คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ปริมาณยาเสพติด

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 7 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 199/2547

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจำหน่ายยาเสพติด: โจทก์ต้องพิสูจน์เจตนาจำหน่าย นำสืบพยานหลักฐานให้ชัดเจน มิใช่แค่ปริมาณยาเสพติด
คดีมีโทษประหารชีวิต แม้จำเลยให้การรับสารภาพตามฟ้อง โจทก์ก็ยังมีหน้าที่นำพยานหลักฐานเข้าสืบประกอบคำรับสารภาพให้ศาลรับฟังจนเป็นที่พอใจว่าจำเลยเป็นผู้กระทำความผิดจริง จึงลงโทษจำเลยตามฟ้องได้ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 176 วรรคหนึ่ง
คดีที่จำเลยให้การปฏิเสธเป็นหน้าที่ของโจทก์ที่จะต้องนำพยานหลักฐานเข้าสืบให้รับฟังได้โดยชัดแจ้งปราศจากข้อสงสัยว่าจำเลยกระทำความผิดตามฟ้อง โจทก์มิได้นำสืบให้เห็นโดยชัดแจ้งว่า จำเลยมีพฤติการณ์ในการจำหน่ายหรือมีไว้เพื่อจำหน่ายซึ่งยาเสพติดให้โทษของกลางอย่างไร ในชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนจำเลยให้การปฏิเสธตลอดมา การที่จำเลยนำเมทแอมเฟตามีนจำนวน 370 เม็ด เข้ามาในราชอาณาจักร แม้จะเป็นจำนวนค่อนข้างมากก็ยังไม่อาจบ่งชี้หรือแสดงให้เห็นโดยชัดแจ้งว่า จำเลยนำเมทแอมเฟตามีนของกลางเข้ามาในราชอาณาจักรเพื่อจำหน่าย ฟังได้แต่เพียงว่าจำเลยนำเมทแอมเฟตามีนของกลางเข้ามาในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาตเท่านั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5282/2543 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิสูจน์ความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้เพื่อจำหน่าย จำเป็นต้องมีพยานหลักฐานอื่นนอกเหนือจากปริมาณยาเสพติด
ความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายพ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 66 วรรคหนึ่ง กำหนดโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงจำคุกตลอดชีวิต ดังนั้น แม้จำเลยที่ 3 จะให้การรับสารภาพ ศาลจะต้องฟังพยานโจทก์จนกว่าจะพอใจว่าจำเลยที่ 3 ผิดจริง ตาม ป.วิ.อ.มาตรา 176 วรรคหนึ่งเว้นแต่ของกลางจะมีจำนวนตามข้อสันนิษฐานของกฎหมายที่ให้ถือว่ามีไว้เพื่อจำหน่าย
ของกลางในคดีนี้คำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ได้หนัก 11.4 กรัมไม่ถึง 20 กรัม ไม่ต้องด้วยข้อสันนิษฐานตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522มาตรา 15 วรรคสอง โจทก์จึงมีหน้าที่นำสืบให้ได้ความจริง
พนักงานสอบสวนตั้งข้อหาจำเลยทั้งสามว่ามียาเสพติดให้โทษในประเภท 1 ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายเนื่องจากของกลางมีจำนวนมาก แต่ไม่มีพฤติการณ์อื่นใดอีก เช่น มีการล่อซื้อ หรือมีพยานยืนยันว่าเคยซื้อหรือเคยล่อซื้อเมทแอมเฟตามีนจากจำเลยทั้งสาม และตามทางนำสืบโจทก์รับฟังได้แต่เพียงว่าจำเลยทั้งสามร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครอง แม้จำเลยที่ 1 ที่ 2 จะมิได้ฎีกาเรื่องนี้ขึ้นมาโดยตรงและจำเลยที่ 3 ฎีกาแต่เฉพาะขอให้ลงโทษจำเลยที่ 3สถานเบา แต่เป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกายกขึ้นวินิจฉัยเองได้
