องที่ 3 อันเป็นการปฏิบัติผิดต่อกฎข้อบังคับในการจราจรตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2477 ที่บังคับให้รถยนต์โดยสารประจำทางวิ่งในช่องทางเดินรถช่องที่ 1 หรือช่องทางด้านซ้ายสุด แต่การปะทะกันของรถทั้งสองคันก็หาใช่ผลโดยตรงที่เกิดจากการขับรถผิดต่อกฎข้อบังคับในการจราจรของลูกจ้างโจทก์ไม่ หากแต่เป็นผลโดยตรงจากความประมาทเลินเล่อของ ว. ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ โจทก์จึงไม่ต้องรับผิดชอบชดใช้ค่าเสียหายให้แก่จำเลย
แม้ข้อเท็จจริงจะฟังได้ว่าขณะเกิดเหตุลูกจ้างของโจทก์จะขับรถโดยสารอยู่ในช่องทางเดินรถช่องที่ 3 อันเป็นการปฏิบัติผิดต่อกฎข้อบังคับในการจราจรตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2477 ที่บังคับให้รถยนต์โดยสารประจำทางวิ่งในช่องทางเดินรถช่องที่ 1 หรือช่องทางด้านซ้ายสุด แต่การปะทะกันของรถทั้งสองคันก็หาใช่ผลโดยตรงที่เกิดจากการขับรถผิดต่อกฎข้อบังคับในการจราจรของลูกจ้างโจทก์ไม่ หากแต่เป็นผลโดยตรงจากความประมาทเลินเล่อของ ว. ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ โจทก์จึงไม่ต้องรับผิดชอบชดใช้ค่าเสียหายให้แก่จำเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2468/2523 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การมอบอำนาจร้องทุกข์ และการบรรเทาความเสียหายจากการใช้เช็ค ไม่ถือเป็นการยอมความ
การร้องทุกข์ไม่มีกฎหมายห้ามมิให้มีการมอบอำนาจ ทั้งมิใช่กรณีที่กฎหมายบังคับให้ผู้เสียหายต้องกระทำด้วยตนเอง ผู้เสียหายจึงมอบอำนาจให้ผู้อื่นร้องทุกข์แทนได้
จำเลยออกเช็คเพื่อชำระหนี้ค่าซื้อยางรถยนต์ให้ผู้เสียหาย ต่อมาธนาคารปฏิเสธการใช้เงินตามเช็ค การที่ผู้เสียหายเอายางรถยนต์บางส่วนคืนจากจำเลยเป็นการกระทำเพื่อบรรเทาความเสียหายเท่านั้น เมื่อไม่ได้ความว่ามีข้อตกลงให้ระงับข้อพิพาทเกี่ยวกับเช็คที่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน ย่อมถือไม่ได้ว่าเป็นการยอมความอันเป็นเหตุให้สิทธิการฟ้องคดีอาญาระงับ
กรณีมีผู้จำนองที่ดินเป็นประกันการชำระหนี้ตามสัญญาซื้อขายระหว่างผู้เสียหายกับจำเลย ที่จำเลยออกเช็คชำระหนี้แก่โจทก์นั้น เป็นความผูกพันตามสัญญาจำนองอีกส่วนหนึ่งต่างหาก ไม่มีผลให้การกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค
จำเลยออกเช็คเพื่อชำระหนี้ค่าซื้อยางรถยนต์ให้ผู้เสียหาย ต่อมาธนาคารปฏิเสธการใช้เงินตามเช็ค การที่ผู้เสียหายเอายางรถยนต์บางส่วนคืนจากจำเลยเป็นการกระทำเพื่อบรรเทาความเสียหายเท่านั้น เมื่อไม่ได้ความว่ามีข้อตกลงให้ระงับข้อพิพาทเกี่ยวกับเช็คที่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน ย่อมถือไม่ได้ว่าเป็นการยอมความอันเป็นเหตุให้สิทธิการฟ้องคดีอาญาระงับ
กรณีมีผู้จำนองที่ดินเป็นประกันการชำระหนี้ตามสัญญาซื้อขายระหว่างผู้เสียหายกับจำเลย ที่จำเลยออกเช็คชำระหนี้แก่โจทก์นั้น เป็นความผูกพันตามสัญญาจำนองอีกส่วนหนึ่งต่างหาก ไม่มีผลให้การกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2468/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การมอบอำนาจร้องทุกข์, การบรรเทาความเสียหายจากการไม่ใช้เช็ค, และผลของสัญญาจำนองต่อความผิดฐานออกเช็ค
