คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
บริหารสินทรัพย์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9722/2558

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การโอนสิทธิเรียกร้องก่อนคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์: สิทธิเรียกร้องเป็นของสถาบันการเงินและสามารถโอนได้ภายใต้ พ.ร.ก.บริหารสินทรัพย์
ศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของบริษัทเงินทุน บ. เด็ดขาดเมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 2545 แต่ก่อนศาลล้มละลายกลางจะมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของบริษัทเงินทุน บ. เด็ดขาด ระหว่างพิจารณาคดีหมายเลขแดงที่ ง.456/2545 ของศาลแพ่ง บริษัทเงินทุน บ. ได้โอนสิทธิเรียกร้องที่มีต่อจำเลยกับพวกตามมูลหนี้ในคดีแพ่งให้แก่ธนาคาร ท. และศาลแพ่งมีคำสั่งอนุญาตให้ธนาคาร ท. เข้าสวมสิทธิเป็นโจทก์แทนแล้ว บริษัทเงินทุน บ. จึงมิใช่โจทก์ผู้เป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษา หากแต่เป็นธนาคาร ท. สิทธิเรียกร้องตามคำพิพากษาในคดีหมายเลขแดงที่ ง.456/2545 ของศาลแพ่ง จึงมิใช่ทรัพย์สินของลูกหนี้ในคดีล้มละลายที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จะกระทำการแทนได้ ธนาคาร ท. ซึ่งเป็นสถาบันการเงินชอบที่จะโอนสิทธิเรียกร้องตามคำพิพากษาดังกล่าวอันเป็นสินทรัพย์ด้อยคุณภาพให้แก่โจทก์ซึ่งเป็นบริษัทบริหารสินทรัพย์ได้ ตาม พ.ร.ก.บริษัทบริหารสินทรัพย์ พ.ศ.2541 ส่วนที่โจทก์เคยตั้งเรื่องนำยึดทรัพย์ของจำเลยเมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2555 แต่เจ้าพนักงานบังคับคดีให้สอบถามเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ก่อนนั้นเป็นความรอบคอบของเจ้าพนักงานบังคับคดี ซึ่งภายหลังเจ้าพนักงานบังคับคดีได้ดำเนินการยึดทรัพย์ของจำเลยให้ตามที่โจทก์ขอ หาใช่การรับโอนสิทธิเรียกร้องของโจทก์เป็นโมฆะไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7645/2560

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การโอนสิทธิเรียกร้องจากสถาบันการเงินไปยังบริษัทบริหารสินทรัพย์ และการสวมสิทธิเรียกร้องตาม พ.ร.ก.บริหารสินทรัพย์
จำเลยที่ 1 จะมีสิทธิอุทธรณ์คำสั่งศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางได้ต่อเมื่อคำวินิจฉัยของศาลดังกล่าวมีผลกระทบกระเทือนสิทธิของจำเลยที่ 1 แต่ระหว่างการพิจารณาศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางมีคำสั่งจำหน่ายคดีเฉพาะจำเลยที่ 1 แล้ว และต่อมาพิพากษาให้จำเลยที่ 2 ถึงที่ 5 ชำระหนี้ตามฟ้องแก่โจทก์และคดีถึงที่สุดแล้ว ดังนั้น คำพิพากษาศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางจึงมิได้กระทบกระเทือนต่อสิทธิของจำเลยที่ 1 แต่ประการใด เมื่อผู้ร้องยื่นคำร้องขอสวมสิทธิเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษา และศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางมีคำสั่งอนุญาต จำเลยที่ 1 จึงมิได้รับผลกระทบจากคำสั่งดังกล่าวแต่อย่างใด จำเลยที่ 1 จึงไม่มีสิทธิอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าว ปัญหาดังกล่าวเป็นข้อกฎหมายเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศมีอำนาจหยิบยกขึ้นวินิจฉัยได้
ก่อนผู้ร้องยื่นคำร้องขอเข้าสวมสิทธิเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษา บริษัทบริหารสินทรัพย์ พ. ยื่นคำร้องขอเข้าสวมสิทธิเป็นคู่ความแทนโจทก์เดิม โดยอ้างว่าโจทก์เดิมได้โอนสิทธิเรียกร้องอันเป็นสินทรัพย์ด้อยคุณภาพทั้งหมดที่มีต่อจำเลยในคดีนี้ให้แก่บริษัทดังกล่าวแล้ว ตาม พ.ร.ก.บริษัทบริหารสินทรัพย์ พ.ศ.2541 ซึ่งจำเลยที่ 5 ก็มิได้คัดค้าน และศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางก็มีคำสั่งอนุญาตโดยไม่มีคู่ความฝ่ายใดอุทธรณ์ ดังนั้น ข้อเท็จจริงจึงต้องรับฟังว่าสินทรัพย์ที่รับโอนกันในคดีนี้เป็นสินทรัพย์ด้อยคุณภาพตาม พ.ร.ก.บริษัทบริหารสินทรัพย์ พ.ศ.2541 มาตรา 3 เมื่อครั้นศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางมีคำพิพากษาให้จำเลยที่ 2 ถึงที่ 5 ร่วมกันชำระหนี้แก่โจทก์ และคดีถึงที่สุด เมื่อผู้ร้องยื่นคำร้องขอสวมสิทธิเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาแทนบริษัทบริหารสินทรัพย์ พ. โดยกล่าวอ้างและยืนยันในชั้นไต่สวนว่าสินทรัพย์ที่ได้รับโอนมานั้นเป็นสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ แต่จำเลยที่ 5 ไม่มีพยานหลักฐานมาแสดงให้เห็นเป็นอย่างอื่น จึงต้องรับฟังว่าสินทรัพย์ดังกล่าวเป็นสินทรัพย์ด้อยคุณภาพตาม พ.ร.ก.บริษัทบริหารสินทรัพย์ พ.ศ.2541 มาตรา 3
แม้ผู้ร้องจะแต่งตั้งให้บริษัท อ. เป็นตัวแทนเรียกเก็บและเรียกชำระหนี้แทนและมิได้บอกกล่าวการโอนสิทธิเรียกร้องไปยังจำเลยที่ 5 ก็ตาม ก็ไม่กระทบถึงความสมบูรณ์ในการโอนสิทธิเรียกร้องดังกล่าวแต่อย่างใด คงมีผลเพียงว่าผู้รับโอนจะยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้จำเลยที่ 5 ไม่ได้เท่านั้น
แม้ผู้ร้องเคยฟ้องจำเลยที่ 5 เป็นลูกหนี้เพื่อขอให้ศาลล้มละลายกลางพิจารณาให้เป็นบุคคลล้มละลาย แต่การพิจารณาคดีล้มละลายประเด็นแห่งคดีคือการมุ่งพิสูจน์ว่าลูกหนี้เป็นผู้มีหนี้สินมากกว่าทรัพย์สินหรือไม่ คดีนี้เป็นการดำเนินการให้เป็นไปตาม พ.ร.ก.บริษัทบริหารสินทรัพย์ พ.ศ.2541 มาตรา 7 ซึ่งผู้ร้องจำต้องดำเนินการในทุกคดีเพราะเป็นการบริหารสินทรัพย์ตามกฎหมายดังกล่าว และมูลหนี้หรือเหตุที่พิพาทในแต่ละคดีเป็นคนละเหตุกัน การที่ผู้ร้องยื่นคำร้องขอในคดีนี้จึงไม่ใช่การดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำและมิใช่การใช้สิทธิโดยไม่สุจริตแต่อย่างใด