เมื่อศาลฎีกาจะต้องกำหนดโทษใหม่ให้เหมาะสม จึงไม่ต้องวินิจฉัยฎีกาของจำเลยว่าสมควรลดโทษให้จำเลยอีกหรือไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2564/2543

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดพยายามจำหน่ายเฮโรอีนร่วมกัน, การสนับสนุนความผิด, และการลงโทษตามปริมาณยาเสพติด
"การมีไว้ในครอบครอง" ตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษฯ มาตรา 4 มิได้บัญญัติให้มีความหมายพิเศษ จึงต้องถือว่ามีความหมายทั่วไปดังนี้ การมีไว้ในครอบครองซึ่งยาเสพติดให้โทษ จึงมีความหมายเพียงว่ายาเสพติดให้โทษนั้นอยู่ในความยึดถือหรือปกครองดูแลของจำเลยทั้งสองโดยรู้ว่าเป็นยาเสพติดให้โทษ เมื่อปรากฏว่าเฮโรอีนของกลางจำนวน 60 ห่อ อยู่ในความยึดถือหรือปกครองดูแลของม. ที่ประเทศอินโดนีเซีย และโจทก์ไม่ได้นำสืบว่ามีความเกี่ยวพันกับจำเลยทั้งสองอย่างไร ส่วนจำเลยทั้งสองอยู่ในราชอาณาจักรไทยซึ่งห่างไกลกันโดยระยะทางย่อมไม่อาจที่จะยึดถือหรือปกครองดูแลเฮโรอีนดังกล่าวได้ เมื่อไม่ปรากฏว่าจำเลยทั้งสองรู้ที่เก็บเฮโรอีนและการนำเฮโรอีนออกมายังต้องจ่ายเงินให้ผู้เก็บรักษาก่อนจึงจะนำออกมาได้ บ่งชี้ว่าจำเลยทั้งสองน่าจะไม่ใช่เจ้าของหรือมีสิทธิยึดถือปกครองดูแลเฮโรอีนอีกด้วยเช่นนี้ ข้อเท็จจริงย่อมฟังไม่ได้ว่าจำเลยทั้งสองได้สมคบโดยร่วมกันครอบครองเฮโรอีนของกลางการกระทำของจำเลยทั้งสองจึงไม่เป็นความผิดฐานมีเฮโรอีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย
โจทก์มี ส. และ พ. ซึ่งได้ติดตามเฝ้าดูพฤติการณ์การเจรจาซื้อขายเฮโรอีนระหว่างจำเลยทั้งสองกับพวกและสายลับจนมีการตกลงในเงื่อนไขต่าง ๆ สำเร็จมาเบิกความ โดย ส. ได้บันทึกภาพและเสียงขณะมีการเจรจาไว้ด้วย คำเบิกความของ ส. และ พ. ที่ระบุถึงพฤติการณ์ของจำเลยทั้งสองที่จะมีการซื้อขายเฮโรอีนและส่งมอบจึงมีเหตุผลน่าเชื่อถือ รับฟังได้ว่าจำเลยทั้งสองติดต่อเจรจาเพื่อซื้อขายเฮโรอีนกับสายลับจริงและนัดให้มีการส่งมอบเฮโรอีนจำนวน 6 ห่อที่ประเทศอินโดนีเซีย แต่เมื่อพฤติการณ์ในการจับกุมปรากฏว่าเจ้าพนักงานตำรวจของประเทศอินโดนีเซีย เข้าจับกุมขณะที่ผู้ซื้อเฮโรอีนกำลังตรวจสอบเฮโรอีนห่อหนึ่งอยู่ ดังนี้ เมื่อมีการตรวจสอบเฮโรอีนแล้ว ยังมิได้มีการส่งมอบเฮโรอีนจำนวน 5 ห่อซึ่งอยู่ในกระเป๋าส่วนสายลับก็ยังมิได้นำเงินตามจำนวนที่ตกลงกันมอบให้ฝ่ายผู้ขายแต่อย่างใด การซื้อขายเฮโรอีนจึงยังไม่สำเร็จบริบูรณ์ เมื่อผู้ขายถูกจับเสียก่อนที่จะส่งมอบเฮโรอีน การกระทำในส่วนนี้จึงเป็นความผิดเพียงฐานพยายามจำหน่ายเฮโรอีนจำนวน 6 ห่อ
จำเลยที่ 1 ร่วมเจรจากับสายลับมาแต่ต้น โดยแสดงพฤติการณ์ว่าเป็นเจ้าของเฮโรอีน ทั้งตกลงให้โอนเงินที่จำหน่ายเฮโรอีนเข้าบัญชีของจำเลยที่ 1 การกระทำของจำเลยที่ 1 จึงเป็นการแบ่งหน้าที่กันทำกับพวก มีความผิดฐานร่วมกับพวกพยายามจำหน่ายเฮโรอีน
