คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 41 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3861/2547

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การทำร้ายร่างกายโดยบันดาลโทสะ ไม่ถือเป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย แม้พบเห็นชู้ขณะนอนหลับ
แม้จำเลยเป็นภริยาโดยชอบด้วยกฎหมายของ ต. มีสิทธิป้องกันมิให้หญิงอื่นมามีความสัมพันธ์ฉันชู้สาวกับสามีของตน แต่ขณะจำเลยพบโจทก์ร่วมนั้น โจทก์ร่วมกำลังนอนหลับอยู่กับ ต. เท่านั้น มิได้กำลังร่วมประเวณีกัน พฤติการณ์เช่นนี้ยังถือไม่ได้ว่ามีภยันตรายซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมายและเป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึง อันจำเลยจำต้องกระทำเพื่อป้องกันสิทธิของจำเลยแต่อย่างใด การกระทำของจำเลยจึงมิใช่เป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย แต่การที่โจทก์ร่วมเข้าไปนอนหลับอยู่กับ ต. สามีโดยชอบด้วยกฎหมายของจำเลยที่เตียงนอนในฟาร์มเลี้ยงไก่ของ ต. เช่นนี้นับได้ว่าเป็นการกระทำที่ข่มเหงจิตใจของจำเลยอย่างร้ายแรงด้วยเหตุไม่เป็นธรรม เมื่อจำเลยพบเห็นโดยบังเอิญมิได้คาดคิดมาก่อนและไม่สามารถอดกลั้นโทสะไว้ได้ ใช้มีดฟันศีรษะโจทก์ร่วมไปในทันทีทันใด การกระทำของจำเลยจึงเป็นการกระทำโดยบันดาลโทสะ ตาม ป.อ. มาตรา 72 หาใช่เป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมายดังที่จำเลยฎีกาไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8534/2544 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย: การยิงปืนขึ้นฟ้าเพื่อระงับเหตุ และการป้องกันเกินสมควรแก่เหตุ
พฤติการณ์ของจำเลยที่พยายามช่วยเหลือ ถ. ซึ่งถูกกลุ่มวัยรุ่นตีศีรษะด้วยขวดสุราและรุมทำร้ายในบ้านของจำเลยโดยจำเลยใช้อาวุธปืนยิงขู่ขึ้นฟ้า 3 นัด และขณะนั้นจำเลยถืออาวุธปืนขู่พร้อมที่จะยิงขึ้นฟ้าอีกเพื่อระงับเหตุมิให้กลุ่มวัยรุ่นรุมทำร้าย ถ. แต่จำเลยถูกกลุ่มวัยรุ่นเข้ามาทุบที่ด้านหลังจนเป็นเหตุให้ล้มลง และกระสุนจากอาวุธปืนที่จำเลยถืออยู่ได้ลั่นขึ้น 1 นัด ถูกผู้เสียหายได้รับอันตรายแก่กายและถูกผู้ตายถึงแก่ความตาย เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต่อเนื่องเชื่อมโยงกัน ย่อมถือได้ว่าเป็นการกระทำเพื่อป้องกันสิทธิของตนและของผู้อื่นให้พ้นภยันตรายซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมายและเป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึง ทั้งเป็นกรณีที่จำเลยกระทำพอสมควรแก่เหตุ แม้ การกระทำของจำเลยก่อให้เกิดผลร้ายแก่ผู้เสียหายและผู้ตายโดยพลาดตาม ป.อ. มาตรา 60 จำเลยก็ไม่มีความผิดเพราะ การกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมายตาม ป.อ. มาตรา 68 มิใช่จำเลยป้องกันเกินสมควรแก่เหตุ
เมื่อการกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย อาวุธปืนของกลางจึงมิใช่ทรัพย์สินซึ่งบุคคลได้ใช้ในการกระทำผิดตาม ป.อ. มาตรา 33 (1) ศาลจึงไม่อาจริบได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8173/2544 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกระทำความผิดฐานพยายามฆ่า การป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมายสิ้นสุดลงเมื่อเข้าใจผิดว่าผู้เสียหายเป็นขโมย
เหตุที่ทำให้จำเลยเข้าใจผิดว่าผู้เสียหายเป็นคนร้ายเข้ามาลักทรัพย์หมดไปแล้ว ไม่มีภยันตรายที่จำเลยจำต้องกระทำเพื่อป้องกันอีก การที่จำเลยใช้อาวุธปืนยิงผู้เสียหาย จึงไม่เป็นการกระทำเพื่อป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย
เมื่อการกระทำของจำเลยไม่เป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมายแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องวินิจฉัยว่าการกระทำของจำเลยพอสมควรแก่เหตุหรือเกินกว่ากรณีแห่งการจำต้องกระทำเพื่อป้องกันเนื่องจากความตื่นเต้น ความตกใจ หรือความกลัวอีกเพราะไม่ทำให้ผลของคดีเปลี่ยนแปลงไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1983/2544

