คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ปฏิบัติตามคำพิพากษา

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 21 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1515/2547

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิจารณาโทษจำคุกและการไม่รอการลงโทษในคดีทำร้ายร่างกาย แม้จำเลยจะปฏิบัติตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นแล้ว
ศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุกจำเลย 6 เดือน และปรับ 2,000 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้ 2 ปี ให้คุมความประพฤติจำเลยโดยให้ไปรายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติทุก 3 เดือนต่อครั้ง มีกำหนด 1 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 หากจำเลยไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29 , 30 ศาลอุทธรณ์ภาค 9 พิพากษาแก้เป็นว่าให้จำคุกจำเลย 1 เดือน ไม่ปรับ ไม่รอการลงโทษ และไม่คุมความประพฤติ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ แม้จำเลยได้ชำระค่าปรับและรายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติอันเป็นการปฏิบัติตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นครบถ้วนแล้ว เมื่อศาลอุทธรณ์ภาค 9 พิพากษาแก้เป็นไม่ปรับ จำเลยย่อมขอรับเงินค่าปรับที่ชำระไปแล้วคืนได้ ส่วนการรายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติเป็นวิธีการแก้ไขไม่ให้จำเลยไปกระทำความผิดอีก มิใช่การลงโทษตามกฎหมาย ไม่ถือว่าจำเลยต้องรับโทษหนักขึ้นเกินกว่าที่ศาลอุทธรณ์ภาค 9 กำหนด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4933/2541

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับคดีค่าเสียหายจากการใช้เครื่องหมายการค้าที่ละเมิด แม้เปลี่ยนเครื่องหมายใหม่ก็ไม่ถือเป็นการปฏิบัติตามคำพิพากษาเดิม
ศาลพิพากษาให้จำเลยชำระค่าเสียหายเดือนละ5,000 บาท นับแต่วันฟ้อง จนกว่าจำเลยจะเลิกผลิตและจำหน่ายน้ำปลาเครื่องหมายการค้าที่พิพาทเมื่อปรากฏว่าหลังจากศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาคดีเดิมแล้ว จำเลยยังคงใช้เครื่องหมายการค้าตามฟ้องคดีเดิมอยู่ต่อไป จำเลยจึงต้องชำระค่าเสียหายดังกล่าวนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะเลิกใช้เครื่องหมายการค้าดังกล่าว เมื่อจำเลยยังชำระค่าเสียหายตามคำพิพากษาส่วนนี้ไม่ครบถ้วน โจทก์ย่อมมีสิทธิขอให้มีการบังคับคดียึดทรัพย์สินของจำเลยออกขายทอดตลาดเพื่อนำเงินมาชำระหนี้ตามคำพิพากษาส่วนนี้ได้ ตามคำฟ้องของโจทก์กล่าวอ้างเหตุแห่งความเสียหายว่า จำเลยใช้เครื่องหมายการค้าพิพาทที่เหมือนคล้ายกับเครื่องหมายการค้าของโจทก์ ทำให้โจทก์เสียหายจำหน่ายน้ำปลาของโจทก์ได้น้อยลงคิดเป็นเงินเดือนละ 