พบผลลัพธ์ทั้งหมด 5 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4944/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องซ้ำและการห้ามฎีกา: ผลของการวินิจฉัยฟ้องซ้ำในศาลชั้นต้นและอุทธรณ์
แม้ในการวินิจฉัยปัญหาเรื่องฟ้องซ้ำของศาลชั้นต้นจะเป็นการวินิจฉัยชี้ขาดในปัญหาข้อกฎหมายก่อนมีคำพิพากษา และศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้จำหน่ายคดีเฉพาะข้อหาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 267ก็ตาม แต่ผลจากคำวินิจฉัยในเรื่องฟ้องซ้ำนั้นย่อมทำให้โจทก์ฟ้องจำเลยทั้งสองในข้อหาดังกล่าวอีกไม่ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(4) แม้ศาลชั้นต้นจะใช้คำว่าจำหน่ายคดีเฉพาะข้อหาดังกล่าวซึ่งไม่ถูกต้องก็ตาม ก็มีผลเท่ากับเป็นการยกฟ้องโจทก์ ดังนั้น เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษายืนโจทก์จึงต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 220 แก้ไขโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา (ฉบับที่ 17) พ.ศ. 2532 มาตรา 13.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 680/2518
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อุทธรณ์เฉพาะกระทง ศาลยกฟ้องเฉพาะกระทงที่อุทธรณ์ กระทงที่ไม่ได้รับการอุทธรณ์คำพิพากษาเดิมยังคงมีผล
ศาลลงโทษจำเลย 2 กระทง จำเลยอุทธรณ์กระทงเดียวศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องกระทงที่ไม่มีอุทธรณ์ไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 622/2514
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำร้องขอพิจารณาใหม่ต้องแสดงเหตุผลชัดเจนว่าหากพิจารณาใหม่แล้วผลอาจเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม
คำขอให้พิจารณาคดีใหม่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 208 นั้น ข้อคัดค้านคำตัดสินชี้ขาดของศาลจะต้องชัดแจ้งเพื่อแสดงว่าตนอาจชนะคดีได้อย่างไรบ้าง มิใช่กล่าวแต่เพียงว่าสามารถพิสูจน์ได้ว่าจำเลยเป็นหนี้โจทก์ไม่เกินสามแสนบาทเท่านั้นโดยไม่มีเหตุผลหรือหลักฐานอ้างอิงที่จะแสดงให้เห็นได้ชัดแจ้งว่าหากพิจารณาใหม่แล้ว ศาลอาจพิพากษาให้ผิดแผกแตกต่างไปจากที่ได้พิพาทไปแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 815/2491 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำพิพากษาตามยอมเด็ดขาดแล้ว ไม่อาจอ้างกฎหมายมาเปลี่ยนแปลงผลได้
ศาลได้พิพากษาตามยอม และมีคำสั่งท้ายคำพิพากษานั้นว่า บังคับตามยอมและต่อมาออกหมายบังคับคดีต่อจำเลยอีก ดังนี้แสดงว่า มีคำบังคับแล้ว
เมื่อจำเลยทำยอมรื้อสิ่งปลูกสร้างออกจากที่เช่า และศาลพิพากษาตามยอม ดังนี้เป็นคำพิพากษาที่เด็ดขาดถึงที่สุดแล้ว จะอ้าง พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า มาเปลี่ยนแปลงผลแห่งคำพิพากษาเป็นอย่างอื่นไม่ได้
เมื่อจำเลยทำยอมรื้อสิ่งปลูกสร้างออกจากที่เช่า และศาลพิพากษาตามยอม ดังนี้เป็นคำพิพากษาที่เด็ดขาดถึงที่สุดแล้ว จะอ้าง พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า มาเปลี่ยนแปลงผลแห่งคำพิพากษาเป็นอย่างอื่นไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3413/2552
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาในการกระทำความผิดหลายกรรมต่างกัน พิจารณาจากเจตนาของผู้กระทำ หากเจตนาประสงค์ต่อผลแตกต่างกัน ถือเป็นกรรมต่างกัน
การกระทำความผิดแม้จะกระทำต่อเนื่องและใกล้ชิดกันจะเป็นการกระทำกรรมเดียวหรือต่างกรรมกันนั้น ต้องพิจารณาจากเจตนาของผู้กระทำด้วย เมื่อจำเลยใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายก่อน 1 นัด ทันทีที่ผู้ตายกระโดดลงจากรถ ผู้ตายล้มลงและหมดสติไป และเมื่อผู้เสียหายกระโดดลงจากรถ จำเลยก็ใช้อาวุธปืนยิงผู้เสียหายอีก 1 นัด ทันที การกระทำของจำเลยจึงเห็นได้ชัดว่า มีเจตนาประสงค์ต่อผลในการกระทำทั้งสองครั้งแตกต่างกัน กล่าวคือหากผู้เสียหายไม่กระโดดลงจากรถ จำเลยอาจไม่ใช้อาวุธปืนยิงผู้เสียหาย จึงเป็นการกระทำหลายกรรมต่างกัน