พบผลลัพธ์ทั้งหมด 257 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4581/2548
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิอุทธรณ์คำสั่งศาล: การโต้แย้งคำสั่งไม่อนุญาตเลื่อนคดีและการประวิงคดี
ป.วิ.พ. มาตรา 226 วรรคหนึ่ง (2) ไม่ได้กำหนดให้คู่ความที่โต้แย้งคำสั่งระหว่างพิจารณาต้องแสดงเหตุผลที่โต้แย้งคำสั่งนั้นไว้แต่อย่างใด การที่จำเลยยื่นคำแถลงไว้ก่อนศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาโดยระบุใจความว่า จำเลยขอโต้แย้งคำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่อนุญาตให้จำเลยเลื่อนคดีตามคำร้องขอเลื่อนคดีของจำเลยเพื่อใช้สิทธิในการอุทธรณ์ฎีกาจึงเป็นการโต้แย้งคำสั่งระหว่างพิจารณาไว้แล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2985/2548
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การประวิงคดีและทรัพย์สินไม่พอชำระหนี้: ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์และพิพากษาให้ล้มละลาย
ทนายจำเลยทั้งสองสืบพยานจำเลยทั้งสองได้เพียงปากเดียวแล้วขอเลื่อนคดีถึง 2 ครั้งติด ๆ กัน กับยกเลิกวันนัดอีก 1 นัด ในการขอเลื่อนคดีทุกครั้ง ศาลชั้นต้นได้กำชับให้ทนายจำเลยทั้งสองเตรียมพยานมาให้พร้อมสืบ แต่พอถึงวันนัดทนายจำเลยทั้งสองขอเลื่อนคดีอีกเป็นครั้งที่ 3 ด้วยเหตุผลเดิม ๆ ว่า พยานที่ขอให้ศาลออกหมายเรียกไม่มาศาล ทั้ง ๆ ที่พยานดังกล่าวเป็นพนักงานของจำเลยที่ 1 ซึ่งควรจะนำมาศาลได้โดยง่าย พฤติการณ์แห่งคดีแสดงว่าจำเลยทั้งสองมิได้ให้ความสนใจและความสำคัญต่อการดำเนินกระบวนพิจารณาของศาลชั้นต้น ทั้งตามคำแถลงขอเลื่อนคดีก็มิได้แสดงให้เป็นที่พอใจของศาลว่าหากไม่อนุญาตให้เลื่อนคดีแล้วจะทำให้เสียความยุติธรรมอย่างไร ที่ศาลชั้นต้นเห็นว่าจำเลยทั้งสองจงใจประวิงคดีและไม่อนุญาตให้เลื่อนคดีกับให้งดสืบพยานจำเลยทั้งสองจึงชอบแล้ว
เอกสารเกี่ยวกับหลักฐานแสดงฐานะและทรัพย์สินของจำเลยทั้งสองที่ระบุว่าจำเลยทั้งสองถือหุ้นอยู่ในบริษัทต่าง ๆ และเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ห้องชุด มีมูลค่าพอชำระหนี้โจทก์ได้ ซึ่งจำเลยทั้งสองเพิ่งนำมาแสดงหลังจากที่ศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพยานจำเลยทั้งสองแล้ว ไม่ต้องห้ามมิให้ศาลฎีการับฟัง เพราะ พ.ร.