คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ผู้ทรง

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 77 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2784/2548 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เช็ค: ผู้สั่งจ่ายต้องรับผิดแม้ไม่มีนิติสัมพันธ์กับผู้ทรง หากการโอนไม่เกิดจากฉ้อฉล
โจทก์ซึ่งเป็นผู้ทรงฟ้องให้จำเลยในฐานะผู้สั่งจ่ายเช็คชำระเงินตามเช็คซึ่งเรียกเก็บเงินไม่ได้ จำเลยผู้ถูกฟ้องในมูลเช็คหาอาจต่อสู้โจทก์ด้วยข้อต่อสู้อันอาศัยความเกี่ยวพันกันเฉพาะบุคคลระหว่างตนกับผู้ทรงคนก่อนนั้นได้ไม่ เว้นแต่การโอนจะมีขึ้นด้วยคบคิดกันฉ้อฉลตาม ป.พ.พ. มาตรา 916 ประกอบมาตรา 989 ที่จำเลยให้การต่อสู้ว่า โจทก์และจำเลยไม่มีนิติสัมพันธ์ต่อกัน จำเลยไม่เคยสั่งจ่ายเช็คเพื่อชำระหนี้แก่โจทก์ จำเลยสั่งจ่ายเช็คให้แก่ ช. เพื่อเป็นหลักประกันการชำระหนี้ แต่ ช. คบคิดกับโจทก์ฉ้อฉลจำเลย โดยโจทก์นำเช็คไปลงวันที่แล้วนำไปเรียกเก็บเงินเป็นเหตุให้จำเลยได้รับความเสียหายนั้น จำเลยมิได้ให้การโดยชัดแจ้งว่าโจทก์คบคิดกับ ข. ฉ้อฉลจำเลยอย่างไร เช็คเป็นตราสารที่โอนเปลี่ยนมือกันได้ ช. ซึ่งเป็นผู้ทรงก็ย่อมมีสิทธิโอนเช็คให้แก่โจทก์ โดยโจทก์ผู้รับโอนเช็คหาจำต้องมีนิติสัมพันธ์กับจำเลยไม่ ทั้งการโอนก็ทำได้เพียงส่งมอบให้กันเนื่องจากเป็นเช็คสั่งจ่ายเงินแก่ผู้ถือ และต้องถือว่าโจทก์รับโอนเช็คมาโดยสุจริตตามมาตรา 5 โจทก์ซึ่งเป็นผู้ทรงและทำการโดยสุจริตย่อมมีสิทธิที่จะจดวันออกเช็คตามที่ถูกต้องแท้จริงลงในเช็คซึ่งจำเลยมิได้ลงวันสั่งจ่ายได้ ตามมาตรา 910 วรรคท้าย ประกอบมาตรา 989 เมื่อคำให้การของจำเลยไม่ชัดแจ้งว่ามีการคบคิดกันฉ้อฉลอย่างไร จึงเป็นคำให้การที่ไม่มีประเด็นจะสืบและคดีวินิจฉัยได้โดยไม่ต้องสืบพยานโจทก์จำเลย
จำเลยลงลายมือชื่อสั่งจ่ายเช็คเมื่อธนาคารผู้จ่ายปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็ค จำเลยจึงตกเป็นฝ่ายผิดนัดต้องรับผิดชำระเงินตามเช็คนั้นให้แก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ตาม ป.พ.พ. มาตรา 900 วรรคหนึ่ง, 914, 989 ประกอบมาตรา 224 วรรคหนึ่ง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2784/2548

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การโอนเช็คโดยสุจริตและการรับผิดของผู้สั่งจ่ายเช็คแม้ไม่มีนิติสัมพันธ์กับผู้ทรง
จำเลยให้การว่า โจทก์และจำเลยไม่มีนิติสัมพันธ์ต่อกัน จำเลยสั่งจ่ายเช็คพิพาทให้ ช. เพื่อเป็นหลักประกัน ช. และโจทก์ได้ร่วมกันฉ้อฉลจำเลยโดยโจทก์นำเช็คพิพาทไปลงวันที่แล้วนำไปเรียกเก็บเงินนั้น เป็นคำให้การที่ไม่แสดงโดยชัดแจ้งว่าโจทก์คบคิดกับ ช. ฉ้อฉลจำเลยอย่างไร จึงไม่มีประเด็นเรื่องการโอนด้วยคบคิดกันฉ้อฉลตามมาตรา 916 ที่จะนำสืบ เมื่อเช็คพิพาทเป็นตราสารที่โอนเปลี่ยนมือกันได้ ช. ผู้ทรงย่อมมีสิทธิโอนเช็คพิพาทให้โจทก์โดยโจทก์หาจำต้องมีนิติสัมพันธ์กับจำเลย ทั้งเช็คพิพาทสั่งจ่ายให้ผู้ถือ เบื้องต้นต้องถือว่าโจทก์ผู้ทรงรับโอนเช็คพิพาทมาโดยสุจริตตาม ป.พ.พ. มาตรา 5 โจทก์ย่อมมีสิทธิที่จะจดวันออกเช็คตามที่ถูกต้องแท้จริงลงในเช็คพิพาทซึ่งจำเลยไม่ลงวันสั่งจ่ายได้ตาม ป.พ.พ. มาตรา 910 วรรคท้าย ประกอบมาตรา 989 จำเลยผู้สั่งจ่ายเช็คพิพาทต้องรับผิดใช้เงินตามเช็คให้แก่โจทก์ตามมาตรา 914

