คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
บำบัดยาเสพติด

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 4 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1668/2547

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การสมัครใจบำบัดยาเสพติดหลังความผิดปรากฏ และขอบเขตการฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
บุคคลที่จะพ้นจากความผิดตามบทบัญญัติของ พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษฯ มาตรา 94 ที่แก้ไขใหม่ จะต้องเป็นเรื่องที่ผู้นั้นสมัครใจขอเข้ารับการบำบัดรักษาในสถานพยาบาลก่อนที่ความผิดจะปรากฏต่อพนักงานเจ้าหน้าที่หรือพนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจ จำเลยอ้างว่าจำเลยสมัครใจเข้ารับการบำบัดรักษาในสถานพยาบาลของรัฐในระหว่างการพิจารณาของศาลชั้นต้น จึงเลยขั้นตอนของกฎหมายแล้ว ย่อมทำให้จำเลยไม่พ้นจากความผิด กรณีที่จำเลยฎีกาขอให้รอการลงโทษโดยสรุปว่า จำเลยไม่เคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน จำเลยอายุยังน้อย จำเลยสมัครใจเข้ารับการบำบัดรักษาและเสียโอกาสในการประกอบอาชีพ เป็นการฎีกาดุลพินิจในการลงโทษจำเลยจึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุกจำเลย 6 เดือน ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษาแก้โดยปรับบทตามกฎหมายที่แก้ไขเป็นกรณีแก้ไขเล็กน้อย จึงต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5147/2545

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อจำกัดการฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการรอการลงโทษและการบำบัดยาเสพติด
ศาลจะกำหนดเงื่อนไขเพื่อคุมความประพฤติของจำเลยโดยให้ไปรับการบำบัดรักษาการติดยาเสพติดให้โทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56(4) ได้ ก็ต่อเมื่อศาลรอการลงโทษจำคุกให้แก่จำเลย ซึ่งเป็นดุลพินิจในการลงโทษของศาล ถือเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงเพื่อนำไปสู่การวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมาย อันเป็นฎีกาในข้อเท็จจริงจึงต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 วรรคหนึ่ง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5989/2557

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับบำบัดผู้ติดยาเสพติดตาม พ.ร.บ.ฟื้นฟูฯ แม้ผู้ต้องหาปฏิเสธ การไม่ดำเนินการถือเป็นความไม่ชอบ
การฟื้นฟูสมรรถภาพผู้เสพหรือผู้ติดยาเสพติดตาม พ.ร.บ.ฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด พ.ศ.2545 มาตรา 19 และมาตรา 21 เป็นมาตรการของรัฐที่ต้องการบำบัดรักษาผู้ติดยาเสพติดโดยการบังคับ มิใช่ให้ผู้ที่ติดยาเสพติดเลือกที่จะเข้ารับการฟื้นฟูหรือไม่ก็ได้ เพราะบทกฎหมายดังกล่าวไม่มีข้อความระบุไว้ที่ใดเลยว่าให้ตรวจพิสูจน์เฉพาะผู้ที่ให้การรับสารภาพเท่านั้น จึงต้องครอบคลุมถึงผู้ที่เต็มใจและไม่เต็มใจเข้ารับการฟื้นฟู เพื่อให้เป็นไปตามบทบัญญัติของกฎหมาย การที่คณะอนุกรรมการฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติดกรุงเทพมหานครไม่จัดการตรวจพิสูจน์การเสพหรือการติดยาเสพติดจำเลยซึ่งให้การปฏิเสธ จึงเป็นการไม่ชอบ และมีหน้าที่ที่จะต้องนำตัวจำเลยกลับไปดำเนินการตาม พ.ร.บ.ฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด พ.ศ.2545 ให้ครบถ้วนถูกต้องต่อไป การที่โจทก์นำตัวจำเลยมาฟ้อง จึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3578/2565

