คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ประโยชน์ความยุติธรรม

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 9 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5787/2545

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์คดีแรงงาน: ศาลมีอำนาจขยายได้หากมีความจำเป็นและเป็นประโยชน์ต่อความยุติธรรม
การขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงานฯ มาตรา 26 ได้บัญญัติไว้เป็นการเฉพาะแล้ว จึงไม่อาจนำประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 23 มาอนุโลมใช้ตามมาตรา 31 แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงานฯ ได้ เมื่อมาตรา 26 ได้กำหนดหลักเกณฑ์ว่าการขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์ในคดีแรงงานตามมาตรา 54จะต้องมีเหตุสุดวิสัยหรือมีพฤติการณ์พิเศษ ฉะนั้น การที่จำเลยไม่อาจคัดสำเนาคำพิพากษาศาลแรงงานกลางและคำให้การพยานเพื่อประกอบในการเขียนอุทธรณ์ภายในกำหนดระยะเวลายื่นอุทธรณ์ ย่อมเป็นความจำเป็นและเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมที่สมควรขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์ให้จำเลยได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 698/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับฟังพยานหลักฐานที่ไม่เป็นไปตามขั้นตอน แต่เป็นประโยชน์ต่อความยุติธรรม
แม้โจทก์จะไม่ได้ส่งสำเนาเอกสารทั้งหมดหรือบางส่วนโดยเฉพาะด้านหลังเช็คที่มีลายมือชื่อของจำเลยที่ 3 สลักหลังไว้ให้แก่จำเลยที่ 3 ก่อนวันสืบพยานตามที่ระบุไว้ในมาตรา 90(เดิม) แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ก็ตาม แต่กฎหมายดังกล่าวมิได้บังคับโดยเด็ดขาดตายตัว หากเอกสารที่อ้างนั้นเป็นพยานหลักฐานอันสำคัญซึ่งเกี่ยวกับประเด็นข้อสำคัญในคดี เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม ศาลมีอำนาจรับฟังเอกสารนั้นได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 87(2) ดังนั้น การที่ศาลชั้นต้นใช้ดุลพินิจรับฟังพยานเอกสารดังกล่าวก็เป็นข้อแสดงให้เห็นว่าเอกสารนั้นเป็นพยานหลักฐานอันสำคัญซึ่งเกี่ยวกับประเด็นข้อสำคัญในคดีเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม แม้จะฝ่าฝืนต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 90(เดิม) ศาลชั้นต้นย่อมมีอำนาจรับฟังพยานหลักฐานเช่นว่านั้นได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 102/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การนำสืบพินัยกรรมเพิ่มเติมเพื่อพิสูจน์สิทธิในการจัดการมรดก แม้ยื่นคัดค้านไปแล้ว ศาลรับฟังได้หากเป็นประโยชน์ต่อความยุติธรรม
คดีร้องขอตั้งผู้จัดการมรดก ผู้ร้องอ้างว่าผู้ตายทำพินัยกรรมยกทรัพย์ให้ผู้ร้องและบิดาผู้ร้องโดยตัดผู้คัดค้านมิให้รับมรดก ผู้คัดค้านว่าเป็นพินัยกรรมปลอมผู้คัดค้านสมควรเป็นผู้จัดการมรดก ดังนี้ การที่ผู้คัดค้านนำสืบถึงพินัยกรรมอีกฉบับหนึ่งซึ่งระบุยกทรัพย์ของผู้ตายส่วนหนึ่งให้ผู้คัดค้าน ก็เท่ากับเพื่อแสดงว่าผู้คัดค้านมิได้ถูกตัดมิให้รับมรดก และผู้คัดค้านมีสิทธิเป็นผู้จัดการมรดกได้ กรณีเป็นข้อพิพาทในประเด็นที่ว่าผู้ร้องหรือผู้คัดค้านสมควรเป็นผู้จัดการมรดกแม้ผู้คัดค้านรู้ว่ามีพินัยกรรมฉบับนี้ภายหลังยื่นคำคัดค้านแต่เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม จำเป็นจะต้องสืบพยานหลักฐานอันสำคัญซึ่งเกี่ยวกับประเด็นข้อสำคัญในคดี ศาลมีอำนาจรับฟังได้ จึงไม่เป็นการนำสืบนอกประเด็น.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2767/2523

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาไม่รับวินิจฉัยประเด็นเช่าซื้อเรือ เพราะไม่ได้ยกขึ้นว่ากันในศาลล่างและไม่เป็นประโยชน์ต่อความยุติธรรม
โจทก์ฟ้องและจำเลยให้การโดยอ้างว่าอีกฝ่ายผิดสัญญาซื้อขายเรือ หาได้ฟ้องหรือให้การต่อสู้ว่าเป็นเรื่องเช่าซื้อเรือกันแต่อย่างใดไม่ และศาลชั้นต้นกับศาลอุทธรณ์ก็วินิจฉัยว่าเป็นเรื่องซื้อขายเรือ ดังนั้น ที่จำเลยฎีกาว่าโจทก์จำเลยมีเจตนาทำสัญญาเช่าซื้อเรือ จึงเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ทั้งไม่ใช่ปัญหาอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2208/2523

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเลื่อนคดีโดยทนายความติดว่าความอื่น ศาลอนุญาตได้หากไม่ประวิงคดีและเป็นประโยชน์ต่อความยุติธรรม
ทนายความติดว่าความที่ศาลอื่นจำเลยไม่คัดค้านแม้โจทก์ยื่นคำร้องขอยื่นบัญชีระบุพยานแต่ศาลไม่รับก็ไม่เป็นเหตุประวิงคดีประกอบกับประโยชน์แห่งความยุติธรรม ศาลอนุญาตให้เลื่อนคดีได้
ฎีกามิให้ศาลเลื่อนการพิจารณาเท่านั้นต้องเสียค่าขึ้นศาล 200 บาทตามตาราง 1 ข้อ 2 ก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2098/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยื่นบัญชีระบุพยานล่าช้า: ศาลใช้ดุลพินิจรับพยานได้หากไม่ก่อให้เกิดความเสียหายและเป็นประโยชน์ต่อความยุติธรรม
โจทก์ซึ่งมีหน้าที่นำสืบก่อน ยื่นคำร้องขอยื่นบัญชีระบุพยานก่อนวันนัดสืบพยานโจทก์นัดแรกเพียง 1 วัน อ้างเหตุว่าด้วยความพลั้งเผลอไม่จงใจประวิงและเอาเปรียบในเชิงคดีแต่อย่างใด ปรากฏตามบัญชีระบุพยานว่าเป็นพยานบุคคลและพยานเอกสารรวมกันเพียง 6 อันดับ และเป็นพยานนำทั้งโจทก์ได้นำพยานมาศาลในวันนัดเพื่อขอสืบพยานต่อไป ตามพฤติการณ์แห่งคดีไม่ปรากฏว่าโจทก์แกล้งประวิงและเอาเปรียบจำเลยในทางคดี ทั้งการรับบัญชีระบุพยานของโจทก์ก็ไม่ทำให้จำเลยเสียหายตามคำร้องของโจทก์ก็มีเหตุสมควรเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมควรรับบัญชีระบุพยานของโจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2098/2520

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยื่นบัญชีระบุพยานเกินกำหนด: ศาลใช้ดุลพินิจรับได้หากไม่ทำให้คู่ความเสียหายและเป็นประโยชน์แก่ความยุติธรรม
โจทก์ซึ่งมีหน้าที่นำสืบก่อนยื่นคำร้องขอยื่นบัญชีระบุพยานก่อนวันนัดสืบพยานโจทก์นัดแรกเพียง1 วันอ้างเหตุว่าด้วยความพลั้งเผลอไม่จงใจประวิงและเอาเปรียบในเชิงคดีแต่อย่างใดปรากฏตามบัญชีระบุพยานว่าเป็นพยานบุคคลและพยานเอกสารรวมกันเพียง 6 อันดับและเป็นพยานนำ ทั้งโจทก์ได้นำพยานมาศาลในวันนัดเพื่อขอสืบพยานต่อไปตามพฤติการณ์แห่งคดีไม่ปรากฏว่าโจทก์แกล้งประวิงและเอาเปรียบจำเลยในทางคดีทั้งการรับบัญชีระบุพยานของโจทก์ก็ไม่ทำให้จำเลยเสียหายตามคำร้องของโจทก์ก็มีเหตุสมควรเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมควรรับบัญชีระบุพยานของโจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1474/2510

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเลื่อนการพิจารณาคดีขัดทรัพย์: เหตุผลความจำเป็นและประโยชน์แห่งความยุติธรรม
คดีร้องขัดทรัพย์ ในวันนัดสืบพยานผู้ร้องนัดแรก ผู้ร้องขอเลื่อนการพิจารณาโดยอ้างว่าตัวผู้ร้องซึ่งเป็นพยานด้วย ไปราชการต่างจังหวัดกับทนายความติดว่าความอีกศาลหนึ่ง เมื่อได้ความว่าการกำหนดวันนัด ผู้ร้องและทนายความมิได้มาศาลตกลงกำหนดวันนัดด้วย ดังนี้นับได้ว่ามีความจำเป็นพอสมควรที่ศาลจะอนุญาตให้เลื่อนการพิจารณาไปได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 177/2506

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การนำคำแถลงในคดีอื่นมาประกอบการพิจารณาคดี โดยไม่ระบุในบัญชีพยาน ศาลทำได้หากเป็นประโยชน์ต่อความยุติธรรม
โจทก์ฟ้องเรียกเงินกู้ จำเลยให้การต่อสู้ว่า เดิมจำเลยกู้เงินไปตามฟ้องจริงต่อมาโจทก์จำเลยได้เอาดอกเบี้ยกับเงินต้นที่ค้างอยู่มารวมกันทำเป็นสัญญาขึ้นใหม่ คือสัญญากู้ฉบับที่โจทก์นำมาฟ้องจำเลยก่อนแล้วตามสำนวนคดีอีกเรื่องหนึ่ง ส่วนสัญญาฉบับเดิมโจทก์ไม่คืนให้ และกลับนำมาฟ้องคดีนี้อีก ดังนี้ แม้จำเลยจะมิได้ระบุอ้างคำแถลงของจำเลยในคดีอีกเรื่องหนึ่งที่กล่าวถึงในคำให้การนั้นไว้ในบัญชีพยานคดีนี้ แต่เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมเมื่อศาลเห็นสมควรแล้ว ศาลก็นำเอาคำแถลงนั้นมาประกอบการพิจารณาในคดีนี้และฟังตามข้อต่อสู้ของจำเลยได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 86 วรรค 3 ไม่ขัดกับมาตรา 87