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1648/2547

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ จำเลยต้องรับผิดในเช็คพิพาท แม้โอนให้ผู้อื่น หากพิสูจน์ไม่ได้ว่าไม่มีมูลหนี้
จำเลยผู้สั่งจ่ายเช็คพิพาทอ้างว่าเช็คพิพาทไม่มีมูลหนี้ และผู้โอนเช็คพิพาทกับโจทก์ผู้รับโอนคบคิดกันฉ้อฉล จำเลยมีหน้าที่นำสืบให้ได้ความตามที่อ้าง เมื่อจำเลยนำสืบรับฟังไม่ได้ว่าเช็คพิพาทไม่มีมูลหนี้ จำเลยจึงต้องรับผิดต่อผู้ทรงคนก่อน การที่ผู้ทรงคนก่อนโอนเช็คพิพาทแก่โจทก์ ทั้งเช็คพิพาทเป็นเช็คสั่งจ่ายเงินแก่ผู้ถือ การโอนเช็คพิพาททำได้เพียงด้วยส่งมอบให้กัน โจทก์จึงเป็นผู้ทรงเช็คพิพาทโดยชอบ จำเลยไม่มีข้อต่อสู้ที่เกี่ยวกับผู้ทรงคนก่อนที่จะใช้เป็นข้อต่อสู้โจทก์ ทั้งจำเลยจะอ้างว่าโจทก์และผู้ทรงคนก่อนไม่มีหนี้สินต่อกันหาได้ไม่ จำเลยจึงต้องรับผิดต่อโจทก์
(ปัญหานี้วินิจฉัยโดยมติที่ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 4/2547)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7854/2542 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผู้ทรงเช็คโดยชอบด้วยกฎหมาย: การครอบครองเช็คและสิทธิรับเงิน
จำเลยที่ 1 สั่งจ่ายเช็คพิพาท เป็นเช็คขีดคร่อมเฉพาะระบุชื่อ ช.เป็นผู้รับเงินเพื่อเป็นการชำระหนี้ค่าเสียหายแก่โจทก์โดยมีจำเลยที่ 2 เป็นผู้สลักหลังการที่ ช.นำเช็คพิพาทเข้าบัญชีเงินฝากของ ช.เพื่อเรียกเก็บเงินแทนโจทก์เพราะโจทก์ไม่มีบัญชีเงินฝาก เป็นการที่ ช.ยึดถือเช็คพิพาทแทนโจทก์เท่านั้น เมื่อโจทก์เป็นผู้มีเช็คพิพาทไว้ในครอบครองโดยโจทก์เป็นผู้มีสิทธิรับเงินตามเช็คพิพาท โจทก์จึงเป็นผู้ทรงโดยชอบด้วยกฎหมายตาม ป.พ.พ.มาตรา 904

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9215/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เช็คพิพาท: ความสัมพันธ์ระหว่างจำเลยและผู้ทรงคนปัจจุบันมีผลต่อความรับผิด
เมื่อวินิจฉัยว่าโจทก์ได้รับเช็คพิพาทจากจำเลยที่ 2 โดยมิได้คบคิดกันฉ้อฉลจำเลยที่ 1 แล้ว คดีก็ไม่จำต้องวินิจฉัยว่ามีหนี้ที่จำเลยที่ 1 จะต้องชำระแก่จำเลยที่ 2 ตามเช็คพิพาทหรือไม่ เพราะเป็นข้อต่อสู้ที่อาศัยความเกี่ยวพันกันระหว่างจำเลยที่ 1 ผู้สั่งจ่ายกับจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นผู้ทรงคนก่อน จำเลยที่ 1 หาอาจยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้โจทก์ซึ่งเป็นผู้ทรงคนปัจจุบันได้ไม่ ตาม ป.พ.พ.มาตรา 916ประกอบด้วยมาตรา 989 จำเลยทั้งสองจึงต้องร่วมกันรับผิดต่อโจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9215/2539