การร้องทุกข์ไม่มีกฎหมายห้ามมิให้มีการมอบอำนาจ ทั้งมิใช่กรณี ที่กฎหมายบังคับให้ผู้เสียหายต้องกระทำด้วยตนเอง ผู้เสียหายจึงมอบอำนาจ ให้ผู้อื่นร้องทุกข์แทนได้
จำเลยออกเช็คเพื่อชำระหนี้ค่าซื้อยางรถยนต์ให้ผู้เสียหายต่อมา ธนาคารปฏิเสธการใช้เงินตามเช็ค การที่ผู้เสียหายเอายางรถยนต์บางส่วน คืนจากจำเลยเป็นการกระทำเพื่อบรรเทาความเสียหายเท่านั้น เมื่อไม่ได้ ความว่ามีข้อตกลงให้ระงับข้อพิพาทเกี่ยวกับเช็คที่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน ย่อมถือไม่ได้ว่าเป็นการยอมความอันเป็นเหตุให้สิทธิการฟ้องคดีอาญา ระงับ
กรณีมีผู้จำนองที่ดินเป็นประกันการชำระหนี้ตามสัญญาซื้อขาย ระหว่าง ผู้เสียหายกับจำเลย ที่จำเลยออกเช็คชำระหนี้แก่โจทก์นั้น เป็นความผูกพัน ตามสัญญาจำนองอีกส่วนหนึ่งต่างหาก ไม่มีผลให้การกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค
จำเลยออกเช็คเพื่อชำระหนี้ค่าซื้อยางรถยนต์ให้ผู้เสียหายต่อมา ธนาคารปฏิเสธการใช้เงินตามเช็ค การที่ผู้เสียหายเอายางรถยนต์บางส่วน คืนจากจำเลยเป็นการกระทำเพื่อบรรเทาความเสียหายเท่านั้น เมื่อไม่ได้ ความว่ามีข้อตกลงให้ระงับข้อพิพาทเกี่ยวกับเช็คที่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน ย่อมถือไม่ได้ว่าเป็นการยอมความอันเป็นเหตุให้สิทธิการฟ้องคดีอาญา ระงับ
กรณีมีผู้จำนองที่ดินเป็นประกันการชำระหนี้ตามสัญญาซื้อขาย ระหว่าง ผู้เสียหายกับจำเลย ที่จำเลยออกเช็คชำระหนี้แก่โจทก์นั้น เป็นความผูกพัน ตามสัญญาจำนองอีกส่วนหนึ่งต่างหาก ไม่มีผลให้การกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 197/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การหมิ่นประมาทด้วยการให้สัมภาษณ์สื่อ แม้จะไม่มีเจตนาให้เป็นข่าวใหญ่โตก็ต้องรับผิดชอบ และการแก้ไขข่าวช่วยบรรเทาความเสียหายได้
การที่จำเลยให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์เป็นข้อความฝ่าฝืนต่อความจริงเป็นที่เสียหายแก่ชื่อเสียงเกียรติคุณ ของโจทก์ และต่อมาหนังสือพิมพ์ก็ได้ตีพิมพ์ข้อความดังกล่าวออกเผยแพร่ต่อสาธารณชน จำเลยจึงต้องรับผิดต่อโจทก์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 423 จำเลยจะอ้างว่า ไม่มีเจตนาจะให้หนังสือพิมพ์ลงเป็นข่าวใหญ่โต แต่ต้องการให้ลงพิมพ์ในคอลัมน์ตอบสารพันปัญหานั้น ไม่เป็นข้อที่จะทำให้จำเลยพ้นความรับผิด
เมื่อปรากฏว่า หนังสือพิมพ์ได้ลงแก้ข่าวให้โจทก์ในวันถัดจากการลงข่าวเผยแพร่ว่า เรื่องราวดังกล่าวไม่เป็นความจริง โจทก์เป็นคนดี ซื่อสัตย์และรักความยุติธรรมไม่เคยมีประพฤติเสียหายดังข่าวที่จำเลยกล่าวหาเป็นการบรรเทาความเสียหายไปส่วนหนึ่งแล้ว ศาลย่อมจะกำหนดจำนวนค่าสินไหมทดแทนที่จำเลยจะต้องใช้แก่โจทก์ให้ลดลงได้ตามที่เห็นสมควร
เมื่อปรากฏว่า หนังสือพิมพ์ได้ลงแก้ข่าวให้โจทก์ในวันถัดจากการลงข่าวเผยแพร่ว่า เรื่องราวดังกล่าวไม่เป็นความจริง โจทก์เป็นคนดี ซื่อสัตย์และรักความยุติธรรมไม่เคยมีประพฤติเสียหายดังข่าวที่จำเลยกล่าวหาเป็นการบรรเทาความเสียหายไปส่วนหนึ่งแล้ว ศาลย่อมจะกำหนดจำนวนค่าสินไหมทดแทนที่จำเลยจะต้องใช้แก่โจทก์ให้ลดลงได้ตามที่เห็นสมควร