บ. ล้มละลายฯ มาตรา 14 เป็นกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน ซึ่งกำหนดให้ศาลต้องพิจารณาเอาความจริงว่าลูกหนี้มีหนี้สินล้นพ้นตัวหรือไม่ ลูกหนี้อาจชำระหนี้ได้ทั้งหมดหรือมีเหตุอื่นที่ไม่ควรให้ลูกหนี้ล้มละลายหรือไม่ จำเลยทั้งสองจึงชอบที่จะเสนอพยานเอกสารต่อศาลเพื่อให้ความจริงปรากฏได้ อย่างไรก็ตาม จำเลยทั้งสองไม่ได้แสดงถึงงบการเงินเพื่อให้เห็นว่าบริษัทต่าง ๆ ที่จำเลยถือหุ้นอยู่มีผลประกอบการเป็นอย่างไร และหุ้นต่าง ๆ ที่จำเลยทั้งสองถืออยู่มีมูลค่าที่แท้จริงเป็นเงินตามจำนวนที่ระบุไว้หรือไม่ และยังได้ความตามหนังสือรับรองของบริษัทต่าง ๆ ที่จำเลยทั้งสองถือหุ้นอยู่ว่าขาดส่งงบการเงินปี 2542 รวม 10 บริษัท นายทะเบียนได้ขีดชื่อออกจากทะเบียนบริษัทร้าง 1 บริษัท ส่วนห้องชุดที่จำเลยที่ 2 ถือกรรมสิทธิ์มีภาระจำนองอีกด้วย ทรัพย์สินต่าง ๆ ที่จำเลยทั้งสองอ้างมา จึงไม่อาจรับฟังได้ว่ามีมูลค่าเพียงพอชำระหนี้ได้ทั้งหมด ข้อเท็จจริงจึงรับฟังได้ว่าจำเลยทั้งสองมีหนี้สินล้นพ้นตัวและไม่มีเหตุอื่นที่ไม่ควรให้จำเลยทั้งสองล้มละลาย
เอกสารเกี่ยวกับหลักฐานแสดงฐานะและทรัพย์สินของจำเลยทั้งสองที่ระบุว่าจำเลยทั้งสองถือหุ้นอยู่ในบริษัทต่าง ๆ และเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ห้องชุด มีมูลค่าพอชำระหนี้โจทก์ได้ ซึ่งจำเลยทั้งสองเพิ่งนำมาแสดงหลังจากที่ศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพยานจำเลยทั้งสองแล้ว ไม่ต้องห้ามมิให้ศาลฎีการับฟัง เพราะ พ.ร.บ. ล้มละลายฯ มาตรา 14 เป็นกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน ซึ่งกำหนดให้ศาลต้องพิจารณาเอาความจริงว่าลูกหนี้มีหนี้สินล้นพ้นตัวหรือไม่ ลูกหนี้อาจชำระหนี้ได้ทั้งหมดหรือมีเหตุอื่นที่ไม่ควรให้ลูกหนี้ล้มละลายหรือไม่ จำเลยทั้งสองจึงชอบที่จะเสนอพยานเอกสารต่อศาลเพื่อให้ความจริงปรากฏได้ อย่างไรก็ตาม จำเลยทั้งสองไม่ได้แสดงถึงงบการเงินเพื่อให้เห็นว่าบริษัทต่าง ๆ ที่จำเลยถือหุ้นอยู่มีผลประกอบการเป็นอย่างไร และหุ้นต่าง ๆ ที่จำเลยทั้งสองถืออยู่มีมูลค่าที่แท้จริงเป็นเงินตามจำนวนที่ระบุไว้หรือไม่ และยังได้ความตามหนังสือรับรองของบริษัทต่าง ๆ ที่จำเลยทั้งสองถือหุ้นอยู่ว่าขาดส่งงบการเงินปี 2542 รวม 10 บริษัท นายทะเบียนได้ขีดชื่อออกจากทะเบียนบริษัทร้าง 1 บริษัท ส่วนห้องชุดที่จำเลยที่ 2 ถือกรรมสิทธิ์มีภาระจำนองอีกด้วย ทรัพย์สินต่าง ๆ ที่จำเลยทั้งสองอ้างมา จึงไม่อาจรับฟังได้ว่ามีมูลค่าเพียงพอชำระหนี้ได้ทั้งหมด ข้อเท็จจริงจึงรับฟังได้ว่าจำเลยทั้งสองมีหนี้สินล้นพ้นตัวและไม่มีเหตุอื่นที่ไม่ควรให้จำเลยทั้งสองล้มละลาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2532/2548
