คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
บังคับชำระ

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 33 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1701/2548

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การไม่วินิจฉัยคำขอคืนเงินของศาลอุทธรณ์และการบังคับชำระเงินให้แก่ผู้รับผลประโยชน์ที่แท้จริง
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานวิ่งราวทรัพย์ตาม ป.อ. มาตรา 336 และขอให้จำเลยคืนหรือใช้เงินจำนวน 6,100 บาท แก่ผู้เสียหาย ศาลอุทธรณ์ภาค 6 ฟังว่าจำเลยกระทำความผิดฐานวิ่งราวทรัพย์ตาม ป.อ. มาตรา 336 วรรคหนึ่ง แต่ไม่วินิจฉัยตามคำขอให้คืนหรือใช้ราคาทรัพย์ของโจทก์ จึงเป็นการไม่ชอบ แต่ที่โจทก์ขอให้คืนหรือใช้เงินแก่ผู้เสียหาย ซึ่งตามฟ้องระบุเป็นเงินของนาง ซ. ยายผู้เสียหาย จึงบังคับให้จำเลยคืนหรือใช้เงินแก่ผู้เสียหายไม่ได้ แต่ให้คืนหรือใช้เงินแก่นาง ซ. ยายผู้เสียหาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1593/2545

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ จำเลยออกเช็คก่อนถูกบังคับชำระหนี้แทนโจทก์ ไม่เป็นความผิดตาม พ.ร.บ. เช็ค
โจทก์จดทะเบียนจำนองที่ดินไว้ต่อธนาคาร ก. เพื่อเป็นประกันหนี้ของจำเลยที่มีต่อธนาคาร ก. ต่อมาจำเลยได้สั่งจ่ายเช็คธนาคาร ก. ให้แก่โจทก์เพื่อนำไปเบิกเงินและไถ่ถอนจำนอง แต่ธนาคารตามเช็คปฏิเสธการจ่ายเงิน หลังจากนั้นโจทก์ได้ถูกธนาคาร ก. ฟ้องบังคับจำนองคดีถึงที่สุดโดยศาลพิพากษาให้โจทก์แพ้คดี ขณะที่จำเลยสั่งจ่ายเช็คโจทก์จึงยังมิได้ถูกธนาคารซึ่งเป็นเจ้าหนี้ของจำเลยฟ้องบังคับจำนองหรือโจทก์ได้ชำระหนี้จำนองให้แก่ธนาคารแล้ว ณ ขณะนั้นจำเลยไม่มีหนี้ที่โจทก์มีสิทธิเรียกร้องเอาจากจำเลย อันเนื่องจากโจทก์ถูกธนาคารบังคับชำระหนี้แทนจำเลย ฉะนั้น เมื่อจำเลยสั่งจ่ายเช็ค โดยยังไม่มีหนี้ซึ่งอาจบังคับได้ที่จำเลยต้องรับผิดต่อโจทก์ จำเลยจึงไม่มีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2534มาตรา 4

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7429/2543 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กำหนดเวลาบังคับชำระภาษีอากร 10 ปี: สิทธิเรียกร้องของเจ้าพนักงานประเมิน
การใช้วิธีการยึดอายัดทรัพย์สินและการขายทอดตลาดทรัพย์สินของผู้ที่ค้างชำระหนี้ภาษีอากร ตามประมวลรัษฎากร มาตรา 12 นั้น มีกำหนดเวลา10 ปี ตามประมวลรัษฎากร มาตรา 12 วรรคสี่ ประกอบ ป.วิ.พ.มาตรา 271โจทก์ได้รับหนังสือแจ้งการประเมินเมื่อวันที่ 14 มิถุนายน 2526 ซึ่งถือว่าเจ้าพนักงานประเมินของจำเลยที่ 1 ได้ใช้สิทธิเรียกร้องบังคับเอาแก่โจทก์ เมื่อโจทก์ทราบการประเมินแล้วไม่ชำระ จำเลยที่ 1 ชอบที่จะใช้อำนาจยึดหรืออายัดและขายทอดตลาดทรัพย์สินของโจทก์ได้ภายในกำหนด 10 ปี การที่จำเลยที่ 1 กับพวกยึดทรัพย์สินของโจทก์ในวันที่ 19 พฤศจิกายน 2541 จึงล่วงเลยกำหนดเวลาดังกล่าวจำเลยที่ 1 ย่อมหมดสิทธิที่จะใช้วิธีการนี้บังคับแก่โจทก์
กำหนดเวลาบังคับชำระหนี้ตามประมวลรัษฎากร มาตรา 12วรรคสี่ ประกอบ ป.วิ.พ.มาตรา 271 เป็นเรื่องระยะเวลาที่จะบังคับแก่ผู้ที่ค้างชำระหนี้ภาษีอากร ไม่ใช่เป็นการใช้สิทธิเรียกร้องตาม ป.พ.พ. จึงไม่ใช่อายุความกรณีไม่อาจนำเรื่องอายุความสะดุดหยุดลงมาใช้บังคับได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2591/2543

