คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ผิดอาญา

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 4 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3590/2527

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาใช้เครื่องชั่งผิดอัตราเพื่อโกงในการค้าเป็นความผิดอาญา
จำเลยมีเครื่องชั่งที่ผิดอัตราเพื่อเอาเปรียบในการค้าและใช้เครื่องชั่งดังกล่าวในวันเวลาเดียวกัน ก็เท่ากับว่าจำเลยมีเจตนาอันเดียวกัน การกระทำของจำเลยเป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ต้องใช้บทที่มีโทษหนักที่สุดลงโทษ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 721/2489 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจับจองที่ดินคร่อมทางหลวงไม่ชอบด้วยกฎหมาย การปิดกั้นทางหลวงเป็นความผิดทางอาญา
การที่จำเลยได้รับอนุญาตให้จับจองที่ดินคร่อมทางหลวงนั้น หาอาจทำให้เกิดสิทธิแก่จำเลยที่จะปิดกั้นทำประโยชน์ทางหลวงนั้นได้ไม่เพราะการจับจองนั้นขัดต่อกฎหมายหากจำเลยปิดกั้นทางหลวงนั้น ก็เป็นผิดทางอาญา
นายอำเภออนุญาตให้จำเลยจับจองที่ดินทางหลวง ภายหลังสั่งให้จำเลยรื้อสิ่งกีดขวางทางหลวง ซึ่งจำเลยทำไว้เมื่อได้รับใบเหยียบย่ำแล้ว จำเลยขัดขืนไม่ทำตามสั่งดังนี้ ไม่เป็นผิดฐานขัดคำสั่งเจ้าพนักงาน เพราะคำสั่งของนายอำเภอไม่ชอบด้วยกฎหมาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 721/2489

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจับจองที่ดินคร่อมทางหลวงไม่ชอบด้วยกฎหมาย การปิดกั้นทางหลวงเป็นความผิดอาญา แม้ได้รับอนุญาต
การที่จำเลยได้รับอนุญาตให้จับจองที่ดินคร่อมทางหลวงนั้นหาอาจทำให้เกิดสิทธิแก่จำเลยที่จะปิดกั้นทำประโยชน์ทางหลวงนั้นได้ไม่ เพราะการจับจองนั้นขัดต่อกฎหมาย หากจำเลยปิดกั้นทางหลวงนั้น ก็เป็นผิดทางอาญา
นายอำเภออนุญาตให้จำเลยจับจองที่ดินทางหลวง ภายหลังสั่งให้จำเลยรื้อสิ่งกีดขวางทางหลวง ซึ่งจำเลยทำไว้เมื่อได้รับใบเหยียบย่ำแล้ว จำเลยขัดขืนไม่ทำตามสั่งดังนี้ ไม่เป็นผิดฐานขัดคำสั่งเจ้าพนักงาน เพราะคำสั่งของนายอำเภอไม่ชอบด้วยกฎหมาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2405-2407/2559

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเลิกจ้างลูกจ้างกรณีประท้วงโดยไม่แจ้งข้อเรียกร้อง และกระทำผิดอาญา
ข้อเท็จจริงยุติตามคำร้องและคำคัดค้านว่าการนัดหยุดงานกระทำไปโดยไม่มีการยื่นข้อเรียกร้องต่อผู้ร้องซึ่งเป็นนายจ้างของผู้คัดค้านที่ 2 ที่ 3 และที่ 4 จึงไม่ใช่กรณีพนักงานซึ่งเป็นลูกจ้างแจ้งข้อเรียกร้องเป็นหนังสือให้มีการกำหนดข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างหรือการแก้ไขเพิ่มเติมข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างต่อผู้ร้องตาม พ.ร.บ.แรงงานสัมพันธ์ พ.ศ.2518 มาตรา 13 วรรคหนึ่ง เมื่อยังไม่มีการแจ้งข้อเรียกร้องต่อผู้ร้องจึงต้องห้ามมิให้พนักงานนัดหยุดงานตามมาตรา 34 วรรคหนึ่ง (1) การนัดหยุดงานที่ฝ่าฝืนมาตรา 34 มีโทษตามมาตรา 139 เมื่อการนัดหยุดงานต้องห้ามตามมาตรา 34 วรรคหนึ่ง (1) และมีโทษตามมาตรา 139 การที่ผู้คัดค้านที่ 2 ที่ 3 และที่ 5 ชักชวนให้พนักงานนัดหยุดงาน หรือช่วยเหลือ ชักชวนหรือสนับสนุนให้สมาชิกสหภาพแรงงานนัดหยุดงานจึงไม่ได้รับการยกเว้นไม่ต้องถูกกล่าวหาหรือฟ้องร้องทางอาญาหรือทางแพ่งตามมาตรา 99 (2) อีกทั้งศาลแรงงานภาค 8 ฟังข้อเท็จจริงว่าผู้คัดค้านที่ 2 ที่ 3 และที่ 5 ซึ่งเป็นกรรมการลูกจ้างไม่เข้าทำงาน ออกไปชุมนุมด้วย และมีพฤติการณ์แสดงให้เห็นว่ามีการชักชวนพนักงานให้ออกไปชุมนุมประท้วงโดยการปิดถนนและนำรถยนต์ไปจอดขวางถนนภายในโรงแรมซึ่งเป็นถนนสาธารณะจนถูกเจ้าพนักงานตำรวจจับกุมดำเนินคดีข้อหาร่วมกันมั่วสุมตั้งแต่ 10 คน ขึ้นไปกระทำการให้เกิดความวุ่นวายขึ้นในบ้านเมืองและผู้คัดค้านที่ 2 ที่ 3 และที่ 5 ให้การรับสารภาพ อันเป็นการกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา ลักษณะ 5 ความผิดเกี่ยวกับความสงบสุขของประชาชน มาตรา 215 วรรคแรก จึงเป็นกรณีมีเหตุผลอันสมควรอนุญาตให้ผู้ร้องเลิกจ้างผู้คัดค้านที่ 2 ที่ 3 และที่ 5 ได้ตาม พ.ร.บ.แรงงานสัมพันธ์ พ.ศ.2518 มาตรา 52