คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ปลดเปลื้องทุกข์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 22 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1677/2547 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเปลี่ยนแปลงประเภทคดีจากปลดเปลื้องทุกข์เป็นคดีมีทุนทรัพย์ กรณีโต้แย้งกรรมสิทธิ์ในที่ดิน
การที่ผู้ร้องยื่นคำร้องขอว่า ผู้ร้องได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทเฉพาะส่วนโดยการครอบครองปรปักษ์ เป็นคดีที่มีคำขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันไม่คำนวณเป็นราคาเงินได้ แต่เมื่อผู้คัดค้านยื่นคำคัดค้านว่าที่ดินพิพาทเป็นของผู้คัดค้าน ผู้ร้องไม่ได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาท คดีจึงเปลี่ยนเป็นคดีพิพาทเกี่ยวกับกรรมสิทธิ์ในที่ดินอันเป็นคดีมีทุนทรัพย์ มิใช่คดีที่มีคำขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันไม่อาจคำนวณเป็นราคาเงินได้อีกต่อไป เมื่อทุนทรัพย์คดีนี้ไม่เกิน 300,000 บาท คดีจึงอยู่ในอำนาจของศาลแขวงที่จะพิจารณาพิพากษาตามพระธรรมนูญศาลยุติธรรม มาตรา 17 ประกอบมาตรา 25 (4) ศาลจังหวัดชอบที่จะมีคำสั่งให้โอนคดีเรื่องนี้ไปยังศาลแขวงได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 106/2547

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำขอท้ายฟ้องให้ชำระเงินค่าปรับปรุงที่ดินไม่ใช่คำขอให้ปลดเปลื้องทุกข์ คดีอยู่ในอำนาจศาลแขวง
คำขอท้ายฟ้องของโจทก์ที่ขอให้จำเลยชำระค่าทำที่ดินให้เรียบร้อย ทำขอบกันดินเช่นแปลงอื่นและยื่นคำร้องต่อสำนักงานที่ดินเพื่อตรวจสอบหลักเขตพร้อมปักหลักเขตที่ดินใหม่เป็นเงิน 25,000 บาท เป็นการขอบังคับให้จำเลยชำระเงินแก่โจทก์เท่านั้นมิได้ให้จำเลยกระทำการหรืองดเว้นกระทำการ การที่โจทก์ยังมิได้ดำเนินการดังกล่าวและเสียค่าใช้จ่ายก็เป็นเรื่องของโจทก์ในทำนองเดียวกับการเรียกค่าเสียหายเป็นค่าซ่อมแซมทรัพย์สินไว้ก่อนโดยที่ยังไม่มีการซ่อมแซม ส่วนการที่โจทก์จะเรียกร้องเงิน 25,000 บาท จากจำเลยได้หรือไม่ เพียงใดนั้น ย่อมเป็นปัญหาที่ต้องวินิจฉัยในเนื้อหาแห่งคดีต่อไปไม่อาจแปลไปได้ว่าเป็นคำขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันไม่อาจคำนวณเป็นราคาเงินได้ จึงเป็นคดีมีทุนทรัพย์อยู่ในอำนาจของศาลแขวง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3860/2545 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ค่าขึ้นศาลคดีภาษีอากร: การพิจารณาอำนาจฟ้องก่อนประเด็นอื่น และประเภทคดีที่มีคำขอให้ปลดเปลื้องทุกข์
ศาลภาษีอากรกลางวินิจฉัยประเด็นข้อพิพาทข้อแรกเรื่องอำนาจฟ้องว่า โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องแล้วพิพากษายกฟ้องโจทก์โดยมิได้วินิจฉัยประเด็นข้อพิพาทอื่น การที่โจทก์อุทธรณ์คัดค้านคำพิพากษาดังกล่าวในประเด็นว่าโจทก์มีอำนาจฟ้องและขอให้ศาลฎีกาแผนกคดีภาษีอากรย้อนสำนวนไปให้ศาลภาษีอากรกลางวินิจฉัย ประเด็นอื่นที่ยังมิได้วินิจฉัยด้วย ดังนั้น แม้หากอุทธรณ์ของโจทก์ฟังขึ้นก็คงมีผลเพียงว่าโจทก์มีอำนาจฟ้องจำเลยเท่านั้น ยังมิได้ทำให้โจทก์ชนะคดีตามคำขอบังคับท้ายฟ้องแต่อย่างใดจึงเป็นคดีที่มีคำขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันไม่อาจคำนวณเป็นราคาเงินได้ ต้องเสียค่าขึ้นศาลเพียง 200 บาทตามตาราง 1 ข้อ (2)(ก) ท้ายประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3140/2545 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ค่าขึ้นศาลอุทธรณ์คำสั่งขอให้พิจารณาใหม่: การคำนวณตามทุนทรัพย์หรือค่าปลดเปลื้องทุกข์
