คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ปกปิดข้อความจริง

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 3 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3354/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบอกล้างสัญญาประกันชีวิตจากเหตุปกปิดข้อความจริงด้านสุขภาพของผู้เอาประกัน และหน้าที่ของผู้รับประกันภัย
โจทก์ซึ่งเป็นผู้รับประโยชน์ตามกรมธรรม์ประกันชีวิตฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระเงินตามกรมธรรม์ จำเลยให้การต่อสู้คดีว่าสัญญาประกันชีวิตรายพิพาทเป็นแบบประหยัดไม่ต้องให้แพทย์ตรวจสุขภาพของผู้เอาประกันชีวิตก่อน และ พ.ผู้เอาประกันภัย (ผู้ตาย) ได้ปกปิดข้อความจริงเกี่ยวกับสุขภาพว่าตนมีสุขภาพสมบูรณ์ที่ไม่เคยเจ็บป่วยหรือได้รับการรักษาพยาบาลด้วยโรคใด ๆ ก่อนขอทำประกัน การที่ พ. ได้ปกปิดข้อความจริงเกี่ยวกับสุขภาพทำให้สัญญาประกันชีวิตตกเป็นโมฆียะและจำเลยได้บอกล้างสัญญาประกันชีวิตนี้แล้วจึงไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์ ประเด็นแห่งคดีจึงมีว่า พ. ผู้เอาประกันภัยได้ปกปิดข้อความจริงเกี่ยวกับสุขภาพของตนอันจะเป็นเหตุให้สัญญาตกเป็นโมฆียะและจำเลยมีสิทธิบอกล้างได้หรือไม่และจำเลยได้บอกล้างแล้วหรือไม่ ซึ่งเป็นข้อเท็จจริงจะต้องฟังจาการนำสืบของคู่ควมการที่ผู้รับประกันภัยไม่ตรวจสุขภาพของผู้เอาประกันภัยในขณะทำสัญญาประกันภัย จะถือว่าผู้รับประกันภัยไม่ใช้ความระมัดระวังดังเช่นที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 866 เสมอไปหาได้ไม่ กรณีจะต้องด้วยบทกฎหมายดังกล่าวหรือไม่ย่อมอาศัยข้อเท็จจริงในคดีเป็นหลักวินิจฉัย ศาลชั้นต้นจึงยังไม่สมควรที่จะสั่งงดสืบพยานโจทก์จำเลยโดยอ้างว่าจำเลยประมาทเลินเล่อไม่ตรวจสุขภาพของผู้เอาประกันภัยในขณะทำสัญญาประกันภัยสัญญาประกันชีวิตที่โจทก์ฟ้องจึงสมบูรณ์แล้วพิพากษาให้จำเลยแพ้คดีโดยยังมิได้ฟังข้อเท็จจริงให้สิ้นกระแสดความก่อน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3354/2527

