พบผลลัพธ์ทั้งหมด 3 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 930/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมสิทธิ์รวม ทางเข้าออกร่วมกัน การใช้ประโยชน์ที่ดิน โครงการบ้านจัดสรร ไม่เป็นการละเมิด
โจทก์ทั้งสามและจำเลยที่1มีกรรมสิทธิ์รวมกันในที่ดิน2แปลงโดยมีเจตนาที่จะใช้ที่พิพาททั้ง 2 แปลงนี้เป็นทางเข้าออกสู่ถนนสาธารณะร่วมกันเพราะต่างมีที่ดินอยู่ติดเข้าไปข้างในโดยจำเลยที่1มีที่ดินอีกแปลงหนึ่งใช้ทำบ้านจัดสรรอยู่ชิดไปด้านทิศตะวันออกการที่จำเลยที่ 1 ทำถนนคอนกรีตบนที่พิพาทเพื่อเข้าสู่ที่ดินของจำเลยที่ 1 เป็นไปตามเจตนาเดิมของคู่กรณีที่จะใช้เป็นทางออกสู่ถนนสาธารณะร่วมกันนอกจากจะไม่เสียหายแล้วยังกลับจะมีประโยชน์มากยิ่งขึ้นส่วนการปักเสาไฟฟ้าและวางท่อประปาก็ได้ทำชิดติดเขตที่ดินของจำเลยที่ 1 ด้านทิศตะวันออกไม่มีส่วนใดกีดขวางทางเข้าออกซึ่งโจทก์ที่ 1 รับว่าไม่ทำให้เกิดความเสียหายแก่ตัวทรัพย์การกระทำของจำเลยที่ 1 จึงไม่เป็นการใช้ทรัพย์สินในทางขัดต่อสิทธิของโจทก์ทั้งสามซึ่งเป็นเจ้าของรวมไม่เป็นละเมิดต่อโจทก์ทั้งสามการที่จำเลยที่ 2 ถึงที่ 5 เข้าไปปักเสาไฟฟ้าและวางน้ำประปาตามคำขอของจำเลยที่ 1 ก็ไม่เป็นละเมิดต่อโจทก์ทั้งสามเช่นกัน จำเลยที่ 6 ถึงที่ 20 ซึ่งเป็นผู้ซื้อที่ดินพร้อมบ้านจากโครงการของจำเลยที่ 1 ย่อมมีสิทธิใช้ถนนคอนกรีตออกสู่ทางสาธารณะได้โดยอาศัยข้อตกลงระหว่างโจทก์ทั้งสามและจำเลยที่ 1 ที่ว่าต่างยินยอมให้เจ้าของที่ดินทั้งสองฝ่ายที่อยู่สองข้างทางใช้ที่พิพาทออกสู่ทางสาธารณะได้โดยให้สัญญาดังกล่าวมีผลผูกพันผู้ที่ซื้อที่ดินต่อไปด้วยการกระทำของจำเลยที่ 6 ถึงที่ 20 จึงไม่เป็นละเมิดต่อโจทก์ทั้งสาม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 547-550/2525
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิการใช้คันคลองสาธารณะก่อนการสร้างบ้านจัดสรร ไม่ถือเป็นความเสียหายพิเศษ
จำเลยปลูกเรือนที่คันคลองสาธารณะอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน และอยู่หน้าที่ดินโจทก์ก่อนที่โจทก์จะปลูกบ้านจัดสรรในที่ดินโจทก์โจทก์สามารถออกไปสู่ที่สาธารณะได้โดยหน้าที่ดินของโจทก์ยังว่างอยู่โดยไม่มีสิ่งใดปิดบังถึง 100 เมตรดังนี้ ถือไม่ได้ว่าโจทก์ได้รับความเสียหายและเดือดร้อนเป็นพิเศษตามป.พ.พ. ม.1337 จึงไม่มีอำนาจที่จะฟ้องบังคับให้จำเลยรื้อถอนเรือนออกไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2415/2552
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาซื้อขายบ้านพร้อมที่ดินเป็นสัญญาต่างตอบแทน จำเลยต้องสร้างสาธารณูปโภคตามที่โฆษณา หากไม่ทำตาม โจทก์มีสิทธิบอกเลิกสัญญาได้
สาธารณูปโภคที่โครงการจัดให้ตามแผ่นพับที่พิมพ์โฆษณาว่ามีคลับเฮ้าส์ ทะเลสาบ ลู่วิ่ง และสวนหย่อมเป็นส่วนที่เป็นสาระสำคัญ แม้ตามสัญญาจะซื้อจะขายจะมีข้อตกลงเฉพาะเกี่ยวกับแบบแปลนสิ่งปลูกสร้าง กำหนดเวลาการก่อสร้าง กำหนดเวลาการตรวจรับอาคารสิ่งปลูกสร้างเฉพาะตัวบ้านตามที่โจทก์จองซื้อก็ตาม แต่ตามสัญญาข้อ 16 ได้กำหนดให้ผู้รับโอนกรรมสิทธิ์ต้องจ่ายค่าบำรุงรักษาสาธารณูปโภคส่วนกลางจำนวน 30,000 บาท ซึ่งเมื่อดูจากแผ่นพับโฆษณาแล้ว ค่าบำรุงรักษาสาธารณูปโภคตามที่กำหนดไว้นั้นน่าจะหมายถึงค่าใช้จ่ายในการดูแลสวน ลู่วิ่ง รอบทะเลสาบและทะเลสาบซึ่งเป็นสถานที่ที่ใช้ร่วมกัน แต่ขณะที่จำเลยมีหนังสือแจ้งให้โจทก์ไปรับโอนกรรมสิทธิ์ จำเลยสร้างบ้านเสร็จแต่พื้นที่รอบบ้านยังอยู่ในสภาพรกร้างว่างเปล่า ยังมิได้ดำเนินการสร้างสาธารณูปโภคต่างๆ ซึ่งเป็นส่วนสาระสำคัญในการเอื้อต่อการเข้าอยู่อาศัยของผู้ซื้อบ้านซึ่งสัญญาจะซื้อจะขายที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างเป็นสัญญาต่างตอบแทน คู่สัญญาฝ่ายหนึ่งจะไม่ยอมชำระหนี้จนกว่าอีกฝ่ายหนึ่งจะชำระหนี้หรือขอปฏิบัติการชำระหนี้ก็ได้ ดังนั้น เมื่อจำเลยยังมิได้ก่อสร้างสาธารณูปโภคอันเป็นส่วนสาระสำคัญของโครงการตามที่ได้โฆษณาในแผ่นพับในขณะโจทก์เข้าทำสัญญาจองซื้อบ้าน โจทก์จึงยังไม่จำต้องรับโอนกรรมสิทธิ์บ้านพร้อมที่ดินและชำระราคาส่วนที่เหลือให้แก่จำเลย ทั้งกรณีถือไม่ได้ว่าโจทก์เป็นฝ่ายผิดสัญญา โจทก์จึงมีสิทธิที่จะบอกเลิกสัญญาแก่จำเลย เมื่อโจทก์ใช้สิทธิบอกเลิกสัญญาแล้ว สัญญาจะซื้อจะขายที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างระหว่างโจทก์และจำเลยจึงเป็นอันเลิกกัน คู่สัญญาแต่ละฝ่ายจำต้องให้อีกฝ่ายหนึ่งได้กลับคืนสู่ฐานะดังที่เป็นอยู่เดิมจำเลยจึงต้องคืนเงินที่โจทก์ชำระแล้วทั้งหมดพร้อมดอกเบี้ยให้แก่โจทก์