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมายต้องมีภยันตรายใกล้ถึง การวิวาทสมัครใจไม่ถือเป็นการป้องกัน
การที่จะกระทำการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมายได้ต้องเป็นภยันตรายที่เกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมายและเป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึง หากภยันตรายยังไม่ใกล้จะถึงเสียแล้วย่อมไม่อาจกระทำการเพื่อป้องกันได้ แม้ผู้ตายกับผู้เสียหายจะกระทำการประทุษร้ายกระชากคอเสื้อ ส. และข่มขู่ท้าทายให้ชกต่อยอันเป็นการกระทำที่ละเมิดต่อกฎหมายและไม่มีอำนาจก็ตาม แต่เมื่อจำเลยสมัครใจเข้าวิวาท จำเลยก็ไม่อาจยกข้อต่อสู้ว่าจำต้องแทงทำร้ายผู้ตายกับผู้เสียหายเพื่อป้องกันสิทธิของ ส. หรือจำเลยได้ ที่ศาลล่างทั้งสองวินิจฉัยต้องกันมาและพิพากษาลงโทษจำเลยในความผิดฆ่าผู้อื่นและพยายามฆ่าผู้อื่นโดยถือว่าจำเลยกระทำเพื่อป้องกันสิทธิของ ส. ในขณะที่ภยันตรายยังไม่ใกล้จะถึงเป็นการกระทำการเพื่อป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมายอันเกินกว่ากรณีแห่งการจำต้องกระทำเพื่อป้องกันตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 69 เป็นการไม่ชอบ
แม้การกระทำของจำเลยจะไม่เป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมายแต่เมื่อโจทก์มิได้อุทธรณ์ฎีกาศาลฎีกาจึงปรับบทลงโทษจำเลยให้ถูกต้องเท่านั้นไม่มีอำนาจแก้โทษจำเลยเพื่อกำหนดโทษใหม่ตามความผิดที่ถูกต้องและลงโทษจำเลยเกินกว่าที่ศาลล่างทั้งสองกำหนดไว้ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 212 ประกอบมาตรา 225

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4600/2543

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมายเกินกว่าเหตุ: การยิงผู้กระทำอนาจารซ้ำหลังถูกยิงครั้งแรก
ผู้ตายเมาสุราเข้าไปในร้านของ ส. และบีบคอ ส. บนเตียงนอนผู้ตายถอดเสื้อแล้วเข้ามากอดปล้ำทำอนาจาร และลาก ส. ออกมาจากร้าน ถือว่า เป็นการทำร้ายร่างกายและข่มเหงจิตใจ ส. อย่างร้ายแรง จำเลยซึ่งเป็นน้องชาย ส. อยู่ในเหตุการณ์ ย่อมมีสิทธิที่จะป้องกันภัยอันตรายในขณะนั้นแทน ส. ได้ผู้ตายไม่มีอาวุธ เมื่อจำเลยยิงผู้ตายขณะกอดปล้ำ ส. 1 นัด ถูกที่หัวไหล่ซ้ายแล้วผู้ตายล้มลงแสดงว่าจำเลยหยุดยั้งผู้ตายไม่ให้กระทำต่อ ส. ได้พอแล้ว แม้ผู้ตายจะลุกขึ้นมาจะเข้ามาทำร้ายจำเลยอีก แต่สภาพของผู้ตายยังเมาสุราและถูกยิงได้รับบาดเจ็บย่อมไม่สามารถต่อสู้กับจำเลยได้อีก การที่จำเลยยิงผู้ตายซ้ำที่หน้าท้องจนผู้ตายล้มลงถึงแก่ความตาย จึงเป็นการกระทำที่ ป้องกันเกินสมควรแก่เหตุและเกินกว่ากรณีแห่งความจำเป็นตามมาตรา 69

