คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
บอกกล่าวทวงถาม

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 8 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6576/2541

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยกเหตุบอกกล่าวทวงถามเป็นข้อต่อสู้หลังศาลชั้นต้นวินิจฉัยแล้ว ถือเป็นการฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
จำเลยฎีกาอ้างเป็นข้อกฎหมายว่า การที่โจทก์มิได้บอกกล่าวทวงถาม จำเลยจึงยังไม่ตกเป็นผู้ผิดนัด ไม่ต้องรับผิดในเรื่องดอกเบี้ยระหว่างผิดนัดศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า เป็นข้อที่ไม่ได้ว่ากันมาในศาลชั้นต้น จึงไม่รับวินิจฉัยให้เป็นการไม่ชอบนั้น การวินิจฉัยฎีกาของจำเลยดังกล่าวย่อมต้องอาศัยข้อเท็จจริงที่ว่า จำเลยได้ยกเรื่องบอกกล่าวทวงถามขึ้นว่ากล่าวในศาลชั้นต้นหรือไม่ เพื่อนำไปสู่การวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมาย ฎีกาของจำเลยจึงมีผลอย่างเดียวกับการฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6525/2541

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความฟ้องหนี้บัตรเครดิต: สิทธิเรียกร้องเกิดจากการรับทำการงานต่าง ๆ มีอายุความ 2 ปี นับแต่วันบอกกล่าวทวงถาม
โจทก์ประกอบธุรกิจมีวัตถุประสงค์ให้บริการแก่ลูกค้าซึ่งเป็นสมาชิกของโจทก์ในรูปของบัตรเครดิต โดยลูกค้าซึ่งเป็นสมาชิกสามารถนำบัตรเครดิตที่โจทก์ออกให้ไปใช้บริการ เบิกถอนเงินสดล่วงหน้าจากธนาคารโจทก์ได้ ซึ่งการให้บริการ ดังกล่าวโจทก์ได้เรียกเก็บเงินค่าบริการหรือค่าธรรมเนียม รายปีด้วย โจทก์จึงเป็นผู้ประกอบธุรกิจรับทำการงานต่าง ๆ ให้แก่สมาชิก และการที่โจทก์ได้ชำระเงินแก่เจ้าหนี้ของ สมาชิกแทนสมาชิกไปก่อนแล้วเรียกเก็บเงินจากสมาชิกภายหลัง เป็นการเรียกเอาค่าที่โจทก์ได้ออกเงินทดรองไป แม้จำเลย จะมีข้อตกลงให้โจทก์หักเงินที่โจทก์ได้จ่ายแทนจำเลยจากบัญชีเงินฝากกระแสรายวัน โดยให้ถือว่ายอดหนี้ตามบัญชีเป็นการเบิกเงินเกินบัญชีจากโจทก์ด้วย ก็เป็นเพียงข้อตกลงในการชำระหนี้ที่เกิดจากการใช้บัตรเครดิตดังกล่าวเมื่อหนี้ตามฟ้องเป็นหนี้ตามสัญญาที่เกิดจากบัตรเครดิตมิใช่หนี้เบิกเงินเกินบัญชีตามบัญชีเงินฝากกระแสรายวันหรือบัญชีเดินสะพัด การที่โจทก์ฟ้องจำเลยเป็นคดีนี้ถือได้ว่าโจทก์ เป็นผู้ประกอบธุรกิจในการรับทำการงานต่าง ๆ เรียกเอาค่าที่ได้ ออกเงินทดรองไป สิทธิเรียกร้องดังกล่าวจึงมีอายุความ 2 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 193/34(7) จำเลยได้รับหนังสือบอกกล่าวให้ชำระหนี้แก่โจทก์และบอกเลิกสัญญาการใช้บัตรเครดิตเมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม2536 