พบผลลัพธ์ทั้งหมด 6 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6207/2538 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบริจาคที่ดินเพื่อก่อตั้งมูลนิธิ: ที่ดินตกเป็นของมูลนิธิเมื่อได้รับอนุมัติ
โจทก์ทำหนังสือบริจาคที่ดินพิพาทเพื่อเป็นกองทุนในการก่อตั้งมูลนิธิโลกุตรธรรมประทีป และมูลนิธิดังกล่าวจดทะเบียนเป็นนิติบุคคลเมื่อวันที่ 4กุมภาพันธ์ 2531 ที่ดินพิพาทจึงเป็นทรัพย์สินอันจัดสรรไว้เป็นแผนก ตาม ป.พ.พ.มาตรา 81 เดิม ซึ่งตรงกับมาตรา 110 ซึ่งตรวจชำระใหม่และย่อมตกเป็นของมูลนิธิตั้งแต่เวลาที่รัฐบาลให้อำนาจเป็นต้นไปตามมาตรา 87 เดิม ซึ่งตรงกับมาตรา 121 ซึ่งตรวจชำระใหม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6207/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบริจาคที่ดินเพื่อก่อตั้งมูลนิธิ: ที่ดินตกเป็นของมูลนิธิเมื่อจดทะเบียน
โจทก์ทำหนังสือบริจาคที่ดินพิพาทเพื่อเป็นกองทุนในการก่อตั้งมูลนิธิโลกุตรธรรมประทีป และมูลนิธิดังกล่าวจะทะเบียนเป็นนิติบุคคลเมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2531ที่ดินพิพาทจึงเป็นทรัพย์สินอันจัดสรรไว้เป็นแผนกตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 81 เดิมซึ่งตรงกับมาตรา 110 ซึ่งตรวจชำระใหม่และย่อมตกเป็นของมูลนิธิตั้งแต่เวลาที่รัฐบาลให้อำนาจเป็นต้นไปตามมาตรา 87 เดิม ซึ่งตรงกับมาตรา 121 ซึ่งตรวจชำระใหม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6207/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบริจาคที่ดินเพื่อก่อตั้งมูลนิธิ: ที่ดินตกเป็นของมูลนิธิเมื่อจดทะเบียน
โจทก์ทำหนังสือบริจาคที่ดินพิพาทเพื่อเป็นกองทุนในการก่อตั้งมูลนิธิโลกุตรธรรมประทีป และมูลนิธิดังกล่าวจะทะเบียนเป็นนิติบุคคลเมื่อวันที่4กุมภาพันธ์2531ที่ดินพิพาทจึงเป็นทรัพย์สินอันจัดสรรไว้เป็นแผนกตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา81เดิมซึ่งตรงกับมาตรา110ซึ่งตรวจชำระใหม่และย่อมตกเป็นของมูลนิธิตั้งแต่เวลาที่รัฐบาลให้อำนาจเป็นต้นไปตามมาตรา87เดิมซึ่งตรงกับมาตรา121ซึ่งตรวจชำระใหม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 319/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบริจาคที่ดินเพื่อสร้างสถานีตำรวจ: การหักลดหย่อนภาษีตามประมวลรัษฎากรมาตรา 65 ตรี (3)
โจทก์ดำเนินการค้าจัดสรรที่ดินจำหน่ายแก่ประชาชน การที่โจทก์ บริจาคที่ดินให้กรมตำรวจเพื่อสร้างสถานีตำรวจ มิใช่เพื่อประโยชน์ของโจทก์โดยเฉพาะ แต่เป็นประโยชน์แก่ประชาชนทั่วไปหรือแก่สาธารณชน นับเป็นการบริจาคเพื่อการกุศลสาธารณะ ตามประมวลรัษฎากร มาตรา 65ตรี (3) และไม่ใช่รายจ่ายเพื่อหากำไรหรือเพื่อกิจการ ของโจทก์โดยเฉพาะตาม(13) จึงถือเป็นรายจ่ายในการคำนวณ กำไรสุทธิได้เพียงไม่เกินร้อยละ 1
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 420/2551
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบริจาคที่ดินให้วัดโดยไม่มีค่าตอบแทน ไม่ถือเป็นการขายเพื่อค้าหรือหากำไร จึงไม่ต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะ
โจทก์จดทะเบียนโอนที่ดินทั้ง 11 แปลง ของโจทก์ให้แก่วัด ถือเป็นการขายตามประมวลรัษฎากร มาตรา 91/1 (4) ที่ได้กระทำภายในห้าปีนับแต่วันที่โจทก์ได้มา แต่ผู้ที่โจทก์โอนที่ดินให้มีฐานะเป็นวัดตามพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ.2505 และเป็นการโอนให้โดยไม่มีค่าตอบแทน ทั้งที่ดินดังกล่าวติดต่อเป็นผืนเดียวกันและอยู่ติดกับที่ดินที่ตั้งวัดใช้ในการจัดกิจกรรมของวัดและเป็นลานกีฬาของชุมชน แสดงให้เห็นถึงเจตนาของโจทก์ที่ต้องการบริจาคที่ดินเพื่อเป็นการกุศลจึงไม่ใช่การขายอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นทางค้าหรือหากำไร โจทก์จึงไม่ต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1434/2563
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิกถอนนิติกรรมให้ที่ดินมีเงื่อนไข เมื่อผู้รับบริจาคไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขที่ตกลงกันไว้
หนังสือแสดงความประสงค์เรื่อง การอุทิศที่ดินให้กับทางราชการหรือยินยอมให้ทางราชการเข้าไปดำเนินการเพื่อให้มีการใช้ประโยชน์ร่วมกัน ทำขึ้นระหว่างโจทก์ทั้งสองในฐานะผู้บริจาคกับจำเลยในฐานะผู้รับบริจาค แม้จะมิได้จดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ก็ย่อมมีผลผูกพันโจทก์ทั้งสองและจำเลยในฐานะเป็นบุคคลสิทธิ จำเลยจึงต้องปฏิบัติตามข้อสัญญาที่ระบุไว้ในหนังสือแสดงความประสงค์ดังกล่าว เมื่อการยกให้ แก่จำเลยเป็นการยกให้โดยมีเงื่อนไข ที่ดินพิพาททั้งสองแปลงจะตกเป็นของทางราชการและตกเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินก็ต่อเมื่อจำเลยได้ปฏิบัติตามเงื่อนไขแล้ว จำเลยไม่ได้เริ่มดำเนินการก่อสร้างอาคารและสิ่งปลูกสร้างอื่น ๆ ภายในระยะเวลาตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในหนังสือแสดงความประสงค์ ก็ต้องถือว่าที่ดินพิพาทยังไม่ตกเป็นของทางราชการและไม่ตกเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน โจทก์ทั้งสองจึงมีสิทธิฟ้องขอให้เพิกถอนนิติกรรมการให้ที่ดินพิพาททั้งสองแปลงได้