คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ประวัติอาชญากรรม

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 31 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2658/2548

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิจารณาการรอการลงโทษจำคุกของผู้เคยต้องโทษคดีอื่นก่อนได้รับประโยชน์จาก พ.ร.บ.ล้างมลทิน
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยและบวกโทษจำคุกที่รอการลงโทษไว้ในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 189/2541 ของศาลชั้นต้น รวมเป็นจำคุก 3 ปี 6 เดือน ในความผิดต่อ พ.ร.บ. ยาเสพติดให้โทษ ตามคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 451/2543 ของศาลชั้นต้น เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2543 คดีถึงที่สุดแล้วซึ่งในคดีดังกล่าวจำเลยกระทำความผิดเมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน 2542 อันเป็นวันภายหลังวันที่ 9 มิถุนายน 2539 จำเลยจึงไม่ได้รับประโยชน์จาก พ.ร.บ. ล้างมลทินในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชทรงครองสิริราชสมบัติครบ 50 ปีฯ จำเลยจึงเป็นผู้เคยต้องโทษจำคุกมาก่อน ไม่เข้าหลักเกณฑ์ตาม ป.อ. มาตรา 56 ที่รอการลงโทษจำคุกให้แก่จำเลยได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1925/2547

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ จำเลยเคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน ทำให้ไม่สามารถรอการลงโทษได้ แม้โจทก์มิได้บรรยายในฟ้อง
การที่จำเลยเคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน จึงไม่อาจรอการลงโทษให้จำเลยได้ตาม ป.อ. มาตรา 56 และไม่มีกฎหมายบัญญัติให้โจทก์ต้องบรรยายฟ้องว่าจำเลยเคยต้องโทษจำคุกมาแล้วจึงจะรอการลงโทษให้ไม่ได้ ดังนั้น แม้โจทก์จะมิได้บรรยายฟ้องว่าจำเลยเคยต้องโทษจำคุกมาแล้วก็ตาม แต่ตามรายงานการสืบเสาะและพินิจซึ่งจำเลยมิได้โต้แย้งระบุว่าจำเลยเคยต้องโทษจำคุกมาแล้ว เช่นนี้ ก็ไม่สามารถรอการลงโทษให้จำเลยได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 124/2547

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิจารณาโทษซ้ำสำหรับผู้กระทำผิดซ้ำ โดยศาลพิจารณาพฤติการณ์และประวัติอาชญากรรม
ข้อเท็จจริงตามรายงานการสืบเสาะและพินิจซึ่งจำเลยทั้งสองไม่คัดค้าน ปรากฏว่าจำเลยที่ 1 เคยต้องคำพิพากษาของศาลชั้นต้นโดยให้รอการลงโทษไว้ 2 ปี ในความผิดฐานร่วมกันบุกรุกเคหสถานของผู้อื่นในเวลากลางคืนโดยใช้กำลังประทุษร้าย ร่วมกันทำร้ายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายและซ่องโจร และจำเลยที่ 2 เคยต้องคำพิพากษาของศาลชั้นต้นโดยให้รอการลงโทษไว้ 2 ปี ในความผิดฐานทำร้ายร่างกาย ภายในเวลาที่ศาลรอการลงโทษในคดีดังกล่าว จำเลยทั้งสองได้กระทำความผิดคดีนี้อีก โดยได้ร่วมกันทำร้ายผู้เสียหายได้รับอันตรายสาหัส อันมิใช่ความผิดที่ได้กระทำโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ จึงให้บวกโทษคดีดังกล่าวเข้ากับโทษในคดีนี้ตาม ป.อ. มาตรา 58