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเลิกจ้างหลังเข้าร่วมโครงการบำบัดยาเสพติด: สิทธิในการได้รับค่าชดเชย
ตามกฎระเบียบข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานพนักงานรายเดือนและพนักงานรายวัน ข้อ 9 วินัยในการปฏิบัติงาน ข้อย่อยที่ 18 กำหนดว่า "ห้ามพนักงานทุกคนนํายาเสพติดผิดกฎหมาย.... เข้ามาในบริเวณที่ทำงานหรือโรงงาน และพนักงานทุกคนต้องยินยอมให้บริษัทตรวจหาสารเสพติดได้ตลอดเวลาและทุกกรณีพนักงานที่ฝ่าฝืนหรือไม่ให้ความร่วมมือจะพิจารณาโทษสูงสุดโดยการเลิกจ้าง" เมื่อยาเสพติดให้โทษเป็นสิ่งผิดกฎหมายและเป็นภัยร้ายแรงต่อสังคมส่วนรวม กฎระเบียบดังกล่าวของจําเลยย่อมมีเจตนารมณ์หรือวัตถุประสงค์ที่จะห้ามมิให้พนักงานทุกคนของจําเลยเข้าไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติดไม่ว่ากรณีใดๆ มิได้เฉพาะแต่การนําหรือพกพายาเสพติดเข้ามาในที่ทำงานหรือโรงงานของจําเลยเท่านั้น แต่รวมถึงการเสพยาเสพติดแล้วเข้ามาปฏิบัติงานในที่ทำงานหรือโรงงานของจําเลยด้วย เพื่อป้องกันมิให้เกิดความเสียหายแก่จําเลยและผู้ปฏิบัติงานทุกคนในที่ทำงานหรือโรงงานของจําเลยด้วย ดังนั้น การที่เจ้าหน้าที่ตรวจพบสารเสพติดในปัสสาวะของโจทก์ขณะปฏิบัติหน้าที่ในที่ทำงานหรือโรงงานของจําเลยจึงเป็นการฝ่าฝืนกฎระเบียบดังกล่าว ซึ่งจําเลยจะพิจารณาโทษสูงสุดโดยการเลิกจ้างได้
คดีนี้จําเลยสมัครใจเข้าร่วมโครงการแก้ไขปัญหายาเสพติดในระบบสมัครใจ "ค่ายปรับเปลี่ยนพฤติกรรมจังหวัดนครปฐม" ของศูนย์อํานวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดจังหวัดนครปฐม เพื่อเป็นการบำบัดรักษาฟื้นฟูผู้ป่วยเสพยาเสพติด ตามประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 108/2557 ย่อมถือได้ว่า จําเลยสมัครใจที่จะปฏิบัติตามหรือให้ความร่วมมือกับมาตรการใด ๆ ที่เป็นส่วนหนึ่งในเงื่อนไขของโครงการดังกล่าวด้วย เมื่อจําเลยมีคำสั่งให้โจทก์หยุดงานเพื่อไปดำเนินการบำบัดฟื้นฟูตามโครงการดังกล่าวในค่ายปรับเปลี่ยนพฤติกรรมจังหวัดนครปฐมในระหว่างวันที่ 4 ถึงวันที่ 15 มิถุนายน 2562 โดยโจทก์ก็ยินยอมเข้ารับการบําบัดฟื้นฟูด้วย ซึ่งในช่วงระยะเวลาที่โจทก์เข้ารับการบําบัดฟื้นฟูดังกล่าว จําเลยก็มิได้ลงโทษหรือเลิกจ้างโจทก์จากการกระทำผิดของโจทก์ดังกล่าว แสดงให้เห็นว่า จําเลยให้ความร่วมมือสนับสนุนการดำเนินการบำบัดรักษาฟื้นฟูสมรรถภาพผู้เสพยาเสพติด "ค่ายปรับเปลี่ยนพฤติกรรมจังหวัดนครปฐม" แล้ว จําเลยจึงต้องให้โอกาสแก่โจทก์กลับเข้าทำงานต่อไปตามที่กำหนดไว้ และถือว่าจําเลยไม่ติดใจจะนํากฎระเบียบดังกล่าว ข้อ 9 ข้อย่อย 18 มาใช้บังคับแก่พนักงานที่ถูกพบสารเสพติดในปัสสาวะในโครงการดังกล่าวรวมถึงโจทก์ด้วย เพื่อให้เป็นไปตามความมุ่งหมายของโครงการแก้ไขปัญหายาเสพติดในระบบสมัครใจ การที่จําเลยไม่ให้โจทก์กลับเข้าทำงานต่อไปและเลิกจ้างโจทก์ในวันที่ 18 มิถุนายน 2562 ซึ่งเป็นวันถัดจากวันที่โจทก์ได้รับการบําบัดฟื้นฟูสิ้นสุดลงตามกระบวนการ จําเลยย่อมต้องจ่ายค่าชดเชยแก่โจทก์