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การใช้สิทธิโดยไม่สุจริตในสัญญา การปล่อยเวลาให้หนี้ดอกเบี้ยทบเพิ่มโดยไม่บังคับชำระ
โจทก์อาศัยสิทธิที่มีอยู่ตามกฎหมายเป็นช่องทางให้โจทก์ได้รับประโยชน์แต่เพียงฝ่ายเดียวโดยไม่คำนึงถึงความเสียหายที่คู่สัญญาอีกฝ่ายหนึ่งจะได้รับย่อมเป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริต ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 5
ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาโดยไม่ได้สั่งในเรื่องค่าฤชาธรรมเนียมศาลฎีกาเห็นควรสั่งค่าฤชาธรรมเนียมในศาลชั้นต้นให้ถูกต้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5763/2539

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเวนคืนที่ดิน: การบังคับชำระค่าทดแทนส่วนที่ขาดตามประกาศคณะกรรมการ แม้มีการจ่ายเงินบางส่วนแล้ว
โจทก์ทั้งสองฟ้องขอให้จำเลยชำระค่าทดแทนที่ดินส่วนที่ยังขาดอยู่ตามประกาศคณะกรรมการแก้ไขราคาเบื้องต้นจึงเป็นกรณีที่ขอให้บังคับจำเลยปฏิบัติตามประกาศคณะกรรมการดังกล่าวหาใช่กรณีที่โจทก์ไม่พอใจจำนวนเงินค่าทดแทนที่คณะกรรมการดังกล่าวกำหนดซึ่งต้องอุทธรณ์ต่อรัฐมนตรีภายใน60วันตามมาตรา25วรรคหนึ่งแห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์พ.ศ.2530ที่แก้ไขใหม่ไม่โจทก์ทั้งสองจึงมีอำนาจฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1014/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องแย้งเรียกค่าเช่าฉาง: คำขอให้บังคับชำระถือเป็นคำขอที่ชัดเจน
จำเลยฟ้องแย้งเรียกค่าเช่าฉางจากโจทก์โดยเมื่อจำเลยมีคำขอให้ยกฟ้องโจทก์แล้ว ต่อจากนั้นจำเลยได้บรรยายคำให้การและฟ้องแย้งว่า จำเลยได้ทวงถามค่าเช่าฉางจากโจทก์ แต่โจทก์เพิกเฉย จำเลยมีสิทธิจะได้รับค่าเช่าฉางและดอกเบี้ยจากโจทก์รวมเป็นเงิน 107,774.32 บาท และดอกเบี้ยอัตราเดียวกันจากต้นเงิน 61,585.33 บาท นับแต่วันฟ้องจนกว่าโจทก์จะชำระเสร็จแก่จำเลยฟ้องแย้งดังกล่าวมึความหมายเป็นที่เข้าใจได้ว่าจำเลยขอให้ศาลบังคับโจทก์ชำระค่าเช่าฉางแก่จำเลย ถือได้ว่าฟ้องแย้งของจำเลยมีคำขอบังคับแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5846/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หนี้ร่วมหลังหย่า: โจทก์ต้องพิสูจน์การเป็นหนี้ร่วมเพื่อให้บังคับชำระจากสินสมรสได้
หนี้ของจำเลยเกิดขึ้นก่อนที่จำเลยหย่ากับผู้ร้อง เมื่อโจทก์เป็นฝ่ายกล่าวอ้างว่าหนี้ของจำเลยรายนี้เป็นหนี้ร่วมระหว่างจำเลยกับผู้ร้องเพื่อให้ผู้ร้องต้องรับผิดชำระหนี้จากสินสมรสและสินส่วนตัว โจทก์จึงมีหน้าที่นำสืบให้ได้ความตามที่กล่าวอ้างเมื่อโจทก์ไม่สามารถนำสืบให้รับฟังได้เช่นนั้น ผู้ร้องย่อมไม่ต้องผูกพันในมูลหนี้ดังกล่าวและผู้ร้องมีสิทธิร้องขอกันส่วนของตนในที่ดินสินสมรสที่โจทก์นำยึดเพื่อบังคับชำระหนี้ตามคำพิพากษาได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5833/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำฟ้องเวนคืนต้องระบุค่าทดแทนที่ชัดเจนและขอให้บังคับชำระเพิ่ม มิฉะนั้นคำฟ้องไม่ชอบ