35,000 บาทขอให้บังคับห้ามจำเลยใช้เครื่องหมายการค้าพิพาทหรือเครื่องหมายการค้าอื่นอันมีลักษณะเหมือนคล้ายเครื่องหมายการค้าของโจทก์ และขอให้บังคับจำเลยใช้ค่าเสียหายที่คิดถึงวันฟ้องจำนวนหนึ่งกับค่าเสียหายอีกเดือนละ 35,000 บาท นับแต่วันฟ้องจนกว่าจำเลยจะเลิกใช้เครื่องหมายการค้าพิพาทหรือเครื่องหมายการค้าอื่นอันมีลักษณะเหมือนคล้ายเครื่องหมายการค้าของโจทก์ ดังนี้ คำขอในส่วน ที่ระบุถึงเครื่องหมายการค้าอื่นอันมีลักษณะ เหมือนคล้ายเครื่องหมายการค้าของโจทก์ดังกล่าวนี้ เป็นเพียงคำขอล่วงหน้าในอนาคต เมื่อในขณะพิจารณาคดี เดิมยังไม่มีข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการใช้เครื่องหมายการค้า อื่นตามคำขอดังกล่าวที่จะนำมาพิจารณาและในชั้น พิจารณาคดีเดิมศาลชั้นต้นไม่ได้พิพากษาเกี่ยวกับ เครื่องหมายการค้าอื่นอันมีลักษณะเหมือนคล้ายเครื่องหมายการค้าของโจทก์ตามคำขอท้ายฟ้องของโจทก์โจทก์มิได้อุทธรณ์ฎีกา คงมีแต่จำเลยอุทธรณ์ฎีกาฝ่ายเดียวดังนี้ การที่ศาลฎีกาวินิจฉัยกำหนดค่าเสียหายให้โจทก์เดือนละ 5,000 บาท นับแต่วันฟ้องจนกว่าจำเลยจะเลิกจำหน่ายน้ำปลาที่พิพาทก็มิใช่เป็นการพิพากษาให้บังคับตามคำขอของโจทก์เกี่ยวกับเครื่องหมายการค้าอื่นอันมีลักษณะเหมือนคล้ายเครื่องหมายการค้าของโจทก์ดังกล่าว การที่จำเลยใช้เครื่องหมายการค้าที่มีลักษณะการค้าโดยรวมอาจเหมือนคล้ายเครื่องหมายการค้าของโจทก์ แต่ก็มีรายละเอียดประกอบแตกต่างไปจากเครื่องหมายการค้าพิพาทที่ศาลพิพากษาห้ามจำเลยใช้และศาลฎีกากำหนดค่าเสียหายจากการที่จำเลยใช้เครื่องหมายการค้าที่พิพาทออกไปบ้าง จึงถือไม่ได้ว่าการใช้เครื่องหมายการค้าของจำเลยที่อาจเหมือนหรือคล้ายกับเครื่องหมายการค้าของโจทก์ เป็นการใช้เครื่องหมายการค้าที่ถูกห้ามใช้ตามคำพิพากษา ดังนี้ กรณีที่จำเลยใช้เครื่องหมายการค้าดังกล่าวขึ้นใหม่ ไม่ว่าจะเหมือนคล้ายเครื่องหมายการค้าของโจทก์หรือไม่ และทำให้โจทก์เสียหายมากหรือน้อยกว่าที่ศาลกำหนดให้ในคดีเดิมหรือไม่อย่างใด ก็เป็นกรณีที่โจทก์จะต้องฟ้องจำเลยเป็นคดีใหม่เพื่อพิจารณาปัญหาดังกล่าวต่อไป กรณีไม่อาจถือได้ว่าการใช้เครื่องหมายการค้าดังกล่าวของจำเลยเป็นการไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษา โจทก์ย่อมไม่มีสิทธิขอให้ บังคับคดีแก่จำเลยเพื่อชำระหนี้ค่าเสียหายในส่วนนี้ ปัญหาว่าโจทก์มีสิทธิบังคับคดีในส่วนค่าเสียหาย ไม่ตรงตามคำพิพากษาเป็นเรื่องสิทธิในการบังคับคดี ซึ่งเป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย แม้จำเลยไม่ฎีกา ขึ้นมา ศาลฎีกาก็มีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยและแก้ไข เสียให้ถูกต้องได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2709/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การปฏิบัติตามคำพิพากษา: การโฆษณาคำพิพากษาในหนังสือพิมพ์ แม้มีข้อจำกัดด้านพื้นที่