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5248/2546

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับสารภาพตามฟ้องรวมถึงการยอมรับประวัติอาชญากรรมเดิม และการบวกโทษจำคุกรอการลงโทษตามกฎหมาย
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยเคยต้องคำพิพากษาถึงที่สุดของศาลชั้นต้นในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 2079/2542 ให้ลงโทษจำคุก 1 ปี และปรับ 15,000 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 2 ปี ฐานเสพเมทแอมเฟตามีนโดยฝ่าฝืนต่อกฎหมายและมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ภายในกำหนดระยะเวลารอการลงโทษดังกล่าวจำเลยกระทำความผิดคดีนี้อีกขอให้บวกโทษเข้ากับโทษของจำเลยคดีนี้ เมื่อศาลชั้นต้นอ่านอธิบายฟ้องทั้งหมดให้จำเลยฟัง จำเลยได้ให้การว่า ได้ทราบคำฟ้องตลอดแล้ว ข้าพเจ้าจำเลยขอให้การรับสารภาพตามฟ้อง ดังนั้น คำให้การจำเลยที่รับสารภาพตามฟ้องดังกล่าวจึงย่อมหมายรวมถึงการรับว่าจำเลยเคยต้องโทษจำคุกมาก่อนตามที่โจทก์กล่าวหาในฟ้องด้วย ศาลชั้นต้นจึงนำโทษจำคุกของจำเลยที่รอการลงโทษไว้ในคดีก่อนมาบวกเข้ากับโทษของจำเลยในคดีนี้ได้
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้โทษจำคุกในความผิดฐานเสพเมทแอมเฟตามีนโดยฝ่าฝืนต่อกฎหมายให้เบาลงแล้วรวมโทษจำคุกกับฐานอื่นเป็นจำคุก 1 ปี นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น โดยไม่ได้ระบุว่าให้นำโทษจำคุกที่รอการลงโทษไว้ในคดีก่อนมาบวกเข้ากับโทษคดีนี้ ซึ่งยังไม่ชัดเจนว่าในที่สุดแล้วศาลลงโทษจำคุก จำนวนเท่าใด ศาลฎีกาเห็นสมควรแก้ไขให้ชัดเจนขึ้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 483/2543 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผลกระทบของ พ.ร.บ.ล้างมลทิน ต่อการพิจารณาโทษจำเลย และอำนาจศาลในการลงโทษจากคำรับสารภาพ
พระราชบัญญัติล้างมลทินในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชทรงครองราชสิริราชสมบัติครบ 50 ปี พ.ศ. 2539 มาตรา 4 ที่บัญญัติให้ล้างมลทินให้แก่บรรดาผู้ต้องโทษในกรณีความผิดต่าง ๆ ซึ่งได้กระทำก่อนหรือในวันที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2539 และได้พ้นโทษไปแล้วก่อนหรือในวันที่พระราชบัญญัติฉบับดังกล่าวใช้บังคับ หรือซึ่งได้พ้นโทษไปโดยผลแห่งพระราชกฤษฎีกาพระราชทานอภัยโทษ พ.ศ. 2539โดยให้ถือว่าผู้นั้นมิได้เคยถูกลงโทษในกรณีความผิดนั้น ๆ มีผลเพียงให้ถือว่าผู้ต้องโทษไม่เคยถูกลงโทษจำคุกเท่านั้น มิได้มีผลถึงกับให้ถือว่าความประพฤติหรือการกระทำอันเป็นเหตุให้บุคคลผู้นั้นถูกลงโทษจำคุกถูกลบล้างไปด้วย ศาลล่างทั้งสอง จึงนำข้อเท็จจริงที่ว่าจำเลยเคยกระทำความผิดมาก่อนในคดีความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดให้โทษตามที่ปรากฏในรายงานการสืบเสาะและพินิจ มาประกอบการใช้ดุลพินิจไม่รอการลงโทษจำคุกให้แก่จำเลยได้
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยที่ 1 กระทำความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 15 วรรคหนึ่ง ประกอบมาตรา 67 ซึ่งระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงสิบปี และปรับตั้งแต่หนึ่งหมื่นบาทถึงหนึ่งแสนบาทจำเลยให้การรับสารภาพตามฟ้อง ศาลล่างทั้งสองจึงมีอำนาจพิพากษาลงโทษจำเลยได้โดยไม่จำต้องสืบพยานหลักฐาน ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 176 วรรคหนึ่ง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 483/2543

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การล้างมลทินและผลต่อการพิจารณาโทษซ้ำ: ศาลล่างนำประวัติอาชญากรรมมาพิจารณาได้หรือไม่
บทบัญญัติมาตรา 4 แห่งพระราชบัญญัติล้างมลทินในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชทรงครองราชสมบัติ ครบ 50 ปี พ.ศ. 2539 ให้ล้างมลทินแก่บรรดาผู้ต้องโทษในกรณีความผิดต่าง ๆ ซึ่งได้กระทำก่อนหรือในวันที่ 9 มิถุนายน 2539 และได้พ้นโทษไปแล้วก่อนหรือในวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับหรือซึ่งได้พ้นโทษไปโดยผลแห่งพระราชกฤษฎีกาพระราชทานอภัยโทษ พ.ศ. 2539ให้ถือว่าผู้นั้นมิได้เคยถูกลงโทษในกรณีความผิดนั้น ๆ มีผลเพียงให้ถือว่าผู้ต้องโทษไม่เคยถูกลงโทษจำคุกเท่านั้น มิได้มีผลถึงกับให้ถือว่าความประพฤติหรือการกระทำอันเป็นเหตุให้บุคคลนั้นถูกลงโทษจำคุกถูกลบล้างไปด้วย ศาลจึงนำข้อเท็จจริงที่ว่าจำเลยที่ 1 เคยกระทำความผิดมาก่อนในคดีความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดให้โทษตามที่ปรากฏในรายงานการสืบเสาะและพินิจ มาประกอบการใช้ดุลพินิจไม่รอการลงโทษจำคุกให้แก่จำเลยที่ 1 ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 355/2542