ส่วนจำเลยที่ 2 เข้าร่วมเจรจากับจำเลยที่ 1 และสายลับในระยะหลังตอนที่พวกของจำเลยที่ 1 นำเฮโรอีนจากผู้เก็บรักษามาไม่ได้ โดยผู้เก็บรักษาต้องการเงินก่อน แม้จำเลยที่ 2 จะไปช่วยเจรจากับสายลับ จนสายลับตกลงที่จะจ่ายเงินให้แก่ผู้เก็บรักษาแลกกับเฮโรอีนจำนวนหนึ่งก็ตาม พฤติการณ์ไม่พอฟังว่าจำเลยที่ 2 สมคบโดยเป็นตัวการร่วมกับจำเลยที่ 1 พยายามจำหน่ายเฮโรอีน คงฟังได้แต่เพียงว่าสมคบกับจำเลยที่ 1 เพื่อกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดโดยเป็นผู้สนับสนุนจำเลยที่ 1 ในการจำหน่ายเฮโรอีนให้แก่สายลับ แต่เมื่อมีการกระทำผิดฐานพยายามจำหน่ายเฮโรอีนตามที่สมคบกัน จำเลยที่ 2 ต้องรับโทษฐานพยายามจำหน่ายเฮโรอีนตามพระราชบัญญัติมาตรการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดฯมาตรา 8 วรรคสอง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2920/2541

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแบ่งแยกความผิดร่วม vs. ความผิดส่วนบุคคลในคดียาเสพติด และการปรับบทลงโทษให้ถูกต้องตามปริมาณยาเสพติด
โจทก์ฟ้องจำเลยทั้งสามร่วมกันมีเฮโรอีนเป็นยาเสพติดให้โทษ คำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ได้ 115.4 กรัม ไว้ในครอบครอง เพื่อจำหน่ายและพยายามร่วมกันส่งเฮโรอีนจำนวนดังกล่าว ออกนอกราชอาณาจักรเพื่อจำหน่าย ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า จำเลยทั้งสามแต่ละคนสมัครใจนำยาเสพติดตามจำนวน ที่แต่ละคนต้องการติดตัวไปเท่านั้น มิได้ร่วมกันกระทำผิด และพิพากษาว่าจำเลยทั้งสามมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษฯ มาตรา 15 วรรคสอง,65 วรรคสอง,66 วรรคสอง การกระทำของจำเลยทั้งสามเป็นกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบทให้ลงโทษตามมาตรา 65 วรรคสอง ซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 ดังนี้ เมื่อโจทก์ มิได้อุทธรณ์จึงต้องฟังตามศาลชั้นต้นว่าจำเลยทั้งสาม มิได้ร่วมกันกระทำผิดที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าจำเลยทั้งสาม ร่วมกันกระทำผิดจึงไม่ถูกต้อง แต่ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษา แก้ไขคำพิพากษาศาลชั้นต้นว่าจำเลยทั้งสามมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 80 และมาตรา 83โดยลงโทษเท่าเดิมนั้น เป็นเพียงปรับบทกฎหมายที่ศาลอุทธรณ์เห็นว่าถูกต้องเท่านั้น จึงมิใช่เป็นการเพิ่มเติมโทษ อย่างไรก็ตามศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าจำเลยทั้งสามต่างมีเฮโรอีนแยกต่างหากจากกันมิได้กระทำผิดร่วมกันในลักษณะตัวการ เมื่อเฮโรอีน ที่จำเลยแต่ละคนมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายมีปริมาณคำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ไม่เกิน 100 กรัม จึงเป็นความผิดตามมาตรา 66 วรรคหนึ่ง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 174/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิจารณาโทษคดีกัญชา: ศาลฎีกาให้รอการลงโทษโดยคำนึงถึงปัจจัยด้านมนุษยธรรมและปริมาณยาเสพติด
