คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ผลแพ้ชนะ

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 9 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 558/2548 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เบิกความเท็จต้องมีผลถึงการแพ้ชนะคดี จึงเป็นความผิดฐานเบิกความเท็จ
ความผิดฐานเบิกความเท็จตาม ป.อ. มาตรา 177 นั้น ข้อความเท็จที่ได้เบิกความต่อศาลในการพิจารณาคดีจะต้องเป็นข้อสำคัญในคดีจึงจะเป็นความผิดฐานดังกล่าว ซึ่งหมายถึงต้องเป็นข้อสำคัญในคดีอย่างแท้จริงถึงขนาดมีผลทำให้แพ้ชนะคดีกันได้โดยอาศัยคำเบิกความอันเป็นเท็จนั้น แต่ตามคดีแพ่งของศาลชั้นต้นซึ่งโจทก์ถูก ท. ฟ้องเรียกเงินคืน ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ ท. ผู้เป็นโจทก์ในคดีดังกล่าวชนะคดีโดยอาศัยพยานเอกสารในคดีเป็นสำคัญ ส่วนคำเบิกความของพยานบุคคลนั้น เพียงแต่นำมารับฟังประกอบพยานเอกสารเท่านั้น และวินิจฉัยว่าพยานหลักฐานของโจทก์มีน้ำหนักมากกว่าโดยมิได้นำคำเบิกความของจำเลยนี้มาเป็นข้อวินิจฉัยให้มีผลเป็นการแพ้ชนะกัน ข้อความที่จำเลยเบิกความดังกล่าวจึงไม่ใช่ข้อสำคัญในคดี ไม่อาจลงโทษจำเลยในความผิดฐานเบิกความเท็จได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 90/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การปฏิบัติตามข้อตกลงท้าคดี: การสาบานต่อหน้าวัด และผลของการไม่ปฏิบัติตาม
โจทก์และจำเลยตกลงท้ากันว่า ถ้าโจทก์ทั้งสามและ ผ. ยอมสาบานต่อหน้าวัดทั้งเจ็ดวัดที่กำหนด จำเลยยอมแพ้คดี ศาลชั้นต้นจดรายงานกระบวนพิจารณานัดสาบานไว้สองวัน แต่มิได้กำหนดว่าต้องสาบานให้เสร็จตามวันเวลานัดทั้งสองวัน อันจะถือว่าเป็นข้อแพ้ชนะกัน การที่ศาลชั้นต้นอนุญาตให้เลื่อนสาบานไปหลังจากที่กำหนด โดยไม่ใช่เกิดจากความผิดของฝ่ายโจทก์ จะถือว่าโจทก์เป็นฝ่ายผิดข้อตกลงหาได้ไม่ เพราะข้อที่จะถือให้เป็นข้อแพ้ชนะนั้นเป็นเรื่องข้อความที่จะต้องสาบานและวัดที่กำหนดไว้ เมื่อโจทก์ทั้งสามและ ผ.ได้สาบานต่อหน้าวัดจนครบทุกวัดตามที่กำหนดไว้แล้ว ถือว่าฝ่ายโจทก์ได้ปฏิบัติตามคำท้าครบถ้วนแล้ว จำเลยจึงต้องเป็นฝ่ายแพ้คดีตามคำท้า