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบอกล้างสัญญาประกันชีวิตเนื่องจากปกปิดข้อความจริงเกี่ยวกับสุขภาพ และการพิสูจน์ข้อเท็จจริงเพื่อประกอบการวินิจฉัย
โจทก์ซึ่งเป็นผู้รับประโยชน์ตามกรมธรรม์ประกันชีวิตฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระเงินตามกรมธรรม์ จำเลยให้การต่อสู้คดีว่าสัญญาประกันชีวิตรายพิพาทเป็นแบบประหยัดไม่ต้องให้แพทย์ตรวจสุขภาพของผู้เอาประกันชีวิตก่อนและ พ. ผู้เอาประกันภัย(ผู้ตาย) ได้ปกปิดข้อความจริงเกี่ยวกับสุขภาพว่าตนมีสุขภาพสมบูรณ์ไม่เคยเจ็บป่วยหรือได้รับการรักษาพยาบาลด้วยโรคใดๆก่อนขอทำประกันการที่ พ. ได้ปกปิดข้อความจริงเกี่ยวกับสุขภาพทำให้สัญญาประกันชีวิตตกเป็นโมฆียะและจำเลยได้บอกล้างสัญญาประกันชีวิตนี้แล้วจึงไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์ ประเด็นแห่งคดีจึงมีว่า พ. ผู้เอาประกันภัยได้ปกปิดข้อความจริงเกี่ยวกับสุขภาพของตนอันจะเป็นเหตุให้สัญญาตกเป็นโมฆียะและจำเลยมีสิทธิบอกล้างได้หรือไม่และจำเลยได้บอกล้างแล้วหรือไม่ซึ่งเป็นข้อเท็จจริงจะต้องฟังจากการนำสืบของคู่ความการที่ผู้รับประกันภัยไม่ตรวจสุขภาพของผู้เอาประกันภัยในขณะทำสัญญาประกันภัยจะถือว่าผู้รับประกันภัยไม่ใช้ความระมัดระวังดังเช่นที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 866 เสมอไปหาได้ไม่กรณีจะต้องด้วยบทกฎหมายดังกล่าวหรือไม่ย่อมอาศัยข้อเท็จจริงในคดีเป็นหลักวินิจฉัยศาลชั้นต้นจึงยังไม่สมควรที่จะสั่งงดสืบพยานโจทก์จำเลยโดยอ้างว่าจำเลยประมาทเลินเล่อไม่ตรวจสุขภาพของผู้เอาประกันภัยในขณะทำสัญญาประกันภัยสัญญาประกันชีวิตที่โจทก์ฟ้องจึงสมบูรณ์แล้วพิพากษาให้จำเลยแพ้คดีโดยยังมิได้ฟังข้อเท็จจริงให้สิ้นกระแสความก่อน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3246-3250/2559

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การปกปิดข้อความจริงในการทำสัญญาประกันภัย ทำให้สัญญาสัญญาประกันภัยเป็นโมฆียะ ผู้รับประกันภัยบอกล้างสัญญาได้
สัญญาประกันภัยเป็นสัญญาที่ต้องการความสุจริตหรือความไว้วางใจระหว่างคู่สัญญาเป็นสำคัญ ฉะนั้นจึงเป็นหน้าที่ของผู้เอาประกันภัยที่จะต้องเปิดเผยข้อความจริงให้ผู้รับประกันภัยรับรู้ ขณะที่ ส. ขอทำสัญญาประกันภัยกับจำเลยทั้งห้า ส. ได้เอาประกันภัยกับผู้รับประกันภัยรายอื่นอีกนับสิบรายเป็นจำนวนหลายสิบกรมธรรม์ รวมเป็นจำนวนเงินเอาประกันภัยกว่า 47 ล้านบาท ย่อมถือได้ว่า ส. เป็นบุคคลที่มีความเสี่ยงสูง เนื่องจากการขอเอาประกันภัยไว้เป็นจำนวนเงินที่สูง โดยไม่ปรากฏหลักฐานว่าเหมาะสมกับฐานะหรืออาชีพของ ส. หรือไม่อย่างไร และอาจมีมูลเหตุไปในทางไม่สุจริต การเอาประกันภัยกับผู้รับประกันภัยรายอื่นจึงถือเป็นสาระสำคัญที่ ส. ต้องเปิดเผยข้อความจริงดังกล่าวให้จำเลยทั้งห้าทราบ เพราะอาจจูงใจให้จำเลยทั้งห้าเรียกเบี้ยประกันภัยสูงขึ้นหรือบอกปัดไม่รับประกันภัยอย่างใดอย่างหนึ่ง ดังนี้การที่จำเลยทั้งห้ายอมตกลงเข้าทำประกันภัยตามฟ้องกับ ส. จึงเกิดจากความไม่สุจริตของ ส. ที่ไม่เปิดเผยข้อความจริงอันเป็นสาระสำคัญ สัญญาประกันภัยตามฟ้องย่อมตกเป็นโมฆียะ ตาม ป.พ.พ. มาตรา 865 วรรคหนึ่ง เมื่อจำเลยทั้งห้าบอกล้างโดยชอบแล้ว สัญญาประกันภัยจึงตกเป็นโมฆะ