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาไม่รอการลงโทษคดีค้าประเวณี: พฤติการณ์ผู้ต้องหาไม่สำนึกผิด, มีประวัติอาชญากรรม, และมีแนวโน้มกระทำผิดซ้ำ
จำเลยกระทำความผิดฐานเป็นเจ้าของกิจการและสถานการค้าประเวณี และฐานเป็นธุระจัดหาซึ่งบุคคลใดเพื่อให้บุคคลนั้นกระทำการค้าประเวณี อันเป็นความผิดสองกรรมและจากรายงานการสืบเสาะและพินิจของพนักงานคุมประพฤติปรากฏว่าจำเลยยังเป็นเจ้าของสถานที่ในลักษณะเดียวกันกับสถานที่ในคดีนี้อีกแห่งหนึ่ง โดยมีการแบ่งเป็นห้องเล็ก ๆ ภายในไว้สำหรับบริการทางเพศแสดงว่าจำเลยมิได้รู้สึกยำเกรงต่อกฎหมายบ้านเมืองนอกจากนี้จำเลยยังมีนิสัยและความประพฤติเป็นนักเลงอันธพาลและพกพาอาวุธปืน มีเรื่องทะเลาะวิวาทกับผู้อื่นมาหลายครั้งซึ่งจำเลยทราบรายงานดังกล่าวก็มิได้คัดค้านและพนักงานคุมประพฤติเห็นว่าการใช้วิธีคุมประพฤติน่าจะไม่ได้ผลกับจำเลย ตามพฤติการณ์แห่งคดีประกอบกับความประพฤติของจำเลยจึงไม่สมควรที่จะรอการลงโทษจำคุกให้แก่จำเลย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3942/2540

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเพิ่มโทษจำเลยจากประวัติอาชญากรรมเดิมขัดกับ พ.ร.บ.ล้างมลทิน ทำให้การเพิ่มโทษไม่ถูกต้อง
ศาลล่างทั้งสองเพิ่มโทษจำเลยหนึ่งในสาม เพราะจำเลยเคยต้องคำพิพากษาให้จำคุก 2 ปี ฐานปลอมเอกสาร ใช้เอกสารปลอมประกอบโรคศิลปะแผนปัจจุบันสาขาเวชกรรมโดยมิได้อนุญาตขายยาแผนปัจจุบันโดยมิได้รับอนุญาตเมื่อปรากฏว่าได้มีพระราชบัญญัติล้างมลทินในวโรกาส ที่พระบาทสทเด็จพระปรมินทรมหา-ภูมิพลอดุลยเดชทรงครองสิริราชสมบัติ ครบ 50 ปี พ.ศ. 2539มาตรา 4 ล้างมลทินให้แก่จำเลยซึ่งกระทำผิดก่อนวันที่9 มิถุนายน 2539 และจำเลยได้พ้นโทษไปแล้วก่อนวันที่พระราชบัญญัติดังกล่าวใช้บังคับ จึงเพิ่มโทษจำเลยไม่ได้แม้จำเลยมิได้ฎีกาแต่เป็นปัญหาเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยศาลฎีกาแก้ไขให้ถูกต้องได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3087/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ประโยชน์จาก พรบ.ล้างมลทิน ทำให้จำเลยไม่ต้องรับโทษเพิ่มจากประวัติอาชญากรรมเดิม
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยทั้งสองฐานชิงทรัพย์ จำคุกคนละ10 ปี เพิ่มโทษจำเลยที่ 1 ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 92 หนึ่งในสามเป็นจำคุก 13 ปี 4 เดือน เพิ่มโทษจำเลยที่ 2 ตามมาตรา 93กึ่งหนึ่งเป็นจำคุก 15 ปีจำเลยที่ 2 ให้การรับสารภาพลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามมาตรา 78 คงจำคุกจำเลยที่ 2มีกำหนด 7 ปี 6 เดือนจำเลยที่ 1 อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยที่ 1 ฎีกาปรากฏว่าจำเลยทั้งสองพ้นโทษในคดีก่อนที่เป็นเหตุเพิ่มโทษก่อนวันที่ 6 เมษายน 2525ไปแล้วจึงได้รับประโยชน์จากพระราชบัญญัติล้างมลทินในโอกาสสมโภชกรุงรัตนโกสินทร์200ปีพ.ศ.2526 ถือว่าจำเลยที่ 1 ไม่เคยถูกลงโทษในความผิดนั้นมาก่อนและเหตุดังกล่าวเป็นเหตุในลักษณะคดีมีผลไปถึงจำเลยที่ 2 ที่ไม่มีฝ่ายใดฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 213 จึงเพิ่มโทษจำเลยทั้งสองไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 557/2515

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเพิ่มโทษอาญาซ้ำจากประวัติอาชญากรรม โดยคำรับของจำเลยเพียงพอต่อการพิพากษา
โจทก์ขอให้เพิ่มโทษจำเลยโดยบรรยายมาในคำฟ้องครบถ้วนเข้าเกณฑ์ที่จะเพิ่มโทษได้แล้ว เมื่อจำเลยรับว่าเคยต้องโทษและพ้นมาจริงตามฟ้อง โจทก์ไม่จำต้องสืบพยานอีก ศาลก็พิพากษาเพิ่มโทษจำเลยตามคำรับนั้นได้
of 4