แม้จำเลยจะถูกฟ้องในข้อหาผลิตและมีกัญชาไว้ในครอบครอง เพื่อจำหน่ายกับข้อหาจำหน่ายกัญชาอันเป็นความผิด ตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษฯ ถึงสามกระทง แต่กัญชา เป็นยาเสพติดให้โทษชนิดที่หาได้ไม่ยาก ของกลางมีน้ำหนักเพียง 24.46 กรัม ปรากฏตามรายงานการสืบเสาะ ของพนักงานคุมประพฤติว่าจำเลยเป็นหญิงมีสามี สามีมีรายได้ ไม่แน่นอน ต้องเลี้ยงดูบิดามารดาซึ่งอายุมากและเลี้ยงดูบุตร อายุ 2 ปี 1 คน ไม่ปรากฏว่า จำเลยเคยกระทำผิดมาก่อน ตามพฤติการณ์แห่งคดีสมควรให้โอกาสแก่จำเลย กลับตัวเป็นพลเมืองดี จึงสมควรให้รอการลงโทษจำเลยไว้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 11292/2555

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองยาเสพติดเพื่อจำหน่าย แม้ไม่มีหลักฐานการล่อซื้อ แต่มีปริมาณที่กฎหมายสันนิษฐานว่ามีไว้เพื่อจำหน่าย
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยจำหน่ายเมทแอมเฟตามีน 190 เม็ด แต่พยานหลักฐานโจทก์ฟังไม่ได้ว่ามีการล่อซื้อเมทแอมเฟตามีนจากจำเลย แต่เจ้าพนักงานตำรวจจับจำเลยได้พร้อมเมทแอมเฟตามีน 190 เม็ด คำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ได้ 2.19 กรัม จำเลยจึงมีความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครอง ซึ่งปริมาณของยาเสพติดดังกล่าวกฎหมายสันนิษฐานไว้เด็ดขาดว่ามีไว้เพื่อจำหน่าย แม้โจทก์จะไม่ได้ฟ้องขอให้ลงโทษในความผิดฐานนี้ แต่การที่โจทก์ฟ้องว่าจำเลยจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนด้วยตนเองตามลำพัง แสดงให้เห็นอยู่ในตัวว่าจำเลยจะต้องมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายก่อนที่จะนำไปจำหน่าย ศาลจึงลงโทษจำเลยฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1181/2551

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองเมทแอมเฟตามีนเกินเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนดให้สันนิษฐานว่ามีไว้เพื่อจำหน่าย แม้โจทก์ไม่ต้องพิสูจน์เจตนา
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยมีเมทแอมเฟตามีน 20 เม็ด น้ำหนัก 1.780 กรัม คำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ได้ 0.307 กรัม ซึ่งเป็นปริมาณ 15 หน่วยการใช้ขึ้นไป และมีน้ำหนักสุทธิตั้งแต่ 1.5 กรัมขึ้นไป ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย จำเลยให้การรับสารภาพว่า มีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครอง แต่ปฏิเสธว่ามิได้มีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย ข้อเท็จจริงจึงฟังได้ตามคำให้การรับสารภาพของจำเลยว่า จำเลยมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองจริง กรณีต้องด้วยข้อสันนิษฐานของ พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 15 วรรคสาม ที่ให้ถือว่าจำเลยมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย โดยโจทก์ไม่ต้องนำสืบว่าจำเลยมีเจตนามีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย