คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ประโยชน์ตนเอง

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 13 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7264/2542 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ลักทรัพย์นายจ้าง: การยึดถือเงินสดของนายจ้างโดยมิชอบเพื่อประโยชน์ตนเอง
จำเลยเป็นพนักงานของธนาคารผู้เสียหาย มีหน้าที่รับจ่ายเงินสดแทนผู้เสียหาย จำเลยมีอำนาจยึดถือเงินสดของผู้เสียหายไว้เพียงชั่วระยะเวลาทำการพฤติการณ์เช่นนี้ เป็นการที่จำเลยยึดถือเงินสดเพื่อผู้เสียหาย ผู้เสียหายหาได้ส่งมอบเงินสดให้อยู่ในความครอบครองของจำเลยไม่ เมื่อจำเลยเอาเงินสดนั้นไปเป็นของตนโดยไม่มีสิทธิ อันเป็นการทุจริต จำเลยจึงมีความผิดฐานลักทรัพย์นายจ้างตาม ป.อ.มาตรา 335 (11)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1788/2541

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ภารจำยอม/ทางจำเป็น: ระยะเวลาการใช้ทาง, การใช้เพื่อประโยชน์ตนเอง, และทางออกอื่น
โจทก์ซื้อที่ดินเมื่อปี 2531 จาก ส. หลังจากที่โจทก์ซื้อมาโจทก์ได้ใช้ทางพิพาทเป็นทางเข้าออกสู่ถนนแก้ววรวุฒินับถึงวันฟ้องยังไม่ถึง 10 ปี ทางพิพาทจึงยังไม่ตกเป็นภารจำยอมแก่ที่ดินของโจทก์ แม้เจ้าของที่ดินอื่นได้ใช้ทางพิพาทเป็นทางเข้าออกเพื่อประโยชน์แก่ที่ดินของตนเกิน 10 ปีแต่เมื่อมิได้ใช้เพื่อประโยชน์แก่ที่ดินโจทก์ จึงจะนำระยะเวลาที่เจ้าของที่ดินอื่นใช้ประโยชน์ทางพิพาทดังกล่าวเพื่อทำให้ที่ดินของโจทก์ได้ภารจำยอมโดยอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1401 หาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3741/2540

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ จำเลยไม่ต้องการให้พิจารณาเพื่อประโยชน์ตนเอง แต่ขอโทษประหารชีวิต ศาลฎีกาไม่เพิ่มโทษ
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยตลอดชีวิตจำเลยฎีกาว่าจำเลยไม่ประสงค์ให้ศาลฎีกาพิจารณาและพิพากษาเพื่อประโยชน์แก่จำเลยแต่ขอให้ศาลฎีกาลงโทษประหารชีวิตโดยไม่ต้องลงโทษให้แก่จำเลยกรณีเป็นเรื่องที่จำเลยไม่ต้องการให้พิจารณาพิพากษาใหม่ในส่วนที่จะเป็นประโยชน์แก่จำเลยศาลฎีกาจึงไม่จำต้องวินิจฉัยว่าจำเลยกระทำความผิดตามโจทก์ฟ้องหรือไม่ส่วนที่จำเลยขอให้ลงโทษประหารชีวิตโดยไม่ต้องลดโทษให้แก่จำเลยนั้นเท่ากับเป็นการเพิ่มโทษจำเลยโดยที่โจทก์ไม่ได้ฎีกาในประเด็นนี้ย่อมต้องห้ามในการที่จะเพิ่มโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา225ประกอบด้วยมาตรา212ศาลฎีกาไม่อาจเพิ่มโทษจำเลยได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1338/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจ้าพนักงานเรียกรับเงินจากผู้เสียหายในคดีอาญา ถือเป็นความผิดฐานรับทรัพย์สินเพื่อประโยชน์ตนเอง
การที่จำเลยเป็นเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจหน้าที่ในการสืบสวนสอบสวนและติดตามจับกุมคนร้ายเรียกรับเงินจากผู้เสียหายในคดีที่สามีผู้เสียหายถูกคนร้ายฆ่าและชิงทรัพย์โดยไม่มีสิทธิจะเรียกรับถือได้ว่าเป็นการรับทรัพย์สินเพื่อประโยชน์ตนเองโดยมิชอบเพื่อกระทำการในตำแหน่งหน้าที่จำเลยจึงมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา149