โจทก์บรรยายคำฟ้องว่า การทางพิเศษแห่งประเทศไทยได้เวนคืนที่ดินและสิ่งปลูกสร้างของโจทก์โดยกำหนดค่าทดแทนเฉพาะที่ดินที่ถูกเวนคืนเป็นเงิน 180,000 บาท ต่อมาโจทก์อุทธรณ์ต่อกระทรวงมหาดไทยจำเลยในฐานะผู้วินิจฉัยอุทธรณ์ จำเลยมีคำวินิจฉัยเพิ่มเงินค่าทดแทนให้โจทก์อีก 120,000 บาท ซึ่งยังไม่ใช่ราคาที่ซื้อขายกันตามปกติในท้องตลาดตามสภาพและที่ตั้งของที่ดินการกระทำของจำเลยเป็นการละเมิดต่อโจทก์ ขอให้บังคับจำเลยดำเนินการให้เป็นไปตามความในมาตรา 21 วรรคหนึ่ง และวรรคสามแห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. 2530ดังนั้นเมื่อโจทก์นำคดีมาฟ้อง เป็นการใช้สิทธิตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. 2530 มาตรา 26 โจทก์จึงต้องบรรยายว่าค่าทดแทนที่ตนควรได้รับชำระมีจำนวนเท่าใด และคำขอท้ายฟ้องต้องเป็นเรื่องให้บังคับผู้มีอำนาจในการเวนคืนชำระค่าทดแทนเพิ่มขึ้นจากที่รัฐมนตรีมีคำวินิจฉัยตามคำฟ้องของโจทก์ไม่ได้บรรยายถึงจำนวนค่าทดแทนที่โจทก์เห็นว่าตนเองพึงได้รับทั้งเพียงแต่ขอให้จำเลยดำเนินการให้เป็นไปตามบทกฎหมายที่โจทก์ยกขึ้นอ้างเท่านั้น จึงขาดสาระสำคัญของการฟ้องคดีตามบทบัญญัติมาตรา 26 วรรคแรก แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์พ.ศ. 2530 ไม่มีทางที่จะพิพากษาให้จำเลยต้องรับผิดได้ และแม้โจทก์บรรยายฟ้องมาด้วยว่าการที่จำเลยในฐานะผู้วินิจฉัยอุทธรณ์มีคำวินิจฉัยไม่ถูกต้อง เป็นการละเมิดต่อโจทก์ แต่โจทก์ก็มิได้มีคำขอให้บังคับจำเลยชดใช้ค่าสินไหมทดแทนเพราะเหตุดังกล่าว คำฟ้องโจทก์ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 172 วรรคสอง ต้องยกฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2110/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องค่าเวนคืนตาม พ.ร.บ.เวนคืนฯ ต้องระบุจำนวนค่าทดแทนที่ต้องการ และขอให้บังคับชำระเพิ่ม
การฟ้องคดีตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์พ.ศ. 2530 มาตรา 26 วรรคแรก โจทก์ต้องบรรยายมาในคำฟ้องด้วยว่าค่าทดแทนที่ตนควรได้รับชำระมีจำนวนเท่าใด และคำขอท้ายฟ้องต้องเป็นเรื่องให้บังคับผู้มีอำนาจในการเวนคืนหรือควบคุมการเวนคืนชำระค่าทดแทนเพิ่มขึ้นจากที่รัฐมนตรีมีคำวินิจฉัย เมื่อคำฟ้องของโจทก์หาได้บรรยายถึงจำนวนค่าทดแทนที่โจทก์เห็นว่าตนเองพึงได้รับแต่ประการใดไม่ ทั้งคำขอท้ายฟ้องก็เพียงแต่ขอให้จำเลยดำเนินการให้เป็นไปตามบทกฎหมายที่โจทก์ยกขึ้นอ้างเท่านั้น คำฟ้องของโจทก์จึงขาดสาระสำคัญของการฟ้องคดีตามบทบัญญัติดังกล่าว ไม่มีทางที่ศาลจะพิพากษาให้จำเลยต้องรับผิดได้ และแม้โจทก์บรรยายฟ้องมาด้วยว่าการที่จำเลยในฐานะผู้วินิจฉัยอุทธรณ์มีคำวินิจฉัยไม่ถูกต้องเป็นการละเมิดต่อโจทก์ แต่โจทก์ก็มิได้มีคำขอให้บังคับจำเลยชดใช้ค่าสินไหมทดแทนเพราะเหตุดังกล่าว ศาลจึงชอบที่จะมีคำสั่งไม่รับคำฟ้องของโจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2110/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องค่าเวนคืนต้องระบุจำนวนเงินที่ควรได้รับและขอให้บังคับชำระเพิ่ม มิฉะนั้นฟ้องขาดสาระสำคัญ
การฟ้องคดีตามพระราชบัญญัติเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ มาตรา26 วรรคหนึ่ง นั้น เพื่อให้ศาลบังคับผู้มีอำนาจในการเวนคืนหรือควบคุมการเวนคืนให้ชำระค่าทดแทนเพิ่มขึ้น โจทก์จึงต้องบรรยายฟ้องว่า ค่าทดแทนที่ควรจะได้รับชำระมีจำนวนเท่าใด และคำขอท้ายฟ้องต้องเป็นเรื่องให้บังคับผู้มีอำนาจในการเวนคืนหรือควบคุมการเวนคืนชำระค่าทดแทนเพิ่มขึ้น แต่คดีนี้โจทก์ไม่ได้บรรยายฟ้องถึงจำนวนเงินค่าทดแทนที่เห็นว่าตนพึงได้รับมีเท่าใดและคำขอท้ายฟ้องก็เพียงขอให้บังคับจำเลยดำเนินการตามกฎหมายที่โจทก์ยกขึ้นอ้าง คำฟ้องจึงขาดสาระสำคัญตามบทกฎหมายดังกล่าวไม่มีทางที่ศาลจะพิจารณาให้จำเลยรับผิดได้ ที่ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฟ้องจึงชอบแล้ว
of 4