ศาลพิพากษาให้จำเลยทั้งสี่ร่วมกันจัดให้มีการโฆษณาคำพิพากษาในหนังสือพิมพ์รายวัน ดังนั้น การที่จำเลยทั้งสี่ได้ย่อคำพิพากษาโดยย่อคำฟ้องได้ใจความถูกต้องตรงกับคำฟ้องของโจทก์ทั้งสองและมีข้อความระบุว่าศาลพิพากษาว่าจำเลยทั้งสี่มีความผิดตามที่โจทก์ทั้งสองฟ้องตลอดจนบทลงโทษและโทษคนละเท่าใดตรงตามเนื้อความในต้นฉบับคำพิพากษาแล้ว เมื่อผู้อ่านอ่านแล้วจะเข้าใจได้ทันทีถือได้ว่าจำเลยทั้งสี่ได้ปฏิบัติถูกต้องตามคำพิพากษาแล้ว
ที่หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ไม่สามารถจะโฆษณาคำพิพากษาได้เนื่องจากมีการลดหน้าหนังสือพิมพ์ลง ประกอบกับใกล้สิ้นปีมีโฆษณามาก ย่อมเป็นที่เห็นได้ว่าถ้าพ้นสิ้นปีไปแล้วหนังสือพิมพ์ดังกล่าวก็สามารถจะโฆษณาคำพิพากษาให้ได้จึงไม่เป็นการพ้นวิสัย ส่วนหนังสือพิมพ์ไทยรัฐไม่สามารถจะโฆษณาคำพิพากษาได้เนื่องจากเนื้อที่ในการลงโฆษณาได้เปิดจำหน่ายล่วงหน้าไปจนถึงปีหน้า จำเลยทั้งสี่ย่อมจองสิทธิลงโฆษณาในหนังสือพิมพ์ดังกล่าวต่อจากผู้ลงโฆษณาล่วงหน้าคนสุดท้ายได้ดังนั้นการโฆษณาคำพิพากษาในหนังสือพิมพ์ไทยรัฐจึงยังอยู่ในวิสัยที่จะทำได้ ประกอบกับคำพิพากษามิได้บังคับว่าจะต้องจัดให้มีการโฆษณาในหนังสือพิมพ์ทั้งสองฉบับดังกล่าวข้างต้นเมื่อใด ดังนั้น การลงโฆษณาคำพิพากษาในหนังสือพิมพ์ทั้งสองฉบับดังกล่าวยังไม่เป็นการพ้นวิสัย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3316/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับคดีรื้อโรงเรือนรุกล้ำที่ดิน: การรื้อเพียงบางส่วนไม่ถือว่าปฏิบัติตามคำพิพากษา
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งสองและบริวารรื้อโรงเรือนออกจากที่ดินของโจทก์แม้จะบรรยายมาด้วยว่าจำเลยทั้งสองปลูกโรงเรือนรุกล้ำที่ดินของโจทก์กว้างประมาณ2.50เมตรยาวประมาณ8เมตรก็เป็นเพียงการประมาณเอาเท่านั้นจำเลยทั้งสองให้การว่าไม่ได้ปลูกโรงเรือนรุกล้ำที่ดินของโจทก์ที่พิพาทเป็นของจำเลยทั้งสองศาลชั้นต้นกำหนดประเด็นข้อพิพาทเพียงว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์หรือของจำเลยและศาลมีคำพิพากษาคดีถึงที่สุดว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ให้จำเลยทั้งสองและบริวารรื้อถอนโรงเรือนที่รุกล้ำออกไปไม่มีประเด็นข้อพิพาทเกี่ยวกับแนวเขตที่พิพาทหากต่อมามีปัญหาเกี่ยวกับแนวเขตที่พิพาทก็เป็นปัญหาในชั้นบังคับคดีการที่จำเลยทั้งสองเพียงแต่รื้อห้องน้ำออกไปถือไม่ได้ว่าได้ปฏิบัติตามคำพิพากษาแล้วชอบที่ศาลจะสั่งให้ไปตรวจดูว่าโรงเรือนของจำเลยทั้งสองยังคงรุกล้ำที่ดินของโจทก์อีกหรือไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3316/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับคดีรื้อถอนโรงเรือนรุกล้ำที่ดิน: การปฏิบัติตามคำพิพากษาต้องครบถ้วนและตรวจสอบแนวเขตที่แท้จริง
คดีมีประเด็นข้อพิพาทว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์หรือของจำเลยแต่ในระหว่างการพิจารณาคดีไม่มีการทำแผนที่พิพาทต่อมาศาลชั้นต้นพิพากษาว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ให้จำเลยทั้งสองและบริวารรื้อถอนโรงเรือนที่รุกล้ำออกไปศาลอุทธรณ์และศาลฎีกาพิพากษายืนคดีไม่มีประเด็นข้อพิพาทเกี่ยวกับแนวเขตที่พิพาทแม้โจทก์จะบรรยายมาในฟ้องด้วยว่าจำเลยทั้งสองปลูกโรงเรือนรุกล้ำที่ดินของโจทก์กว้างประมาณ2.50เมตรยาวประมาณ8เมตรก็ตามก็เป็นเพียงการประมาณเอาเท่านั้นหากต่อมาภายหลังจากศาลพิพากษาไปแล้วมีปัญหาเกี่ยวกับแนวเขตที่พิพาทก็เป็นปัญหาในชั้นบังคับคดีการที่จำเลยทั้งสองเพียงแต่รื้อห้องน้ำมีความกว้าง2เมตรยาว3.3เมตรออกไปนั้นยังถือไม่ได้ว่าได้ปฏิบัติตามคำพิพากษาถูกต้องครบถ้วนแล้วชอบที่ศาลชั้นต้นจะสั่งให้ไปตรวจสอบดูว่าโรงเรือนของจำเลยทั้งสองยังคงรุกล้ำที่ดินตามแบบแจ้งการครอบครองของโจทก์หรือไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2390/2533 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การปฏิบัติตามคำพิพากษาและการใช้สิทธิโดยไม่สุจริต: ข้ออ้างของจำเลยเป็นเรื่องบังคับคดี
จำเลยฎีกาอ้างว่า หลังจากศาลชั้นต้นมีคำพิพากษา จำเลยได้ปฏิบัติตามคำพิพากษาโดยได้ขนย้ายทรัพย์สินและบริวารออกจากตึกแถวพิพาทแล้วส่งคืนโจทก์แต่โจทก์ใช้สิทธิโดยไม่สุจริตไม่ยอมรับคืน เพราะประสงค์จะได้ค่าเสียหายจากจำเลยอีกต่อไปนั้น เมื่อศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยใช้ค่าเสียหายจนกว่าจะส่งมอบห้องพิพาทคืนโจทก์ ข้ออ้างของจำเลยจึงเป็นเรื่องที่จะต้องว่ากล่าวกันในชั้นบังคับคดี.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2390/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การส่งมอบทรัพย์สินหลังคำพิพากษา: ข้ออ้างการปฏิบัติตามคำพิพากษาและการใช้สิทธิโดยไม่สุจริต
จำเลยฎีกาอ้างว่า หลังจากศาลชั้นต้นมีคำพิพากษา จำเลยได้ปฏิบัติตามคำพิพากษาโดยได้ขนย้ายทรัพย์สินและบริวารออกจากตึกแถวพิพาทแล้วส่งคืนโจทก์แต่โจทก์ใช้สิทธิโดยไม่สุจริตไม่ยอมรับคืน เพราะประสงค์จะได้ค่าเสียหายจากจำเลยอีกต่อไปนั้น เมื่อศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยใช้ค่าเสียหายจนกว่าจะส่งมอบห้องพิพาทคืนโจทก์ ข้ออ้างของจำเลยจึงเป็นเรื่องที่จะต้องว่ากล่าวกันในชั้นบังคับคดี.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4053/2532

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับคดีตามคำพิพากษาคดีอาญา: การขอให้ปฏิบัติตามคำพิพากษาต้องระบุวิธีการบังคับคดี