การที่จำเลยที่ 2 อุทธรณ์ขอให้ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำสั่งศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นไต่สวนคำร้องขอให้พิจารณาใหม่ แล้วมีคำสั่งใหม่ตามรูปคดี โดยมิได้อุทธรณ์ขอให้ตนเป็นฝ่ายชนะคดี เป็นคำขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันไม่อาจคำนวณเป็นราคาเงินได้ ซึ่งต้องเสียค่าขึ้นศาล 200 บาท ตามตาราง 1 ท้าย ป.วิ.พ.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2762/2544 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ค่าขึ้นศาลอุทธรณ์: คดีล้มละลาย - การขยายระยะเวลาวางเงินซื้อทรัพย์ - ค่าขึ้นศาลคำขอปลดเปลื้องทุกข์
ผู้ร้องยื่นคำร้องคัดค้านคำสั่งของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ ขอให้ศาลชั้นต้นเพิกถอนคำวินิจฉัยของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ และมีคำสั่งให้รับเงิน 8,150,000 บาท จากผู้ร้อง กับดำเนินการเกี่ยวกับการซื้อทรัพย์ต่อไป ศาลชั้นต้นยกคำร้อง ผู้ร้องอุทธรณ์ หากศาลอุทธรณ์เห็นพ้องด้วยจะมีผลเพียงให้ผู้ร้องวางเงินไว้ร้อยละห้าของราคาทรัพย์ที่ซื้อโดยวางเพิ่มอีกเป็นเงิน 8,150,000 บาท และผู้ร้องจะได้รับอนุญาตให้ขยายระยะเวลาการวางเงินส่วนที่เหลืออีกจำนวน 173,850,000 บาท ไปจนกว่าศาลจะมีคำสั่งถึงที่สุดเกี่ยวกับคำร้องขอให้เพิกถอนการขายทอดตลาด คำร้องคัดค้านคำสั่งเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ของผู้ร้องดังกล่าวไม่ได้มีผลเป็นการขอบังคับให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ดำเนินการขายและโอนที่ดินที่ผู้ร้องซื้อได้จากการขายทอดตลาดให้ผู้ร้อง ซึ่งเป็นอีกขั้นตอนหนึ่ง จึงเป็นคำขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันไม่อาจคำนวณเป็นราคาเงินได้ ต้องเสียค่าขึ้นศาลชั้นอุทธรณ์ 200 บาท ตามตาราง 1 ข้อ 2 (ก) ท้าย ป.วิ.พ. ประกอบ พ.ร.บ.ล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 179 วรรคท้าย ไม่ใช่เสียตามทุนทรัพย์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2762/2544

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ค่าขึ้นศาลอุทธรณ์คดีล้มละลาย: การคำนวณค่าขึ้นศาลตามประเภทคดี (ปลดเปลื้องทุกข์ vs. ทุนทรัพย์)
ผู้ร้องยื่นคำร้อง ขอให้เพิกถอนการกระทำหรือคำวินิจฉัยของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ และมีคำสั่งให้รับเงิน 8,150,000บาท จากผู้ร้องกับดำเนินการเกี่ยวกับการซื้อทรัพย์ต่อไป ศาลชั้นต้นสั่งยกคำร้อง ผู้ร้องอุทธรณ์ ซึ่งหากศาลอุทธรณ์เห็นด้วยกับผู้ร้องจะมีผลเพียงให้ผู้ร้องวางเงินไว้ร้อยละห้าของราคาทรัพย์ที่ซื้อโดยวางเพิ่มอีก 8,150,000 บาท และผู้ร้องจะได้รับอนุญาตให้ขยายระยะเวลาวางเงินส่วนที่เหลืออีก 173,850,000 บาทไปจนกว่าศาลจะมีคำสั่งถึงที่สุดเกี่ยวกับคำร้องขอให้เพิกถอนการขายทอดตลาดคำร้องดังกล่าวไม่มีผลถึงกับเป็นการขอบังคับให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ดำเนินการขายและโอนที่ดินที่ผู้ร้องซื้อได้ให้ผู้ร้อง จึงเป็นคำขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันไม่อาจคำนวณเป็นราคาเงินได้ ต้องเสียค่าขึ้นศาลชั้นอุทธรณ์ 200 บาท ตามตาราง 1 ข้อ 2(ก) ท้ายประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งประกอบพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 179 วรรคท้าย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2516/2544