และพ้นกำหนดเวลาชำระหนี้ตามหนังสือบอกกล่าวเมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม 2536 สิทธิเรียกร้องของโจทก์จึงเริ่มนับตั้งแต่วันดังกล่าว แต่โจทก์ฟ้องคดีนี้เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม 2539 พ้นกำหนด 2 ปีแล้ว ฟ้องโจทก์จึงขาดอายุความ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 42/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาซื้อขายเลิกกันได้เมื่อผู้ซื้อไม่ชำระหนี้ตามกำหนด และจำเลยส่งหนังสือบอกกล่าวทวงถามหนี้ชอบแล้ว
จำเลยทำสัญญาจะขายที่ดินและบ้านพิพาทให้โจทก์ในราคา 1,350,000 บาท ชำระเงินมัดจำ 50,000 บาทส่วนที่เหลือแบ่งชำระโดยจะชำระ 800,000 บาทเมื่อโจทก์ได้นำทรัพย์พิพาทเข้าสถาบันการเงินได้และจำเลยโอนกรรมสิทธิ์ในวันนั้น เงินอีก500,000 บาท ผ่อนชำระเป็นรายเดือน เดือนละ 30,000 บาทนับถัดจากเดือนที่นำทรัพย์พิพาทเข้าสถาบันการเงินได้จนกว่าจะครบ การชำระหนี้ของโจทก์ไม่ได้กำหนดเวลากันไว้ แต่ตามข้อตกลงที่ว่าจำเลยยินยอมให้โจทก์เข้าปรับปรุงซ่อมแซมตกแต่งทรัพย์พิพาทได้ทันทีหลังจากทำสัญญาจะซื้อจะขายย่อมแสดงว่าโจทก์ก็มีหน้าที่ชำระหนี้ในส่วนที่ค้างในทันทีเช่นกันแต่การที่โจทก์ชำระหนี้ดังกล่าวได้นั้น ตามสัญญากำหนดให้โจทก์เป็นผู้ติดต่อขอกู้เงินจากสถาบันการเงินซึ่งจะต้องมีการติดต่อกับบุคคลหลายคนหลายฝ่าย และยังจะต้องใช้เอกสารเป็นหลักฐานมิใช่น้อย จึงควรให้เวลาพอสมควร แต่โจทก์เพิ่งจะไปติดต่อขอกู้เงินจากธนาคาร เมื่อเวลาผ่านพ้นไปถึง 4 เดือนเศษหากโจทก์ขวนขวายเพื่อจะชำระหนี้ให้จำเลยอย่างจริงจังโจทก์ก็ น่าจะดำเนินการเสียแต่โดยเร็ว หรืออย่างช้าก็ในช่วงที่โจทก์เข้าไปปรับปรุงซ่อมแซมตกแต่งทรัพย์พิพาทเพื่อให้จำเลยเห็นว่าโจทก์อยู่ในฐานะที่จะชำระหนี้ให้จำเลยได้ แต่โจทก์ก็หาได้กระทำไม่ กลับได้ความว่ามีเจ้าหนี้ของโจทก์ที่ซื้อวัสดุอุปกรณ์เพื่อไปซ่อมแซมตกแต่งบ้านพิพาทไปทวงหนี้ให้จำเลยชำระหลายราย ดังนั้นเมื่อสัญญาจะซื้อจะขายทรัพย์พิพาทมิได้กำหนดเวลาชำระหนี้ในส่วนที่ค้างอยู่ และกรณีมีเหตุอันสมควรที่จะทำให้จำเลยเชื่อว่าโจทก์อยู่ในฐานะที่จะชำระหนี้ไม่ได้จำเลยจึงมีสิทธิบอกกล่าวให้ชำระหนี้ได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 387 ทนายจำเลยได้มีหนังสือบอกกล่าวให้โจทก์ชำระหนี้โดยส่งหนังสือดังกล่าวไปทางไปรษณีย์ลงทะเบียน และในวันรุ่งขึ้นได้ส่งถึงผู้รับแล้ว ซึ่งผู้รับไปรษณีย์ภัณฑ์ลงทะเบียนหาได้จำกัดเฉพาะผู้มีชื่อผู้รับจะต้องเป็นผู้รับด้วยตนเองเสมอไปไม่ แม้บุคคลอื่นซึ่งอยู่ในบ้านเรือนเดียวกันและมีอายุเกินกว่า 7 ปี ก็รับแทนกันได้ ดังนั้นเมื่อมีบุคคลอื่นซึ่งอยู่ในบ้านเรือนเดียวกัน และมีอายุกว่า 7 ปีเป็นผู้รับแทนไว้ ก็ต้องถือว่าจำเลยได้ส่งคำบอกกล่าวทวงถามและเลิกสัญญาโดยชอบแล้ว จำเลยได้ใช้สิทธิเลิกสัญญาจะซื้อจะขายแล้ว โจทก์จำเลยต้องกลับคืนสู่ฐานะเดิมตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 391 จำเลยจึงต้องคืนเงินค่าซื้อที่ชำระให้จำเลยไปบางส่วนแก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับตั้งแต่เวลาที่ได้รับไว้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 389/2535 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การที่จำเลยไม่ได้ยกข้อต่อสู้เรื่องการบอกกล่าวทวงถามในชั้นศาลต้นน้ำและอุทธรณ์ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
ข้อที่จำเลยที่ 1 ฎีกาว่า โจทก์ยังไม่ได้บอกกล่าวทวงถามจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 1 จึงยังไม่ตกเป็นผู้ผิดนัด และโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องนั้น ไม่ปรากฏว่าจำเลยที่ 1 ยกข้อนี้ขึ้นว่ากล่าวมาในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ และปัญหาดังกล่าวมิใช่เรื่องที่เกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนตาม ป.วิ.พ. มาตรา 249 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 866/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องเคลือบคลุม-หนี้ถึงกำหนด: ศาลฎีกายืนฟ้องได้ เหตุรายละเอียดหนี้ชัดเจน-บอกกล่าวทวงถามถูกต้อง
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยเบิกเงินเกินบัญชีตามเอกสารหมายเลข 33และ 34 ท้ายฟ้อง ซึ่งถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของคำฟ้อง เอกสารดังกล่าวมีรายละเอียดของรายการต่าง ๆ ไว้แล้ว จำเลยย่อมสามารถตรวจสอบได้คำฟ้องของโจทก์จึงถือได้ว่าได้แสดงโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหาและข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาเช่นว่านั้นแล้ว ไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม สัญญากู้ระบุว่าผู้กู้ตกลงจะชำระหนี้ตามสัญญานี้ภายในวันที่ 27สิงหาคม 2525 แต่ทั้งนี้ไม่เป็นการตัดสิทธิผู้ให้กู้ที่จะเรียกร้องให้ผู้กู้ชำระหนี้ตามสัญญานี้ทั้งหมดหรือแต่บางส่วนก่อนถึงกำหนดที่กล่าวมาก็ได้ตามแต่ผู้ให้กู้จะเห็นสมควร โดยมิพักต้องชี้แจงแสดงเหตุ และผู้กู้สัญญาว่าในกรณีที่ผู้ให้กู้เรียกร้องดังกล่าวมานี้ ผู้กู้จะชำระหนี้ตามที่เรียกร้องทันที ข้อสัญญานี้ไม่ขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน สัญญามีผลผูกพันกันได้ ทนายโจทก์ได้ส่งหนังสือบอกเลิกสัญญากู้กับสัญญาเบิกเงินเกินบัญชีและบอกกล่าวบังคับจำนองแก่จำเลยทางไปรษณีย์ตอบรับลงทะเบียนแต่ไม่ได้รับใบตอบรับโดยไม่ทราบเหตุขัดข้อง