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 142/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแก้ไขคำพิพากษาโดยศาลอุทธรณ์ที่เปลี่ยนแปลงผลแพ้ชนะคดีเดิมถือเป็นการแก้ไขมาก ไม่อยู่ในข้อยกเว้นไม่ต้องห้ามฎีกา
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์พบว่ามาตรวัดน้ำที่โจทก์ติดตั้งไว้เพื่อคำนวณหน่วยน้ำที่จำเลยใช้ชำรุด ต้องคำนวณตามจำนวนหน่วยน้ำที่ใช้ในเดือนก่อน ขอให้จำเลยชำระเงินค่าน้ำที่ค้างชำระศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยใช้หนี้โจทก์ 12,997 บาท โดยฟังข้อเท็จจริงตามข้อต่อสู้ของจำเลยว่ามาตรวัดน้ำไม่ชำรุด ซึ่งมีผลเท่ากับว่าจำเลยชนะคดี ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้จำเลยชำระเงิน 42,514 บาท เต็มตามฟ้อง โดยฟังข้อเท็จจริงว่ามาตรวัดน้ำชำรุดตรงตามฟ้อง เป็นการแก้ข้อสำคัญตามประเด็นที่จำเลยชนะคดีในศาลชั้นต้นให้แพ้ทั้งหมด จึงเป็นการแก้ไขมาก ไม่ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248.(ที่มา-ส่งเสริม)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1776/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแก้ไขคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ที่เปลี่ยนแปลงผลแพ้ชนะคดีเดิม และการฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยใช้หนี้โจทก์เพียง 1,738.50 บาทโดยฟังข้อเท็จจริงตามข้อต่อสู้ของจำเลยว่ามีการ ชำระหนี้แล้ว30,000 บาท ซึ่งมีผลเท่ากับจำเลยชนะคดี ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้จำเลยใช้หนี้เต็มจำนวนตามฟ้องซึ่ง เป็นเงินจำนวนมากทั้งเป็นการแก้ข้อสำคัญที่จำเลยชนะ ในศาลชั้นต้นให้แพ้ทั้งหมด จึงเป็นการแก้ไขมาก ไม่ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2826/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแก้ไขคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ที่เปลี่ยนแปลงผลแพ้ชนะเดิมอย่างมีนัยสำคัญ และขอบเขตการแก้ไขที่ไม่อยู่ในกรอบมาตรา 248 วรรคแรก
โจทก์ฟ้องเรียกเงินกู้ตามสัญญากู้ 5 ฉบับ รวมจำนวนเงินตามสัญญากู้ทั้งหมด 33,500 บาท จำเลยต่อสู้ว่าจำเลยคงเป็นหนี้โจทก์อยู่ 4,000 บาท ตามสัญญากู้ฉบับที่ 5 เท่านั้น สัญญากู้ 4 ฉบับแรกไม่มีมูลหนี้ต่อกัน ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยใช้หนี้โจทก์เฉพาะสัญญากู้ฉบับที่ 5 ฉบับเดียวเป็นเงิน 4,000 บาท ตามข้อต่อสู้ของจำเลยซึ่งเท่ากับจำเลยชนะคดี ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้จำเลยใช้หนี้โจทก์ตามสัญญากู้ฉบับที่ 1 ถึงที่ 4 รวม 4 ฉบับ เป็นเงินรวม 29,500 บาท ด้วยซึ่งเป็นเงินจำนวนมาก ทั้งเป็นการแก้ข้อสำคัญที่จำเลยชนะในศาลชั้นต้นให้แพ้ทั้งหมด จึงเป็นการแก้ไขมากไม่ต้องห้ามตามประมวลกฎมหายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 วรรคแรก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 504/2498

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกระทำความผิดฐานพนัน แม้ยังไม่มีผลแพ้ชนะ การเล่นเพื่อเอาทรัพย์สินถือเป็นความผิด
เมื่อได้ความว่าจำเลยเล่นการพนันสลากกินรวบเพื่อเอาทรัพย์สินกัน แม้ยังไม่มีการได้เสียกันกล่าวคือสลากกินแบ่งของรัฐบาลที่จะถือเป็นหลักในการแพ้ชนะจะยังไม่ออก ดังนี้ก็เป็นผิดแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 304/2495 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขายสลากกินรวบโดยอ้างอิงผลสลากรัฐบาลถือเป็นการพนัน แม้สลากยังไม่ออก
จำเลยขายสลากกินรวมไปแล้วโดยให้ถือเอาเลขท้ายสามตัวของรางวัลที่ 1 แห่งสลากกินแบ่งของรัฐบาลเป็นการแพ้ชนะ สลากกินแบ่งของรัฐบาลนั้นจะออกภายหลัง แต่จำเลยถูกจับเสียก่อน ดังนี้ จำเลยมีความผิดฐานการเล่นพนันสลากกินรวบพะนันเอาทรัพย์สินกันแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9330/2557