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ค่าขึ้นศาลอุทธรณ์/ฎีกา: กรณีคดีขอปลดเปลื้องทุกข์ที่ไม่สามารถคำนวณเป็นราคาเงินได้ ตามตารางค่าธรรมเนียม
ในวันนัดสืบพยานโจทก์ศาลชั้นต้นอนุญาตให้จำเลยแก้ไขคำให้การแล้วเห็นว่าคดีไม่จำต้องสืบพยานบุคคลจึงมีคำสั่งงดสืบพยานโจทก์จำเลยแล้วพิพากษายกฟ้อง เนื่องจากโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องโดยพิเคราะห์จากคำแถลงของคู่ความและเอกสารที่ส่งศาลโจทก์อุทธรณ์และฎีกาว่าคำสั่งศาลชั้นต้นที่ให้งดสืบพยานโจทก์ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ขอให้ยกคำสั่งศาลชั้นต้นที่รับคำร้องขอแก้ไขคำให้การจำเลย ให้ศาลชั้นต้นพิจารณาคดีสืบพยานโจทก์จำเลยใหม่ แม้จะอุทธรณ์และฎีกาว่า โจทก์มีอำนาจฟ้องมาด้วยก็เป็นการโต้แย้งข้อที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องเพราะไม่ปฏิบัติตามขั้นตอนตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. 2530เท่านั้น ไม่ได้อุทธรณ์และฎีกาในเนื้อหาที่โจทก์ฟ้องเรียกเงินค่าทดแทนที่ดินเพิ่ม แม้อุทธรณ์ข้อนี้จะฟังขึ้น ก็จะเข้าไปวินิจฉัยเรื่องเรียกเงินค่าทดแทนที่ดินเพิ่มยังไม่ได้ เพราะยังไม่มีข้อเท็จจริงเนื่องจากศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพยาน ต้องย้อนสำนวนไปให้สืบพยานแล้วพิพากษาใหม่ อุทธรณ์และฎีกาของโจทก์จึงเป็นคดีที่มีคำขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันไม่อาจคำนวณเป็นราคาเงินได้ ซึ่งตามตาราง 1 ข้อ (2)(ก) ท้ายประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งต้องเสียค่าขึ้นศาลเพียง 200 บาท

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7549/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ขอบเขตการอุทธรณ์คดีที่มีทุนทรัพย์ไม่เกิน 50,000 บาท และคดีขอปลดเปลื้องทุกข์
โจทก์กล่าวในฟ้องถึงการกระทำของจำเลยแยกจากกันเป็นสองกรณี คือ จำเลยเป็นตัวการจ้างวานบุคคลอื่น ทำการขุดร่องน้ำในที่ดินบริเวณรัศมีคลองชลประทานสัมปทวน ด้วยความประมาทปราศจากความระมัดระวังของบุคคลซึ่งจำเลยว่าจ้างทำให้โดนท่อน้ำประปาของโจทก์ ซึ่งฝังไว้บริเวณทางเข้าที่ดินโจทก์แตกหักเสียหาย ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมให้อยู่ในสภาพเรียบร้อยเป็นเงิน 100 บาท จำเลยในฐานะตัวการและผู้ว่าจ้างต้องรับผิดชอบต่อ ความเสียหายดังกล่าวกรณีหนึ่ง และหลังจากที่จำเลยจ้างบุคคลอื่นขุดร่องน้ำในที่ดินดังกล่าวซึ่งโจทก์ใช้เป็นที่ทำสวนและเข้าออกสู่ถนนสาธารณประโยชน์แล้ว จำเลยได้เอาเครื่องสูบน้ำไปตั้งสูบน้ำขึ้นจากคลองชลประทานสัมปทวน เข้าไปในร่องน้ำดังกล่าว เป็นเหตุให้น้ำไหลเอ่อท่วมที่ดินของโจทก์ ทำให้โจทก์ไม่สามารถปลูกพืชทำสวนในที่ดินนั้น ตลอดจนบริเวณพื้นที่รัศมีคลองชลประทานสัมปทวนได้อีกกรณีหนึ่ง ดังนี้ ในกรณีแรกโจทก์ขอให้บังคับจำเลยใช้ ค่าเสียหายในการซ่อมแซมท่อน้ำประปาเป็นเงิน 100 บาท เมื่อความเสียหายส่วนนี้มีทุนทรัพย์ที่พิพาทในชั้นอุทธรณ์ ไม่เกิน 50,000 บาท จึงต้องห้ามอุทธรณ์ในข้อเท็จจริงตาม ป.วิ.พ. มาตรา 224 วรรคหนึ่ง