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเลื่อนคดีซ้ำๆ โดยไม่มีเหตุผลเพียงพอ ศาลชอบธรรมที่จะไม่อนุญาตและถือว่าประวิงคดี
บทบัญญัติตาม ป.วิ.พ. มาตรา 40 วรรคหนึ่ง มีเจตนารมณ์ให้ศาลดำเนินกระบวนพิจารณาโดยมิชักช้า เมื่อมีการขอเลื่อนคดีก็อนุญาตให้เลื่อนได้เพียงครั้งเดียว คู่ความที่ได้รับอนุญาตให้เลื่อนคดีไปแล้วจะขอเลื่อนคดีอีกไม่ได้ เว้นแต่มีเหตุจำเป็นอันไม่อาจก้าวล่วงเสียได้ และต้องแสดงให้เป็นที่พอใจของศาลด้วยว่า ถ้าศาลไม่อนุญาตให้เลื่อนคดีต่อไปอีกจะทำให้เสียความยุติธรรม ซึ่งการใช้ดุลพินิจของศาลในการอนุญาตให้เลื่อนคดีต้องพิจารณาการดำเนินคดีของคู่ความทั้งมวลมาประกอบการพิจารณา มิใช่ว่าต้องเลื่อนคดีไปตามเหตุที่คู่ความยกขึ้นอ้างเสมอไป การที่โจทก์ขอเลื่อนคดีหลายครั้งและศาลก็อนุญาตให้เลื่อนคดีพร้อมกับกำชับโจทก์ทุกครั้งให้พร้อมปฏิบัติหน้าที่ โดยเฉพาะครั้งสุดท้ายยังได้กำชับให้โจทก์เตรียมพยานมาให้พร้อมสืบในนัดต่อไปโดยจะไม่อนุญาตให้เลื่อนคดีไม่ว่ากรณีใด ๆ จึงเป็นหน้าที่ของโจทก์ที่จะต้องปฏิบัติตามคำสั่งศาลโดยเคร่งครัด เมื่อโจทก์ขอเลื่อนคดีอีกโดยอ้างว่าจะแต่งตั้งทนายความคนใหม่ ก็เป็นหน้าที่ของทนายความคนใหม่ที่จะต้องศึกษาข้อเท็จจริงในสำนวนให้พร้อมก่อนวันนัด ส่วนที่อ้างว่าสำนักงานใหญ่ของโจทก์ให้ชะลอการดำเนินกระบวนพิจารณาไว้เพื่อขอการพิจารณาของคณะกรรมการจัดการเกี่ยวกับหนี้เสียของสถาบันการเงินก็ไม่ใช่เหตุที่ยกขึ้นอ้างเพื่อไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของศาล ที่ศาลชั้นต้นไม่อนุญาตให้เลื่อนคดีและถือว่าโจทก์ไม่มีพยานมาสืบ จึงเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาที่ชอบด้วยกฎหมายแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 131/2548
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การงดสืบพยานเนื่องจากโจทก์ไม่นำสืบตามนัด และประเด็นค่าส่งประเด็น
หมายนัดมีข้อความว่า "นัดฟังประเด็นกลับและสืบพยาน" แม้มีการพิมพ์เพิ่มเติมคำว่า "และสืบพยาน" และ ไม่มีการลงลายมือชื่อกำกับไว้ แต่ข้อความในหมายนัดดังกล่าวมีข้อความถูกต้องตามที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไว้ในหนังสือส่งประเด็นคืนของศาลจังหวัดปทุมธานี ทั้งผู้พิพากษาศาลชั้นต้นได้ลงลายมือชื่อไว้ในหมายนัดตามระเบียบ การออกหมายนัดดังกล่าวจึงชอบแล้ว