จึงไปทำคำร้องขอไต่สวนไปรษณีย์ตอบรับในประเทศ ต่อมาทนายโจทก์ได้รับแจ้งจากการสื่อสารแห่งประเทศไทยว่าส่งได้โดยระบุวันที่ส่งและชื่อผู้รับมาด้วยตามใบตอบรับที่เจ้าหน้าที่ไปรษณีย์ได้จัดทำขึ้นตามหน้าที่ ทั้งระบุสถานที่นำหนังสือไปส่งตรงกับภูมิลำเนาของจำเลย ใบตอบรับดังกล่าวทำภายหลังจากทนายโจทก์ทำคำร้องขอไต่สวน การไม่มีลายมือชื่อของผู้รับในใบตอบรับจึงไม่เป็นพิรุธ ฟังได้ว่าจำเลยได้รับหนังสือดังกล่าวแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 866/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องเคลือบคลุม, หนี้ถึงกำหนด, การบอกกล่าวทวงถาม, สัญญาเบิกเงินเกินบัญชี, สัญญาค้ำประกัน: ศาลยืนตามคำพิพากษาเดิม
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยเบิกเงินเกินบัญชีตามเอกสารหมาย 33 และ 34ท้ายฟ้องซึ่งถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของคำฟ้อง เอกสารดังกล่าวมีรายละเอียดของรายการต่าง ๆ โดยละเอียดคำฟ้องของโจทก์ถือได้ว่าแสดงโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหาและข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาเช่นว่านั้นแล้ว ไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม สัญญากู้ระบุว่า ผู้กู้ตกลงจะชำระหนี้ตามสัญญานี้ภายในวันที่27 สิงหาคม 2525 แต่ทั้งนี้ไม่เป็นการตัดสิทธิผู้ให้กู้ที่จะเรียกร้องให้ผู้กู้ชำระหนี้ตามสัญญานี้ทั้งหมดหรือแต่บางส่วนก่อนถึงกำหนดก็ได้ตามแต่ผู้ให้กู้จะเห็นสมควรและโดยมิพักต้องชี้แจงแสดงเหตุผู้กู้สัญญาว่าในกรณีที่ผู้ให้กู้เรียกร้องให้ชำระหนี้ ผู้กู้จะชำระหนี้ที่เรียกร้องทันที ข้อสัญญานี้ไม่ขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชนจึงมีผลผูกพัน จำเลยทำสัญญากู้เงินจากโจทก์ 3 ครั้ง และได้รับเงินทั้ง3 ครั้ง และทำสัญญาเบิกเงินเกินบัญชีกับ โจทก์ อีก 3 ครั้งการเบิกเงินเกินบัญชีทำโดยจำเลยสั่งจ่ายเช็ค และยอมให้โจทก์หักทอนค่าธรรมเนียมกับดอกเบี้ยตามอัตราที่กำหนดไว้แล้วรวมเข้ากับต้นเงินเมื่อถึงสิ้นเดือนโจทก์มีบัญชีควบคุม แม้บัญชีต่าง ๆ ฝ่ายโจทก์เป็นผู้จัดทำขึ้นเองโดยไม่ได้รับความเห็นชอบจากจำเลยก่อนก็ตามแต่ไม่มีพิรุธ จำเลยคงมีแต่จำเลยเบิกความลอย ๆ ว่าหนี้ไม่ถูกต้องจึงไม่อาจรับฟังหักล้างพยานฝ่ายโจทก์ ทนายโจทก์ส่งหนังสือบอกเลิกสัญญากู้ สัญญาเบิกเงินเกินบัญชีและบอกกล่าวบังคับจำนองทางไปรษณีย์ตอบรับลงทะเบียนให้จำเลยแต่ไม่ได้รับใบตอบรับโดยไม่ทราบเหตุขัดข้อง จึงทำคำร้องขอไต่สวนไปรษณีย์ตอบรับในประเทศว่าส่งหนังสือได้หรือไม่ เมื่อใด และใครเป็นผู้รับหนังสือต่อมาทนายโจทก์ได้รับแจ้งจากการสื่อสารแห่งประเทศไทยว่า ส่งได้โดยระบุวันที่ส่งและชื่อผู้รับด้วยใบตอบรับที่เจ้าหน้าที่ไปรษณีย์จัดทำขึ้นตามหน้าที่ ทั้งระบุสถานที่นำหนังสือไปส่งตรงกับภูมิลำเนาของจำเลย แม้ไม่มีลายมือชื่อผู้รับก็ตามแต่เป็นเอกสารที่ทำภายหลังจากทนายโจทก์ได้ทำคำร้องขอไต่สวนไปการไม่มีชื่อของผู้รับในใบตอบรับจึงไม่มีพิรุธ ถือได้ว่าจำเลยได้รับหนังสือดังกล่าวแล้ว โจทก์ได้บอกกล่าวให้จำเลยชำระหนี้และบอกกล่าวบังคับจำนองแก่จำเลยแล้ว การฟ้องคดีของโจทก์จึงชอบด้วยกฎหมาย.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1242/2522

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หลักฐานการกู้ยืมเงิน, วันชำระหนี้, การบอกกล่าวทวงถาม, การงดสืบพยาน, และผลของการไม่ยื่นบัญชีพยาน
จำเลยทำหนังสือให้โจทก์ไว้มีใจความว่า 'ข้าพเจ้านายศุภวัตรแก้วประดับได้ยืมเงินจากนายยีซบมูฮำหมัดจำนวน 130,000 บาท และจะชำระคืนให้ตามเช็คธนาคารชาร์เตอร์เลขที่ 917820 ซึ่งได้ให้ไว้เป็นการค้ำประกัน' แล้วลงลายมือชื่อไว้ ดังนี้ หนังสือนั้นเป็นหลักฐานแห่งการกู้ยืมตามกฎหมายแล้ว
เช็คธนาคารชาร์เตอร์ฉบับดังกล่าวลงวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2518 ซึ่งเป็นวันสั่งจ่ายนั้น ถือว่าหนี้เงินยืมนั้นได้กำหนดวันชำระไว้แล้ว คือวันที่ลงในเช็คดังกล่าวนั้นเอง เมื่อเช็คถึงกำหนดแล้วโจทก์นำไปขึ้นเงินไม่ได้ย่อมถือได้ว่าจำเลยตกเป็นผู้ผิดนัดตั้งแต่วันที่ธนาคารปฏิเสธการจ่าย
การที่โจทก์รับเช็คของบุคคลอื่นไว้เป็นการค้ำประกันหนี้ นั้น ไม่ใช่เป็นการเปลี่ยนวัตถุประสงค์แห่งหนี้และเปลี่ยนตัวลูกหนี้อันจะทำให้จำเลยพ้นความรับผิดตามหนี้นั้น
ศาลชั้นต้นได้ทำการชี้สองสถานและแจ้งวันกำหนดนัดสืบพยานให้โจทก์จำเลยทราบ หลังจากนั้นมีการเลื่อนการสืบพยานโจทก์สองคราวนับตั้งแต่วันทำการชี้สองสถานเป็นต้นมาจนกระทั่งวันสืบพยานโจทก์ครั้งหลังสุดเป็นเวลา 2 เดือนเศษหากจำเลยมีความสนใจในคดีของตนตามสมควรย่อมมีเวลาที่จะตระเตรียมคดีได้เพียงพอ แต่จำเลยก็มิได้ยื่นบัญชีพยานเมื่อจำเลยไม่ได้ยื่นบัญชีพยานก็มีผลเท่ากับจำเลยไม่มีพยานจะนำสืบ จำเลยจะอ้างตนเองเข้าสืบย่อมไม่ได้ที่ศาลล่างไม่อนุญาตให้จำเลยเลื่อนคดีและมีคำสั่งให้งดสืบพยานจำเลยจึงชอบแล้ว
เมื่อจำเลยรับว่าได้ทำเอกสารการกู้ยืมแล้ว ย่อมไม่มีประเด็นเรื่องปิดอากรแสตมป์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1096/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การชำระหนี้เมื่อไม่มีกำหนดเวลา การบอกกล่าวทวงถามทำให้เกิดหน้าที่ชำระหนี้ทันที การเสนอผ่อนชำระไม่ผูกพันจนกว่าจะตกลง
ตามหนังสือที่จำเลยทำให้โจทก์ไว้ไม่มีการกำหนดเวลาชำระหนี้ ดังนั้น เมื่อโจทก์บอกล่าวทวงถามแล้ว จำเลยก็มีหน้าที่ต้องชำระหนี้ จำเลยจะขอผ่อนชำระหนี้โดยโจทก์ไม่ได้ตกลงตามข้อเสนอนั้นไม่ได้