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1819/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแก้ไขเอกสารราชการเพื่อประโยชน์ตนเอง ถือเป็นความผิดฐานปลอมแปลงเอกสาร
จำเลยยอมรับต่อเจ้าพนักงานตำรวจที่กองกำลังพล กรมตำรวจว่าจำเลยเป็นผู้แก้ไขตำแหน่งและเลขประจำตำแหน่งในบันทึกการขอ บรรจุ ข้าราชการตำรวจที่ผู้บังคับบัญชาของจำเลยจะรอเสนอแต่งตั้งให้จำเลยดำรงตำแหน่งของสารวัตรปกครองป้องกันสถานีตำรวจนครบาลประชาชื่นเป็นตำแหน่งรองสารวัตรปกครองป้องกันสถานีตำรวจนครบาล ชนะสงคราม ดังนี้ เป็นคำบอกเล่าที่ทำให้ตนเองเสียประโยชน์ จึงรับฟังได้.
จำเลยปลอมเอกสารบันทึกการขอ บรรจุ ข้าราชการตำรวจอันเป็นเอกสารราชการขณะเอกสารดังกล่าวถูกส่งไปตามสายงานจากกองบัญชาการตำรวจนครบาลถึงอธิบดีกรมตำรวจและยังคงค้างอยู่ที่กองกำลังพล กรมตำรวจ ย่อมเป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่กองกำลังพล ที่จะเสนอเอกสารดังกล่าวไปตามลำดับจนถึงอธิบดีกรมตำรวจ จำเลยมิใช่เป็นผู้ใช้หรืออ้างเอกสารดังกล่าวต่อเจ้าหน้าที่กองกำลังพลโดยวิธีแนบเรื่องไปตามลำดับจนถึงอธิบดีกรมตำรวจ จำเลยจึงไม่มีความผิดตาม ป.อ. มาตรา 268.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1819/2532

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแก้ไขเอกสารราชการเพื่อประโยชน์ตนเอง ถือเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 265
จำเลยยอมรับต่อเจ้าพนักงานตำรวจที่กองกำลังพล กรมตำรวจว่าจำเลยเป็นผู้แก้ไขตำแหน่งและเลขประจำตำแหน่งในบันทึกการขอบรรจุข้าราชการตำรวจที่ผู้บังคับบัญชาของจำเลยเสนอแต่งตั้งให้จำเลยดำรงตำแหน่งรองสารวัตรปกครองป้องกันสถานีตำรวจนครบาลประชาชื่นเป็นตำแหน่งรองสารวัตรปกครองป้องกันสถานีตำรวจนครบาลชนะสงครามแม้คำรับดังกล่าวจะเป็นคำบอกเล่าก็ตาม แต่ก็เป็นคำบอกเล่าที่ทำให้ตนเองเสียประโยชน์ จึงรับฟังได้ จำเลยปลอมเอกสารบันทึกการขอบรรจุข้าราชการตำรวจอันเป็นเอกสารราชการขณะเอกสารดังกล่าวถูกส่งไปตามสายงานจากกองบัญชาการตำรวจนครบาลถึงอธิบดีกรมตำรวจและยังคงค้างอยู่ที่กองกำลังพล กรมตำรวจย่อมเป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่กองกำลังพลกรมตำรวจ ที่จะเสนอเอกสารดังกล่าวไปตามลำดับจนถึงอธิบดีกรมตำรวจอยู่แล้ว จำเลยจึงมิใช่เป็นผู้ใช้หรืออ้างเอกสารดังกล่าวต่อเจ้าหน้าที่กองกำลังพล กรมตำรวจ โดยวิธีแนบเรื่องไปตามลำดับจนถึงอธิบดีกรมตำรวจดังโจทก์ฟ้อง จำเลยจึงไม่มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 268