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1187/2543

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิการดำเนินคดีของทายาทเมื่อโจทก์ร่วมถึงแก่ความตาย และการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมายในคดีอาญา
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288 โจทก์ร่วมเป็นบิดาของผู้ตาย โจทก์ร่วมจึงเข้าจัดการแทนผู้ตายได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 5(2) เมื่อโจทก์ร่วมถึงแก่ความตายในระหว่างพิจารณา ทายาทของโจทก์ร่วมจึงไม่มีสิทธิที่จะดำเนินคดีต่างโจทก์ร่วมผู้ถึงแก่ความตายต่อไปตามความหมายของบทบัญญัติมาตรา 29 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ที่ศาลชั้นต้นอนุญาตให้ ส. ทายาทของโจทก์ร่วมเข้าดำเนินคดีต่างโจทก์ร่วม จึงเป็นการไม่ชอบและที่ศาลอุทธรณ์รับวินิจฉัยอุทธรณ์ของ ส. ที่อุทธรณ์ขอให้ลงโทษจำเลยให้หนักขึ้น แม้ศาลอุทธรณ์จะวินิจฉัยว่าอุทธรณ์ดังกล่าวฟังไม่ขึ้นก็เป็นการไม่ชอบเช่นเดียวกัน ปัญหาข้อนี้แม้คู่ความมิได้ฎีกาขึ้นมา แต่เป็นปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยแก้ไขให้ถูกต้องโดยมีคำสั่งให้เพิกถอนคำสั่งดังกล่าวของศาลชั้นต้นและคำวินิจฉัยดังกล่าวของศาลอุทธรณ์ได้ตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 195 วรรคสองประกอบมาตรา 225

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 808/2540 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมายในคดีฆ่า: การกระทำของผู้ถูกกระทำรุนแรงและการป้องกันสิทธิของคู่สมรส
ผู้ตายเคยกอดปล้ำข่มขืนกระทำชำเราล. ภริยาจำเลยมาครั้งหนึ่งแล้วจำเลยก็ไม่เอาเรื่องครั้นถูกจำเลยต่อว่าผู้ตายยังพูดสบประมาทจำเลยกับภริยาอีกวันเกิดเหตุผู้ตายมาพูดขอล. ไปเป็นภริยาจากฉ. และท. ซึ่งเป็นพ่อตาแม่ยายจำเลยการที่ผู้ตายจับแขนล.ดึงเข้ามาหาตัวแม้มิได้เจตนาจะทำร้ายก็ตามแต่ถือได้ว่ามีเจตนากระทำอนาจารล. เมื่อผู้ตายกระทำการละเมิดต่อกฎหมายและศีลธรรมอย่างร้ายแรงจำเลยย่อมมีสิทธิตามกฎหมายที่จะกระทำการป้องกันเกียรติยศชื่อเสียงและเสรีภาพของล. ผู้เป็นภริยาของตนได้โดยชอบขณะเกิดเหตุจำเลยไม่มีอาวุธใดหากจำเลยจะเข้าช่วยเหลือล.ภริยาจองตนด้วยการเข้าทำร้ายผู้ตายด้วยมือเปล่าก็อาจถูกผู้ตายชักอาวุธปืนมายิงได้ในภาวะเช่นนั้นจึงไม่มีทางเลือกนอกจากแย่งอาวุธปืนจากผู้ตายแล้วยิงผู้ตายถ้าเพียงจะใช้อาวุธปืนตีผู้ตายปืนอาจลั่นไปถูกคนอื่นหรือผู้ตายอาจแย่งคืนมายิงเอาได้จำเลยแย่งอาวุธปืนได้ก็ยิงทันทีโดยไม่เลือกว่าจะถูกตรงไหนแล้วทิ้งอาวุธปืนวิ่งหนีการกระทำของจำเลยเป็นการกระทำไปพอสมควรแก่เหตุจึงเป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมายตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา68ไม่เป็นความผิดฐานฆ่าผู้ตายด้วยเหตุบันดาลโทสะ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 808/2540