การดำเนินการบังคับคดีตามคำพิพากษาในคดีอาญานั้น นอกจากประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 249 บัญญัติไว้แล้วยังอาจดำเนินการบังคับคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งประกอบกับประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15 ได้อีกทางหนึ่ง ดังนั้น คำพิพากษาในคดีอาญาที่ห้ามมิให้จำเลยประกอบการค้าเลี้ยงสุกรในเขตเทศบาลอีกต่อไปจนกว่าจะได้รับใบอนุญาตจากเจ้าพนักงานท้องถิ่นนั้น แม้ไม่อาจดำเนินการบังคับคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 249 ได้ โจทก์ก็ยังอาจขอให้ศาลออกหมายบังคับคดีโดยอาศัยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งประกอบกับประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15 ได้ คำร้อง ของ โจทก์ขอให้ศาลออกหมายบังคับคดีระบุแต่เพียงว่า ขอศาลได้โปรดออกหมายบังคับคดีเพื่อให้จำเลยปฏิบัติตามคำพิพากษาเท่านั้นหาได้ระบุโดยชัดแจ้งว่าจะบังคับคดีแก่จำเลยด้วยวิธีการอย่างไรคำร้อง ของ โจทก์จึงไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 275(3) ชอบที่จะยกคำร้อง.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 695/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมสิทธิ์ร่วมและขอบเขตการครอบครองที่ดิน: การปฏิบัติตามคำพิพากษาศาล
ศาลอุทธรณ์พิพากษาคดีถึงที่สุดว่า โจทก์จำเลยมีกรรมสิทธิ์ร่วมกันในที่ดินพิพาท และต่างครอบครองเป็นส่วนสัดโดยส่วนของโจทก์ครอบครองเฉพาะบริเวณบ้านที่โจทก์ได้ครอบครองมาแต่เดิมเท่านั้น คำพิพากษาที่ถึงที่สุดดังกล่าวย่อมผูกพันคู่ความตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 145 เมื่อโจทก์ต่อเติมตึกแถวของโจทก์ที่ครอบครองมาแต่เดิม โดยขยายพื้นที่เพิ่มขึ้นจึงเป็นการไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ จำเลยชอบที่จะร้องขอให้ศาลบังคับให้โจทก์ปฏิบัติตามคำพิพากษาได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3317/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับคดีที่ขัดกับข้อเท็จจริงใหม่: ภารจำยอมสิ้นสภาพจากถนนตัดผ่าน ทำให้จำเลยปฏิบัติตามคำพิพากษาไม่ได้
ในการบังคับคดีตามคำพิพากษาซึ่งส่วนหนึ่งให้จำเลยขุดดินถมลำกระโดงภารจำยอมให้มีสภาพดังเดิมนั้น หากต่อมาปรากฏความจริงตามคำร้องของจำเลยว่า ลำกระโดงดังกล่าวหมดสภาพภารจำยอมแล้ว เพราะถูกถนนสาธารณะตัดผ่าน ภารจำยอมย่อมสิ้นไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1400 และถ้าให้จำเลยขุดดินถมลำกระโดงให้มีสภาพดังเดิมแล้วจะทำให้บุคคลภายนอกเสียหายซึ่งเป็นเรื่องที่จำเลยไม่สามารถปฏิบัติตามคำพิพากษาได้โดยสุจริต ดังนั้นการที่ศาลชั้นต้นสั่งให้โจทก์ดำเนินการทางเจ้าพนักงานบังคับคดีและให้ยกคำร้องของจำเลยโดยไม่ทำการไต่สวนจึงไม่ชอบด้วยกระบวนพิจารณาศาลชั้นต้นชอบที่จะไต่สวนคำร้องของจำเลยแล้วมีคำสั่งตามรูปคดี.
of 3