แม้หมายนัดจะมีข้อความว่านัดสืบพยานโดยมิได้ระบุให้ชัดเจนว่านัดสืบพยานโจทก์ แต่คดียังอยู่ในขั้นตอนการสืบพยานโจทก์ และโจทก์มีพยานบุคคลอีกหลายปากที่เป็นพยานนำ ซึ่งโจทก์จะต้องนำมาสืบต่อศาลชั้นต้น ดังนั้น ที่ศาลชั้นต้นนัดสืบพยานไว้จึงหมายถึงนัดสืบพยานโจทก์ โจทก์จะต้องนำพยานมาสืบตามนัดหากมีเหตุขัดข้องไม่อาจนำพยานมาสืบได้ โจทก์ก็ควรยื่นคำร้องขอเลื่อนคดี แต่ทนายโจทก์เพียงแต่มอบฉันทะให้เสมียนทนายโจทก์มาฟังประเด็นกลับ กำหนดวันนัดสืบพยาน และรับทราบคำสั่งศาลเท่านั้น โดยมิได้ยื่นคำร้องขอเลื่อนคดีด้วย แสดงว่าโจทก์มิได้เอาใจใส่คดีของตนว่าศาลชั้นต้นนัดมาเพื่อพิจารณาในเรื่องใด ไม่นำพยานมาสืบตามหน้าที่นำสืบและตามที่ ศาลชั้นต้นนัด ที่ศาลชั้นต้นงดสืบพยานโจทก์ชอบแล้ว
แม้เจ้าพนักงานศาลจัดส่งประเด็นไปศาลอื่นตามคำสั่งของศาลชั้นต้นโดยโจทก์ซึ่งเป็นผู้ขอส่งประเด็นยังมิได้ชำระค่าส่งประเด็นก็ตาม การส่งประเด็นนั้นก็ชอบแล้ว เพราะศาลมีอำนาจเรียกให้โจทก์ชำระค่าส่งประเด็นในภายหลังได้
แม้หมายนัดจะมีข้อความว่านัดสืบพยานโดยมิได้ระบุให้ชัดเจนว่านัดสืบพยานโจทก์ แต่คดียังอยู่ในขั้นตอนการสืบพยานโจทก์ และโจทก์มีพยานบุคคลอีกหลายปากที่เป็นพยานนำ ซึ่งโจทก์จะต้องนำมาสืบต่อศาลชั้นต้น ดังนั้น ที่ศาลชั้นต้นนัดสืบพยานไว้จึงหมายถึงนัดสืบพยานโจทก์ โจทก์จะต้องนำพยานมาสืบตามนัดหากมีเหตุขัดข้องไม่อาจนำพยานมาสืบได้ โจทก์ก็ควรยื่นคำร้องขอเลื่อนคดี แต่ทนายโจทก์เพียงแต่มอบฉันทะให้เสมียนทนายโจทก์มาฟังประเด็นกลับ กำหนดวันนัดสืบพยาน และรับทราบคำสั่งศาลเท่านั้น โดยมิได้ยื่นคำร้องขอเลื่อนคดีด้วย แสดงว่าโจทก์มิได้เอาใจใส่คดีของตนว่าศาลชั้นต้นนัดมาเพื่อพิจารณาในเรื่องใด ไม่นำพยานมาสืบตามหน้าที่นำสืบและตามที่ ศาลชั้นต้นนัด ที่ศาลชั้นต้นงดสืบพยานโจทก์ชอบแล้ว
แม้เจ้าพนักงานศาลจัดส่งประเด็นไปศาลอื่นตามคำสั่งของศาลชั้นต้นโดยโจทก์ซึ่งเป็นผู้ขอส่งประเด็นยังมิได้ชำระค่าส่งประเด็นก็ตาม การส่งประเด็นนั้นก็ชอบแล้ว เพราะศาลมีอำนาจเรียกให้โจทก์ชำระค่าส่งประเด็นในภายหลังได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 961/2547 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การงดสืบพยานเนื่องจากประวิงคดี และสิทธิในการขอพิจารณาคดีใหม่
คดีนี้จำเลยทั้งสองมิได้ขาดนัดยื่นคำให้การหรือขาดนัดพิจารณา แต่เป็นกรณีที่ทนายจำเลยทั้งสองยื่นคำร้องขอเลื่อนคดีในวันนัดสืบพยานจำเลยทั้งสอง ศาลชั้นต้นเห็นว่าฝ่ายจำเลยทั้งสองขอเลื่อนคดีมาหลายครั้งแล้วมีพฤติการณ์ประวิงคดี จึงมีคำสั่งให้งดสืบพยานจำเลยทั้งสองแล้วพิพากษาให้จำเลยทั้งสองชำระหนี้แก่โจทก์ กรณีดังกล่าวจึงมิใช่เป็นการพิจารณาโดยขาดนัด จำเลยทั้งสองย่อมไม่มีสิทธิร้องขอให้พิจารณาคดีใหม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 961/2547
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การงดสืบพยานเนื่องจากประวิงคดี มิใช่ขาดนัด ไม่มีสิทธิขอพิจารณาใหม่
กรณีที่ทนายจำเลยยื่นคำร้องขอเลื่อนคดีในวันนัดสืบพยานจำเลย และศาลชั้นต้นเห็นว่าฝ่ายจำเลยขอเลื่อนคดีมาหลายครั้งแล้วมีพฤติการณ์ประวิงคดี จึงมีคำสั่งให้งดสืบพยานจำเลย แล้วพิพากษาให้จำเลยชำระหนี้แก่โจทก์ มิใช่เป็นการพิจารณาโดยขาดนัด จำเลยย่อมไม่มีสิทธิร้องขอให้พิจารณาคดีใหม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 886/2547
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การประวิงคดีและการพิสูจน์อายุของจำเลยเพื่อขอโอนคดีไปยังศาลเยาวชนและครอบครัว ศาลฎีกาพิพากษายืนตามศาลชั้นต้น
ศาลชั้นต้นได้ให้โอกาสแก่จำเลยจำเลยถึง 3 ครั้ง เพื่อให้ดำเนินการให้ได้พยานบุคคลมาศาลเพื่อไต่สวนซึ่งในแต่ละครั้งศาลชั้นต้นได้กำชับจำเลยให้รีบดำเนินการเพื่อให้นำพยานมาศาลในวันนัด แต่ปรากฏว่าเมื่อถึงวันนัดจำเลยไม่สามารถนำพยานมาศาลได้เลย ทั้งเหตุผลที่ไม่สามารถนำพยานมาได้ก็คงเป็นเหตุผลเดียวกันทุกครั้งคือติดขัดด้วยระเบียบของทางราชการ แต่จำเลยก็หาได้ดำเนินการอย่างหนึ่งอย่างใดเพื่อให้ได้ตัวพยานมาศาล ทั้งมิได้แถลงให้ศาลทราบว่าจะสามารถติดตามพยานมาไต่สวนได้หรือไม่ เมื่อใด เห็นได้ชัดว่าจำเลยมีเจตนาประวิงคดี ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 6 พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นที่ไม่อนุญาตให้เลื่อนการไต่สวนพยานจำเลยต่อไปอีก โดยถือว่าจำเลยไม่มีพยานมาสืบและให้งดไต่สวนพยานจำเลยนั้น ชอบด้วยรูปคดีแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7624/2547
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การประวิงคดีและการบอกกล่าวบังคับจำนองชอบด้วยกฎหมาย โดยใช้ภูมิลำเนาของบริษัทเป็นภูมิลำเนาเฉพาะการของกรรมการ
จำเลยที่ 1 เป็นนิติบุคคล มีจำเลยที่ 2 เป็นกรรมการผู้มีอำนาจกระทำการแทน ที่ตั้งที่ทำการจำเลยของจำเลยที่ 1 ดังกล่าวจึงเป็นหลักแหล่งที่ทำการงานตามปกติของจำเลยที่ 2 ด้วย แม้จำเลยที่ 2 จะมีที่อยู่แยกต่างหากจากภูมิลำเนาจำเลยที่ 1 แต่ในการติดต่อกับโจทก์จำเลยที่ 2 ใช้ภูมิลำเนาของจำเลยที่ 1 เป็นสถานที่ติดต่อทุกครั้ง กรณีจึงถือได้ว่าจำเลยที่ 2 ได้เลือกเอาภูมิลำเนาของจำเลยที่ 1 เป็นภูมิลำเนาสำหรับการติดต่อกับโจทก์โดยเฉพาะ ถือได้ว่าที่ทำการของจำเลยที่ 1 เป็นภูมิลำเนาเฉพาะการของจำเลยที่ 2 ใช้สำหรับการติดต่อกับโจทก์ตาม ป.พ.พ. มาตรา 42 การที่โจทก์มีหนังสือบอกกล่าวทวงถามให้จำเลยที่ 2 ชำระหนี้และแจ้งบังคับจำนองไปยังที่ตั้งที่ทำการของจำเลยที่ 1 จึงเป็นการบอกกล่าวบังคับจำนองแก่จำเลยที่ 2 โดยชอบด้วยกฎหมายแล้ว
ระหว่างสืบพยานโจทก์ จำเลยที่ 2 ขอเลื่อนคดีโดยอ้างเหตุต่างๆ หลายนัดและศาลชั้นต้นได้เคยตักเตือนและกำชับจำเลยที่ 2 ว่ามีพฤติการณ์การดำเนินคดีในลักษณะประวิงคดีมาครั้งหนึ่งแล้ว และเมื่อกำหนดนัดสืบพยานจำเลย จำเลยที่ 2 ก็ยังขอเลื่อนคดีอีกถึง 2 นัดติดต่อกัน และในนัดสืบพยานจำเลยต่อมาจำเลยที่ 2 คงอ้างตนเองเข้าเบิกความเป็นพยานเพียงปากเดียวแล้วแถลงว่าเตรียมพยานมาเท่านี้และขอเลื่อนไปสืบพยานที่เหลืออีก 3-7 ปาก ในนัดหน้า ศาลชั้นต้นอนุญาตโดยกำชับให้จำเลยที่ 2 นำพยานมาสืบให้แล้วเสร็จในวันนัด ครั้นถึงวันนัดจำเลยที่ 2 นำผู้ตรวจสอบบัญชีของจำเลยที่ 2 มาศาล แต่กลับแถลงขอเลื่อนคดีโดยอ้างว่าพยานลืมเอกสารซึ่งต้องใช้ประกอบการเบิกความไว้ในรถแท็กซี่ และไม่นำพยานที่เหลืออยู่มาสืบในวันนัดนั้นตามที่ศาลชั้นต้นได้กำชับไว้ แสดงให้เห็นว่าจำเลยที่ 2 มิได้นำพาที่จะปฏิบัติตามคำสั่งของศาลชั้นต้นส่อเจตนาของจำเลยที่ 2 ที่จะประวิงคดี คำสั่งศาลชั้นต้นที่ให้งดสืบพยานจำเลยที่ 2 นั้นชอบแล้ว
ระหว่างสืบพยานโจทก์ จำเลยที่ 2 ขอเลื่อนคดีโดยอ้างเหตุต่างๆ หลายนัดและศาลชั้นต้นได้เคยตักเตือนและกำชับจำเลยที่ 2 ว่ามีพฤติการณ์การดำเนินคดีในลักษณะประวิงคดีมาครั้งหนึ่งแล้ว และเมื่อกำหนดนัดสืบพยานจำเลย จำเลยที่ 2 ก็ยังขอเลื่อนคดีอีกถึง 2 นัดติดต่อกัน และในนัดสืบพยานจำเลยต่อมาจำเลยที่ 2 คงอ้างตนเองเข้าเบิกความเป็นพยานเพียงปากเดียวแล้วแถลงว่าเตรียมพยานมาเท่านี้และขอเลื่อนไปสืบพยานที่เหลืออีก 3-7 ปาก ในนัดหน้า ศาลชั้นต้นอนุญาตโดยกำชับให้จำเลยที่ 2 นำพยานมาสืบให้แล้วเสร็จในวันนัด ครั้นถึงวันนัดจำเลยที่ 2 นำผู้ตรวจสอบบัญชีของจำเลยที่ 2 มาศาล แต่กลับแถลงขอเลื่อนคดีโดยอ้างว่าพยานลืมเอกสารซึ่งต้องใช้ประกอบการเบิกความไว้ในรถแท็กซี่ และไม่นำพยานที่เหลืออยู่มาสืบในวันนัดนั้นตามที่ศาลชั้นต้นได้กำชับไว้ แสดงให้เห็นว่าจำเลยที่ 2 มิได้นำพาที่จะปฏิบัติตามคำสั่งของศาลชั้นต้นส่อเจตนาของจำเลยที่ 2 ที่จะประวิงคดี คำสั่งศาลชั้นต้นที่ให้งดสืบพยานจำเลยที่ 2 นั้นชอบแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4621/2547
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การอุทธรณ์คำสั่งไม่อนุญาตเลื่อนคดี และการพิจารณาคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถา การประวิงคดี
การที่จำเลยทั้งสามอุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้นที่ไม่อนุญาตให้เลื่อนคดีและถือว่าจำเลยทั้งสามไม่มีพยานเข้าทำการไต่สวนให้น่าเชื่อว่าจำเลยทั้งสามมีฐานะยากจน โดยจำเลยทั้งสามขอให้ยกคำสั่งดังกล่าวของศาลชั้นต้น และให้ศาลชั้นต้นดำเนินการไต่สวนคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาในชั้นอุทธรณ์ของจำเลยทั้งสามต่อไปนั้น ถือไม่ได้ว่าเป็นการอุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้นที่ให้ยกคำขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาในชั้นอุทธรณ์ซึ่งจะต้องยื่นอุทธรณ์คำสั่งภายในกำหนดเวลา 7 วัน ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 156 วรรคท้าย จำเลยทั้งสามชอบที่จะยื่นอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าวของศาลชั้นต้นได้ภายในกำหนดเวลา 1 เดือน ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 226 (2)
ทนายจำเลยทั้งสามมอบฉันทะให้เสมียนทนายนำคำร้องขอเลื่อนการไต่สวนโดยอ้างว่าป่วย โดยในครั้งแรกศาลชั้นต้นได้อนุญาตให้เลื่อนคดีและกำชับให้เตรียมพยานมาให้พร้อมทั้งกำชับว่าหากมีพยานเพียงใดถือว่าติดใจเพียงเท่านั้น หากไม่มีพยานมาศาลจะงดสืบพยานและให้ทนายทั้งสามส่งใบรับรองแพทย์ ครั้งถึงวันนัดทนายจำเลยทั้งสามมอบฉันทะให้เสมียนทนายนำคำร้องขอเลื่อนการไต่สวนอีก อ้างว่าป่วยโดยไม่มีใบรับรองแพทย์และไม่ส่งใบรับรองแพทย์ในครั้งก่อนโดยอ้างว่าไม่ได้ไปหาแพทย์ พฤติการณ์ของทนายจำเลยดังกล่าวจึงส่อไปในทางประวิงคดี ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่อนุญาตให้เลื่อนคดีจึงชอบแล้ว
ทนายจำเลยทั้งสามมอบฉันทะให้เสมียนทนายนำคำร้องขอเลื่อนการไต่สวนโดยอ้างว่าป่วย โดยในครั้งแรกศาลชั้นต้นได้อนุญาตให้เลื่อนคดีและกำชับให้เตรียมพยานมาให้พร้อมทั้งกำชับว่าหากมีพยานเพียงใดถือว่าติดใจเพียงเท่านั้น หากไม่มีพยานมาศาลจะงดสืบพยานและให้ทนายทั้งสามส่งใบรับรองแพทย์ ครั้งถึงวันนัดทนายจำเลยทั้งสามมอบฉันทะให้เสมียนทนายนำคำร้องขอเลื่อนการไต่สวนอีก อ้างว่าป่วยโดยไม่มีใบรับรองแพทย์และไม่ส่งใบรับรองแพทย์ในครั้งก่อนโดยอ้างว่าไม่ได้ไปหาแพทย์ พฤติการณ์ของทนายจำเลยดังกล่าวจึงส่อไปในทางประวิงคดี ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่อนุญาตให้เลื่อนคดีจึงชอบแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3267/2547
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขอเลื่อนคดีซ้ำโดยไม่มีเหตุผลเพียงพอ และการดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปได้ แม้มีการอุทธรณ์คำสั่ง
การที่ผู้ร้องขอเลื่อนคดีติดต่อกัน 5 ครั้งมาเป็นเวลานานเกือบ 1 ปี ไม่ยอมนำสืบพยานหลักฐาน การขอเลื่อนครั้งที่สี่ศาลชั้นต้นกำชับไว้แล้วว่าจะไม่อนุญาตให้เลื่อนคดีอีกและให้ผู้ร้องเตรียมพยานมาศาลให้พร้อมสืบ ผู้ร้องทราบคำสั่งศาลแล้ว ในวันสืบพยานครั้งที่ 5 ผู้ร้องไม่มีพยานมาศาล ขอเลื่อนคดีอ้างเหตุ ร. ทนายความติดหาเสียงเลือกตั้งทั้งที่ผู้ร้องแต่งตั้งทนายความไว้สองคนคือ ร. และ ท. เมื่อไม่ปรากฏว่า ท. ติดภาระใดหรือเจ็บป่วยเหตุขอเลื่อนคดีของผู้ร้องจึงไม่มีเหตุผลเพียงพอแก่การรับฟัง มีลักษณะเป็นการประวิงคดี
แม้คำสั่งไม่รับอุทธรณ์ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 228 (3) ไม่ถือเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาและอุทธรณ์ได้ เมื่อศาลชั้นต้นรับอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าวแล้ว ป.วิ.พ. มาตรา 228 วรรคสาม ให้ศาลชั้นต้นดำเนินคดีต่อไปและมีคำพิพากษาหรือคำสั่งชี้ขาดตัดสินคดีโดยไม่ต้องหยุดการพิจารณา เว้นแต่ศาลอุทธรณ์เห็นเป็นการสมควรและมีคำสั่งให้งดการพิจารณาไว้ เมื่อข้อเท็จจริงไม่ปรากฏว่าศาลอุทธรณ์มีคำสั่งให้งดการพิจารณาหรืองดการวินิจฉัย การที่ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาและมีคำสั่งไม่อนุญาตให้ผู้ร้องเลื่อนคดีและถือว่าผู้ร้องไม่มีพยานมาสืบ มีคำสั่งยกคำร้องขอให้ปล่อยทรัพย์ จึงชอบด้วยเหตุผลและกระบวนพิจารณาแล้ว
แม้คำสั่งไม่รับอุทธรณ์ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 228 (3) ไม่ถือเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาและอุทธรณ์ได้ เมื่อศาลชั้นต้นรับอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าวแล้ว ป.วิ.พ. มาตรา 228 วรรคสาม ให้ศาลชั้นต้นดำเนินคดีต่อไปและมีคำพิพากษาหรือคำสั่งชี้ขาดตัดสินคดีโดยไม่ต้องหยุดการพิจารณา เว้นแต่ศาลอุทธรณ์เห็นเป็นการสมควรและมีคำสั่งให้งดการพิจารณาไว้ เมื่อข้อเท็จจริงไม่ปรากฏว่าศาลอุทธรณ์มีคำสั่งให้งดการพิจารณาหรืองดการวินิจฉัย การที่ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาและมีคำสั่งไม่อนุญาตให้ผู้ร้องเลื่อนคดีและถือว่าผู้ร้องไม่มีพยานมาสืบ มีคำสั่งยกคำร้องขอให้ปล่อยทรัพย์ จึงชอบด้วยเหตุผลและกระบวนพิจารณาแล้ว