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เบิกความเท็จต้องเป็นข้อสำคัญในคดี หากไม่ส่งผลแพ้ชนะ ไม่เป็นความผิดฐานเบิกความเท็จ
คดีก่อน บริษัท ย. ยื่นฟ้องโจทก์คดีนี้ว่า ผิดนัดไม่ชำระค่าเช่าที่ดินงวดเดือนกรกฎาคม 2551 ส่วนโจทก์ให้การต่อสู้ว่า ในทางปฏิบัติ บริษัท ย. จะต้องส่งใบแจ้งหนี้ก่อนแล้วโจทก์จึงจะชำระค่าเช่า แต่ในงวดดังกล่าวบริษัท ย. ไม่ได้ส่งใบแจ้งหนี้ ต่อมาโจทก์ตรวจสอบพบว่ายังค้างชำระค่าเช่าอยู่ จึงนำเงินไปชำระค่าเช่าในภายหลัง คำให้การของโจทก์ในคดีก่อนเท่ากับรับว่าตนชำระค่าเช่างวดเดือนกรกฎาคม 2551 หลังจากครบกำหนดชำระไปแล้ว แต่มีข้อเถียงโดยยกข้อต่อสู้ขึ้นใหม่ว่า แม้โจทก์จะชำระล่าช้าแต่ก็มิได้ผิดนัดเพราะบริษัท ย. ยังไม่ได้ส่งใบแจ้งหนี้ให้แก่ตนตามที่เคยปฏิบัติ ฉะนั้นประเด็นแห่งคดีในคดีก่อนจึงมีว่า บริษัท ย. จะต้องออกใบแจ้งหนี้ค่าเช่างวดดังกล่าวให้แก่โจทก์เสียก่อนแล้วโจทก์จึงจะต้องชำระค่าเช่า หรือไม่ ดังนั้น คำเบิกความของจำเลยในคดีก่อนที่ว่า โจทก์ชำระค่าเช่างวดเดือนกรกฎาคม 2551 เมื่อวันที่ 12 กันยายน 2551 อันเป็นการผิดนัดชำระค่าเช่า ทำให้สัญญาเช่าสิ้นสุดลง จึงไม่ใช่ข้อสำคัญในคดี การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดฐานเบิกความเท็จ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1346/2561

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เบิกความเท็จต้องเป็นข้อสำคัญในคดีถึงมีผลแพ้ชนะ จึงจะมีความผิด
ความผิดฐานเบิกความเท็จตาม ป.อ. มาตรา 177 นั้น ข้อความเท็จที่ได้เบิกความต่อศาลในการพิจารณาคดีจะต้องเป็นข้อสำคัญในคดี ซึ่งหมายถึงต้องเป็นข้อสำคัญในคดีอย่างแท้จริงถึงขนาดมีผลทำให้แพ้ชนะคดีกันได้โดยอาศัยคำเบิกความอันเป็นเท็จเท่านั้น ศาลชั้นต้นฟังข้อเท็จจริงโดยวินิจฉัยถึงหน้าที่นำสืบของโจทก์ประกอบคำเบิกความตอบคำถามค้านของโจทก์และคำเบิกความของ พ. จำเลยในคดีดังกล่าวเป็นสำคัญ ส่วนคำเบิกความของจำเลยนั้น ศาลชั้นต้นไม่ได้นำมากล่าวถึง เพียงแต่นำมารับฟังประกอบข้อวินิจฉัยที่ว่าโจทก์ไม่มีพยานหลักฐานมานำสืบกับคำเบิกความตอบคำถามค้านทนายจำเลยของโจทก์เท่านั้น แล้ววินิจฉัยถึงพฤติการณ์ต่างๆ ดังที่หยิบยกขึ้นมากล่าว โดยมิได้นำคำเบิกความของจำเลย มาเป็นข้อวินิจฉัยให้มีผลเป็นการแพ้ชนะกัน ข้อความที่จำเลยเบิกความดังกล่าวจึงไม่ใช่ข้อสำคัญในคดี ไม่อาจลงโทษจำเลยในความผิดฐานเบิกความเท็จได้