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2474/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ชิงทรัพย์โดยใช้อาวุธปืน: การขู่เข็ญเอาทรัพย์เพื่อประโยชน์ตนเอง แม้จะอ้างว่าทวงหนี้แทน ย่อมเป็นความผิดฐานชิงทรัพย์
จำเลยไปทวงเงินที่ผู้เสียหายเป็นหนี้ จ. ผู้เสียหายไม่มีให้จำเลยจึงใช้อาวุธปืนขู่บังคับให้ผู้เสียหายมอบทรัพย์ให้ แม้จำเลยจะกระทำเพื่อทวงหนี้แทน จ. และพูดว่าเมื่อผู้เสียหายมีเงินเมื่อไรให้ไปไถ่คืน ก็ถือได้ว่าเป็นการขู่เข็ญเอาทรัพย์ของผู้เสียหายไปเพื่อประโยชน์ของจำเลยโดยเจตนาทุจริต เพราะจำเลยไม่มีอำนาจเอาทรัพย์ของผู้เสียหายไปโดยพลการและโดยขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้ายเช่นนั้นได้ จำเลยจึงมีความผิดฐานชิงทรัพย์และเมื่อเป็นความผิดฐานชิงทรัพย์แล้ว ย่อมไม่มีความผิดฐานทำให้เสื่อมเสียเสรีภาพอีก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4696/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เบิกความเท็จในคดีแพ่งเพื่อประโยชน์ตนเอง จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 177
จำเลยที่ 1 ฟ้องโจทก์เป็นคดีแพ่งเรื่องขับไล่ และเรียกค่าเสียหายซึ่งมีประเด็นข้อพิพาทว่าโจทก์หรือจำเลยมีสิทธิครอบครองที่ดินพิพาท ในคดีดังกล่าวจำเลยที่ 1 เบิกความเป็นพยานว่าจำเลยที่ 1 ซื้อที่ดินพิพาทจาก ล. สามี พ. ซึ่งเป็นมารดาโจทก์โดยไม่ได้ทำสัญญาซื้อขายกัน จำเลยที่ 2 ถึงที่ 4 ต่างก็เบิกความเป็นพยานว่าเห็น ล. ขายที่ดินพิพาทให้จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นความเท็จและเป็นข้อสำคัญในคดีจำเลยจึงมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 177

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 657/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเบิกความในคดีอาญาเพื่อประโยชน์ตนเอง หากมีเหตุเชื่อได้ถึงความสัมพันธ์พิเศษ ย่อมไม่เป็นละเมิด
โจทก์แสดงออกต่อบุคคลทั่วไปว่าเป็นภริยาของ พ.ดังนั้นเมื่อจำเลยบังคับคดียึดทรัพย์โจทก์แล้ว พ. ร้องขัดทรัพย์ว่าเป็นของตน จำเลยจึงฟ้องโจทก์กับ พ. เป็นคดีอาญาข้อหาโกงเจ้าหนี้ และเบิกความว่า "โจทก์เป็นภริยาลับ พ.อยู่กินกันอย่างไม่เปิดเผยนานๆ ไปมาหาสู่กันครั้ง" คำเบิกความของจำเลยจึงเป็นถ้อยคำของคู่ความในกระบวนพิจารณาในศาลเพื่อประโยชน์แก่คดีของจำเลยเอง และเป็นการกระทำไปโดยสุจริต จึงไม่เป็นการใช้สิทธิซึ่งมีแต่จะเกิดความเสียหายแก่บุคคลอื่น การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นละเมิด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 948/2518 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฉ้อโกงจากการหลอกลวงราคาและที่ตั้งที่ดินเพื่อประโยชน์ตนเอง
เดิมผู้เสียหายได้รับซื้อฝากที่ดินไว้จากจำเลย ครบกำหนดไถ่ จำเลยไม่ไถ่ ปรากฏว่าที่ดินดังกล่าวเป็นคนละแปลงกับที่จำเลยนำชี้ ผู้เสียหายจึงร้องทุกข์ดำเนินคดีแก่จำเลย จำเลยขอผัดว่าจะไถ่ภายใน 1 เดือน แล้วบอกผู้เสียหายว่า จำเลยทำสัญญาจะซื้อที่ดินไว้แปลงหนึ่ง ได้วางมัดจำไว้ด้วย แล้วพาผู้เสียหายไปดู โดยนำชี้ว่าที่ดินอยู่ติดโรงเรียนความจริงที่ดินตามโฉนดนั้นอยู่ห่างจากที่จำเลยชี้ถึง 6 กิโลเมตร และมีราคาต่ำ ต่อจากนั้นจำเลยได้นำผู้เสียหายไปสอบถามผู้รับจำนองที่ดินตามโฉนดนั้น ผู้รับจำนองก็รับสมอ้างว่าเคยเห็นที่ดินอยู่หลังโรงเรียนและมีราคาสูง พฤติการณ์ของจำเลยเป็นการวางแผนหลอกลวงผู้เสียหายเป็นขั้น ๆ เพื่อให้หลงเชื่อว่าที่ดินที่จะซื้อมีราคาสูง เป็นเหตุให้ผู้เสียหายทำสัญญาซื้อขายอันเป็นเอกสารสิทธิกับเจ้าของที่ดิน โดยจำเลยได้เงินส่วนที่เกินกว่าราคาที่แท้จริงไป การกระทำของจำเลยกับพวกเป็นการกระทำโดยทุจริต เป็นความผิดฐานฉ้อโกงตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341
of 2