พบผลลัพธ์ทั้งหมด 5 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2190/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อเท็จจริงหลังคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ ไม่อาจนำมาใช้เป็นผลร้ายต่อลูกหนี้
ข้อเท็จจริงที่ว่าหลังจากศาลชั้นต้นมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์จำเลยทั้งสองเด็ดขาดในคดีนี้แล้ว มีเจ้าหนี้อื่นอีกสองรายได้ยื่นขอรับชำระหนี้ต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ด้วยนั้น มิใช่ข้อเท็จจริงที่เกิดจากทางนำสืบของคู่ความก่อนที่ศาลจะมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ จึงไม่อาจนำข้อเท็จจริงดังกล่าวมาฟังให้เป็นผลร้ายแก่จำเลยทั้งสองได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2190/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อเท็จจริงหลังมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ไม่อาจใช้เป็นเหตุผลร้ายต่อจำเลยได้
ข้อเท็จจริงที่ว่าหลังจากศาลชั้นต้นมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์จำเลย ทั้งสองเด็ดขาดในคดีนี้แล้ว มีเจ้าหนี้อื่นอีกสองรายได้ยื่นขอรับ ชำระหนี้ต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ด้วยนั้น มิใช่ข้อเท็จจริงที่ เกิดจากทางนำสืบของคู่ความก่อนที่ศาลจะมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ จึงไม่ อาจนำข้อเท็จจริงดังกล่าวมาฟังให้เป็นผลร้ายแก่จำเลยทั้งสองได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 330/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำรับสารภาพที่ได้จากการสอบสวนโดยสมัครใจมีน้ำหนัก แม้เป็นพยานบอกเล่าแต่เป็นผลร้ายต่อตนเอง
ตำรวจจับจำเลยที่ 2 ข้อหาฆ่า และจับจำเลยที่ 1 ในข้อหาจ้างวานใช้จำเลยที่ 2 ในวันเกิดเหตุนั้นเอง การสอบสวนทำในวันเดียวกับวันจับกุม พนักงานสอบสวนเบิกความว่าจำเลยที่ 1 รับสารภาพโดยสมัครใจแม้จะเป็นพยานบอกเล่าแต่เป็นคำรับที่เป็นผลร้ายแก่ตนเอง ย่อมมีน้ำหนักแก่การรับฟังได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 784/2509
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาป้องกันทรัพย์สินเกินสมควร การกระทำโดยเจตนาต่อบุคคลอื่นที่ได้รับผลร้าย
จำเลยเป็นภารโรงมีหน้าที่เฝ้าโรงเรียนได้มีคนร้ายมางัดแงะโรงเรียนซึ่งเก็บของที่มีค่าในเวลาที่จำเลยไม่อยู่
ครั้นจำเลยมา คนร้ายหนีไป จำเลยติดตามไล่จับและใช้อาวุธปืนยิงไปโดยเจตนาป้องกันทรัพย์สินของโรงเรียนกระสุนปืนไปถูกผู้เสียหายการกระทำของจำเลยเช่นนี้เป็นการกระทำโดยเจตนาป้องกันทรัพย์ที่เกินสมควรแก่เหตุ
การที่จำเลยติดตามขับไล่คนร้ายไปแล้วใช้ปืนยิงคนร้ายแต่กระสุนปืนไปถูกผู้เสียหายนั้นเป็นการกระทำที่จำเลยได้มีเจตนาจะกระทำต่อบุคคลหนึ่งแต่ผลของการกระทำเกิดแก่อีกบุคคลหนึ่งโดยพลาดไปตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 60ให้ถือว่าผู้นั้นกระทำโดยเจตนาแก่บุคคลซึ่งรับผลร้ายจากการกระทำนั้นการกระทำดังกล่าวของจำเลยไม่เป็นการกระทำโดยประมาท
ครั้นจำเลยมา คนร้ายหนีไป จำเลยติดตามไล่จับและใช้อาวุธปืนยิงไปโดยเจตนาป้องกันทรัพย์สินของโรงเรียนกระสุนปืนไปถูกผู้เสียหายการกระทำของจำเลยเช่นนี้เป็นการกระทำโดยเจตนาป้องกันทรัพย์ที่เกินสมควรแก่เหตุ
การที่จำเลยติดตามขับไล่คนร้ายไปแล้วใช้ปืนยิงคนร้ายแต่กระสุนปืนไปถูกผู้เสียหายนั้นเป็นการกระทำที่จำเลยได้มีเจตนาจะกระทำต่อบุคคลหนึ่งแต่ผลของการกระทำเกิดแก่อีกบุคคลหนึ่งโดยพลาดไปตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 60ให้ถือว่าผู้นั้นกระทำโดยเจตนาแก่บุคคลซึ่งรับผลร้ายจากการกระทำนั้นการกระทำดังกล่าวของจำเลยไม่เป็นการกระทำโดยประมาท
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9244/2553
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องคดีอาญา ผลร้ายเกิดกับผู้ที่ไม่ได้ระบุในฟ้อง ศาลต้องยกฟ้องตาม ป.วิ.อ. มาตรา 192
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยใช้กำลังทำร้ายผู้เสียหายโดยไม่ถึงกับเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจตาม ป.อ. มาตรา 391 ซึ่งเป็นความผิดลหุโทษ แต่ข้อเท็จจริงได้ความว่า ผลร้ายเกิดแก่บุคคลอื่นซึ่งเป็นบุคคลที่โจทก์มิได้บรรยายมาในฟ้อง การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานพยายามทำร้ายผู้เสียหายและฐานทำร้ายบุคคลอื่นโดยพลาดไป เป็นกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท ซึ่งโจทก์ย่อมฟ้องจำเลยลงโทษได้ทุกบทหรือบทหนึ่งบทใดได้ ดังนั้น ข้อเท็จจริงว่า การกระทำของจำเลยทำให้ผู้ใดได้รับผลร้ายจึงเป็นข้อสำคัญ การที่โจทก์กล่าวมาในฟ้องว่าผลร้ายเกิดเหตุแก่ผู้เสียหายเท่านั้น จึงเป็นข้อแตกต่างในข้อสาระสำคัญ มิใช่ข้อแตกต่างที่เป็นเพียงรายละเอียดที่ศาลจะลงโทษจำเลยตามข้อเท็จจริงที่ได้ความนั้นได้ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 192 วรรคสอง จึงลงโทษจำเลยฐานทำร้ายบุคคลที่โจทก์มิได้บรรยายมาในฟ้องมิได้ และเมื่อฐานพยายามกระทำผิดลหุโทษต่อผู้เสียหายไม่ต้องรับโทษ ศาลก็ต้องยกฟ้อง