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมายในกรณีถูกกระทำอนาจารและข่มขืน การแย่งอาวุธเพื่อป้องกันตนเองและภรรยา
ผู้ตายเคยกอดปล้ำข่มขืนกระทำชำเราล. ภรรยาจำเลยมาครั้งหนึ่งแล้วจำเลยก็ไม่เอาเรื่องครั้นถูกจำเลยต่อว่าผู้ตายยังพูดสบประมาทจำเลยกับภรรยาอีกวันเกิดเหตุผู้ตายมาพูดขอล. ไปเป็นภรรยาจากพ่อตาแม่ยายจำเลยการที่ผู้ตายจับแขนล.ดึงเข้ามาหาตัวแม้จะมิได้มีเจตนาจะทำร้ายก็ตามแต่ก็ถือได้ว่ามีเจตนากระทำอนาจารต่อล. เมื่อผู้ตายกระทำการละเมิดต่อกฎหมายและศีลธรรมอย่างร้ายแรงจำเลยย่อมมีสิทธิตามกฎหมายที่จะกระทำการป้องกันเกียรติยศชื่อเสียงและเสรีภาพของล. ผู้เป็นภรรยาของตนได้โดยชอบขณะเกิดเหตุจำเลยไม่มีอาวุธใดหากจำเลยจะเข้าช่วยเหลือล.ภรรยาของตนด้วยการเข้าทำร้ายผู้ตายด้วยมือเปล่าก็อาจถูกผู้ตายชักอาวุธปืนออกมายิงได้ในภาวะเช่นนั้นจึงไม่มีทางเลือกนอกจากแย่งอาวุธปืนจากผู้ตายแล้วยิงผู้ตายถ้าเพียงจะใช้อาวุธปืนตีผู้ตายปืนอาจลั่นไปถูกคนอื่นหรือผู้ตายอาจแย่งคืนมายิงเอาได้จำเลยแย่งอาวุธปืนได้ก็ยิงทันทีโดยไม่เลือกว่าจะถูกตรงไหนแล้วทิ้งอาวุธปืนวิ่งหนีการกระทำของจำเลยเป็นการกระทำไปพอสมควรแก่เหตุจึงเป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมายตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา68

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5188/2540

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันตัวเกินสมควรแก่เหตุ แม้ถูกทำร้ายก่อน ศาลไม่ถือว่าเป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย
ผู้เสียหายเป็นฝ่ายก่อเหตุขึ้นก่อนด้วยการด่าและท้าทายจำเลยให้มาต่อสู้กันและเข้ามากระชากคอเสื้อจำเลยย่อมเป็นเหตุให้จำเลยสามารถกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดเพื่อป้องกันตัวได้แต่จะต้องเป็นการกระทำที่พอสมควรแก่เหตุด้วย ผู้เสียหายเพียงแต่ดึงคอเสื้อจำเลยเท่านั้นไม่ได้ลงมือทำร้ายจำเลยตลอดจนผู้เสียหายไม่มีอาวุธติดตัวการที่จำเลยใช้มีดปาดตาลขนาดยาวทั้งตัวมีดและด้ามประมาณ1ฟุตใบมีดกว้างประมาณ4นิ้วซึ่งเป็นมีดขนาดใหญ่แทงผู้เสียหายที่บริเวณไหปลาร้าขวาราวนมขวาราวนมซ้ายและชายโครงซ้ายซึ่งเป็นอวัยวะสำคัญและบริเวณส่วนอื่นของร่างกายรวม9แห่งซึ่งเป็นบาดแผลที่เป็นอันตรายถึงชีวิตได้จึงเป็นการกระทำที่เกินสมควรแก่เหตุการกระทำของจำเลยไม่เป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5215/2539

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย: เหตุจำเป็นในการใช้กำลังเพื่อป้องกันชีวิตจากผู้มีนิสัยอันตราย
ผู้ตายมีนิสัยเป็นนักเลงอันธพาลใจคอดุร้ายวันเกิดเหตุผู้ตายได้กล่าวคำอาฆาตจำเลยกับบุตรจำเลยแล้วดื่มสุราก่อนมาหาจำเลยเมื่อผู้ตายเข้ามาในบริเวณบ้านจำเลยจำเลยบอกให้ผู้ตายหยุดแต่ผู้ตายไม่ยอมหยุดและเดินตรงเข้าหาจำเลยระยะห่างเพียง5วาพฤติการณ์ของผู้ตายส่อลักษณะอาการที่มุ่งร้ายต่อชีวิตของจำเลยและเป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึงจำเลยมีความชอบธรรมที่จะป้องกันภยันตรายได้ตามสมควรจำเลยอายุ68ปีอยู่ในวัยชราส่วนผู้ตายอายุ26ปีเป็นชายฉกรรจ์ในภาระเช่นจำเลยต้องประสบในขณะนั้นย่อมต้องเข้าใจว่าผู้ตายคงจะต้องมีอาวุธติดตัวมาและจะมาฆ่าจำเลยโอกาสไม่อำนวยให้จำเลยได้ตั้งสติไตร่ตรองได้ว่าผู้ตายมีอาวุธร้ายแรงแค่ไหนการที่จำเลยยิงปืนใส่ผู้ตายเพียง1นัดกระสุนปืนถูกผู้ตายและผู้ตายถึงแก่ความตายนั้นถือได้ว่าการกระทำของจำเลยพอสมควรแก่เหตุเป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย
of 5