ส่วนกรณีหลัง โจทก์ขอให้บังคับจำเลยกลบร่องน้ำที่ขุดและทำที่ดินให้อยู่ในสภาพเดิม กับห้ามจำเลยสูบน้ำจากคลองชลประทานสัมปทวนเข้าไปในร่องน้ำ ถือได้ว่าเป็นคดีฟ้องขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันไม่อาจคำนวณเป็น ราคาเงินได้ จึงไม่ต้องห้ามอุทธรณ์ในข้อเท็จจริงตามมาตรา 224 วรรคสอง แม้โจทก์จะมีคำขอให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหาย ที่โจทก์ขาดประโยชน์จากการทำสวนในที่ดินบริเวณรัศมีคลองชลประทานสัมปทวนที่จำเลยขุดร่องน้ำและที่ดิน ของโจทก์เป็นเงิน 1,500 บาท และค่าเสียหายในอนาคตอีกเดือนละ 1,000 บาท มาด้วยก็ตาม ก็ไม่ทำให้เป็นคดีมีทุนทรัพย์ตามมาตรา 224 วรรคหนึ่ง ที่ศาลอุทธรณ์ไม่รับวินิจฉัยอุทธรณ์ของจำเลยในส่วนนี้จึงไม่ชอบและเมื่อคดีในส่วนนี้ ไม่ต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริงตามมาตรา 248 วรรคสอง ศาลฎีกามีอำนาจวินิจฉัยไปเลยโดยไม่ต้องย้อนสำนวนไปให้ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยอีก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6641/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คดีฟ้องขอให้ปลดเปลื้องทุกข์ (น้ำเสียรั่ว) ไม่เป็นคดีมีทุนทรัพย์ อนุญาตฎีกาในข้อเท็จจริงได้
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยใช้ค่าเสียหายก่อนฟ้อง 78,200บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ให้แก่โจทก์ นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจำเลยจะโยกย้ายถังส้วมหรือปรับปรุงแก้ไขจนน้ำเสียจากบ้านจำเลยไม่ไหลซึมเข้าบ้านโจทก์ กับมีคำขอให้จำเลยย้ายถังส้วมและห้องน้ำออกไปจากบริเวณข้างบ้านโจทก์ โดยไม่ทำให้น้ำจากถังส้วมและห้องน้ำไหลซึมเข้าบ้านโจทก์ได้ หรือให้จำเลยทำถังส้วมใหม่โดยเทฐานคอนกรีตก่ออิฐมอญฉาบปูนขัดมันภายในถังส้วมของจำเลยและไม่กระทำการใด ๆ ให้น้ำเสียจากบ้านจำเลยไหลซึมเข้าบ้านโจทก์ดังนี้ ความประสงค์โดยตรงของโจทก์นั้น มุ่งที่จะขอให้บังคับจำเลยย้ายถังส้วมและห้องน้ำออกไป ถือได้ว่าเป็นคดีฟ้องขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันไม่อาจคำนวณเป็นราคาเงินได้ ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 248 วรรคสอง ซึ่งมิได้ห้ามฎีกาในข้อเท็จจริง แม้จะมีคำขอให้จำเลยใช้ค่าเสียหายก่อนฟ้องพร้อมดอกเบี้ย ก็ไม่ทำให้เป็นคดีมีทุนทรัพย์อันจะทำให้โจทก์ต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริงตาม ป.วิ.พ.มาตรา 248 วรรคหนึ่ง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6641/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คดีขอปลดเปลื้องทุกข์จากการรั่วซึมของน้ำเสีย ไม่ถือเป็นคดีมีทุนทรัพย์ จึงไม่ขัดต่อการฎีกาตามมาตรา 248
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยใช้ค่าเสียหายก่อนฟ้อง78,200บาทพร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีให้แก่โจทก์นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจำเลยจะโยกย้ายถังส้วมหรือปรับปรุงแก้ไขจนน้ำเสียจากบ้านจำเลยไม่ไหลซึมเข้าบ้านโจทก์กับมีคำขอให้จำเลยย้ายถังส้วมและห้องน้ำออกไปจากบริเวณข้างบ้านโจทก์โดยที่ไม่ทำให้น้ำจากถังส้วมและห้องน้ำไหลซึมเข้าบ้านโจทก์ได้หรือให้จำเลยทำถังส้วมใหม่โดยการเทฐานคอนกรีตก่ออิฐมอญฉาบปูนขัดมันภายในถังส้วมของจำเลยและไม่กระทำการใดๆให้น้ำเสียจากบ้านจำเลยไหลซึมเข้าบ้านโจทก์ความประสงค์โดยตรงของโจทก์มุ่งที่จะขอให้บังคับจำเลยย้ายถังส้วมและห้องน้ำออกไปถือได้ว่าเป็นคดีฟ้องขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันไม่อาจคำนวณเป็นราคาเงินได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา248วรรคสองซึ่งมิได้ห้ามฎีกาในข้อเท็จจริงแม้จะมีคำขอให้จำเลยใช้ค่าเสียหายก่อนฟ้องพร้อมดอกเบี้ยก็ไม่ทำให้เป็นคดีมีทุนทรัพย์อันจะทำให้โจทก์ต้องห้ามฎีกาตามมาตรา248วรรคหนึ่ง
of 3