คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ประเด็นแตกต่าง

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 3 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6319/2541

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การปลอมเอกสารและการใช้เอกสารปลอม: ประเด็นแตกต่างจากคดีก่อนหน้าไม่ถือเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำ
ในชั้นพิจารณาของศาลชั้นต้น จำเลยนำสืบพยาน ของตนจนเสร็จสิ้นและแถลงหมดพยานจำเลย อันเป็นการเสร็จการพิจารณาในศาลชั้นต้นแล้ว การที่จำเลยฎีกาขอให้ศาลฎีกาจัดส่งคำร้องขอถอนฟ้องซึ่งพิพาทกันไปตรวจพิสูจน์ว่ามีการกรอกข้อความในแบบคำร้องดังกล่าวก่อนหรือภายหลัง ที่ผู้เสียหายลงลายมือชื่อนั้น เป็นเรื่องที่จำเลยจะต้องขอ อนุญาตระบุพยานเพิ่มเติมในชั้นฎีกาให้ถูกต้องตามกระบวนพิจารณาเสียก่อน เมื่อจำเลยมิได้ปฏิบัติให้ถูกต้องตามกระบวนพิจารณา จึงไม่อาจดำเนินการให้ได้ คดีเดิมโจทก์ (ผู้เสียหายในคดีนี้) ยื่นคำร้องขอให้ยกคดี ขึ้นพิจารณาใหม่อ้างเหตุจำเลยปลอมลายมือชื่อโจทก์ในคำร้องขอถอนฟ้อง ซึ่งผลการตรวจพิสูจน์ของผู้เชี่ยวชาญของศาลปรากฏว่า เป็นลายมือชื่อของโจทก์ ศาลจึง มีคำสั่งยกคำร้อง แต่คดีนี้พนักงานอัยการเป็นโจทก์ฟ้องจำเลยว่าจำเลยนำแบบพิมพ์คำร้องของศาลไปให้ผู้เสียหายลงลายมือชื่อโดยที่ยังไม่ได้กรอกข้อความ แล้วจำเลยกรอกข้อความในแบบพิมพ์ คำร้องดังกล่าวว่าผู้เสียหายประสงค์ขอถอนฟ้องอันเป็นเท็จ ต่อมาจำเลยนำคำร้องดังกล่าวไปยื่นแสดงต่อศาล ทำให้ศาลหลงเชื่อว่าเป็นความจริงการกระทำของจำเลยเป็นการปลอมเอกสารและใช้เอกสารปลอมขอให้ลงโทษจำเลยในทางอาญา กรณีเห็นได้ว่า ศาลในคดี เดิมได้ดำเนินกระบวนพิจารณาในประเด็นที่ว่ามีเหตุให้ยกคดีขึ้นพิจารณาใหม่เพราะจำเลยปลอมลายมือชื่อโจทก์ในคำร้องขอถอนฟ้องหรือไม่ แต่คดีนี้เป็นเรื่องความรับผิด ในทางอาญาว่าจำเลยได้กระทำความผิดโดยกรอก ข้อความลงในแบบคำร้องซึ่งมีลายมือชื่อของผู้เสียหายว่าผู้เสียหายประสงค์ขอถอนฟ้องโดยไม่ได้รับความยินยอมของผู้เสียหาย แล้วนำคำร้องดังกล่าวไปยื่นต่อศาลอันเป็นการปลอมเอกสาร และใช้เอกสารปลอมตามฟ้องหรือไม่ประเด็นแห่งคดีจึงแตกต่างกันฟ้องของโจทก์คดีนี้จึง ไม่เป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 144 ประกอบประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 434/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การไม่อาจรวมฟ้องคดีแรงงานได้ หากฟ้องเดิมและฟ้องแย้งมีมูลเหตุข้อเท็จจริงและประเด็นที่แตกต่างกัน
ฟ้องเดิมเป็นเรื่องที่ขอให้บังคับจำเลย (ลูกจ้าง) คืนหรือใช้ราคาทรัพย์สินที่ยักยอกไป ฟ้องแย้งเป็นเรื่องขอให้บังคับโจทก์(นายจ้าง) จ่ายค่าจ้าง สินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าและค่าชดเชยอ้างว่าโจทก์ขู่บังคับให้จำเลยลาออกโดยมิชอบ แม้ว่าทั้งฟ้องเดิมและฟ้องแย้งจะเป็นคดีแรงงานก็ตาม แต่ข้อเท็จจริงตลอดจนหลักฐานที่จะนำสืบเป็นคนละเรื่องคนละประเด็นแตกต่างกัน ไม่มีความเกี่ยวข้องเกี่ยวพันกัน ฟ้องแย้งจึงไม่อาจรับไว้พิจารณารวมกับฟ้องเดิมได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4307/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องซ้ำทางจำเป็น: ศาลฎีกาตัดสินว่าการฟ้องขอทางจำเป็นอีกครั้งไม่ถือเป็นการฟ้องซ้ำ หากประเด็นแตกต่างจากคดีเดิม
คดีเดิมโจทก์ฟ้องว่าทางพิพาทเป็นทางภาระจำยอมและเป็นทางจำเป็น ในชั้นพิจารณาโจทก์จำเลยตกลงให้ศาลชั้นต้นกำหนดประเด็นข้อพิพาทเพียงข้อเดียวว่า ที่ดินตกอยู่ในภาระจำยอมหรือไม่และศาลชั้นต้นได้พิพากษายกฟ้องโดยฟังว่าทางพิพาทไม่เป็นทางภาระจำยอมดังนี้ ถือได้ว่าประเด็นเรื่องทางจำเป็นนั้นคู่ความได้สละแล้วจึงไม่เป็นประเด็นอีกต่อไป โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องขอให้เปิดทางพิพาทโดยอ้างว่าเป็นทางจำเป็นได้อีก เพราะประเด็นต่างกับคดีเดิมไม่เป็นฟ้องซ้ำ เมื่อทางพิพาทเป็นทางจำเป็น และโจทก์ได้ใช้รถยนต์ผ่านเข้าออกทางพิพาทมาเป็นเวลาหลายปี โจทก์จึงมีสิทธิใช้ทางจำเป็นดังกล่าวกว้าง 2 เมตรเพื่อให้รถยนต์ซึ่งถือได้ว่าเป็นสิ่งจำเป็นในปัจจุบันเข้าออกได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1349และสิทธิใช้ทางดังกล่าวเป็นผลโดยอำนาจของกฎหมายไม่จำเป็นต้องจดทะเบียนอีก