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับโอนเช็คโดยมิได้สมคบกันฉ้อฉล และความรับผิดของผู้สั่งจ่ายต่อผู้ทรงคนปัจจุบัน
เมื่อวินิจฉัยว่าโจทก์ได้รับเช็คพิพาทจากจำเลยที่2โดยมิได้คบคิดกันฉ้อฉลจำเลยที่1แล้วคดีก็ไม่จำต้องวินิจฉัยว่ามีหนี้ที่จำเลยที่1จะต้องชำระแก่จำเลยที่2ตามเช็คพิพาทหรือไม่เพราะเป็นข้อต่อสู้ที่อาศัยความเกี่ยวพันกันระหว่างจำเลยที่1ผู้สั่งจ่ายกับจำเลยที่2ซึ่งเป็นผู้ทรงคนก่อนจำเลยที่1หาอาจยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้โจทก์ซึ่งเป็นผู้ทรงคนปัจจุบันได้ไม่ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา916ประกอบด้วยมาตรา989จำเลยทั้งสองจึงต้องร่วมกันรับผิดต่อโจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 911/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผู้สั่งจ่ายเช็คต้องรับผิดต่อผู้ทรง แม้จะมีความสัมพันธ์กับผู้รับเช็คก่อนหน้า หากไม่มีหลักฐานการฉ้อฉล
โจทก์ฟ้องและนำสืบว่าจำเลยสั่งจ่ายเช็คพิพาทชำระหนี้เงินกู้แก่โจทก์ จำเลยต่อสู้ว่าไม่เคยกู้เงินโจทก์ จำเลยออกเช็คพิพาทชำระหนี้แก่บุคคลอื่น ดังนี้แม้จะรับฟังข้อเท็จจริงตามที่จำเลยต่อสู้ แต่เมื่อเช็คพิพาทอยู่ในความครอบครองของโจทก์ในเบื้องต้นต้องถือว่าโจทก์เป็นผู้ทรงโดยชอบด้วยกฎหมายและไม่ทำให้สิทธิของโจทก์ในฐานะเป็นผู้ทรงต้องเสียไป จำเลยนำสืบว่าจำเลยกู้เงิน จ. และออกเช็คให้ จ. โดยมีข้อตกลงว่า จ. จะไม่โอนเช็คพิพาทให้แก่ผู้ใดและต่อมาจำเลยชำระหนี้แล้ว จ. ไม่คืนเช็คพิพาทให้ดังนี้ จำเลยจะยกข้อต่อสู้อันอาศัยความเกี่ยวพันระหว่างตนกับ จ. ขึ้นต่อสู้โจทก์ผู้ทรงเช็คมิได้ เมื่อจำเลยไม่ได้ต่อสู้ว่าโจทก์ผู้ทรงรับโอนเช็คพิพาทไว้โดยคบคิดกันฉ้อฉลหรือไม่สุจริต จำเลยซึ่งเป็นผู้สั่งจ่ายจึงต้องรับผิดใช้เงินตามเช็คแก่โจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4686/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การต่อสู้คดีเช็คโดยอ้างความสัมพันธ์ส่วนตัวกับผู้ทรงคนก่อน ถือเป็นการต่อสู้ที่ไม่ชอบและไม่ก่อให้เกิดประเด็นพิพาท
จำเลยสั่งจ่ายเช็คให้แก่ผู้ถือ โจทก์เป็นผู้รับโอนเช็คพิพาทจึงเป็นผู้ทรงตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 904เมื่อธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน จำเลยย่อมตกเป็นผู้ผิดนัดต้องชำระเงินตามเช็คพร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีให้แก่โจทก์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 900,914,989 ประกอบ 224 การที่จำเลยให้การว่า ฟ้องโจทก์ไม่เป็นความจริง บิดเบือนข้อเท็จจริงมาฟ้องจำเลย เพราะเช็คพิพาทจำเลยสั่งจ่ายให้แก่ผู้มีชื่อไว้เป็นประกันการกู้ยืมเงิน มิได้สั่งจ่ายเพื่อการชำระหนี้ดังที่โจทก์อ้าง ความจริงแล้วโจทก์กับผู้มีชื่อไม่มีหนี้ต่อกันโจทก์จึงไม่ใช่ผู้ทรงเช็คพิพาทโดยชอบ คำให้การของจำเลยเป็นการต่อสู้โจทก์ผู้ทรงด้วยข้อต่อสู้อันอาศัยความเกี่ยวกันเฉพาะบุคคลระหว่างจำเลยกับผู้ทรงคนก่อน ๆ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 916ประกอบมาตรา 989 คำให้การของจำเลยมิได้แสดงโดยชัดแจ้งในคำให้การว่า โจทก์รับโอนเช็คพิพาทจากผู้มีชื่อซึ่งเป็นผู้ทรงคนก่อน ๆ ด้วยคบคิดกันฉ้อฉลจำเลยอย่างไรและที่ให้การว่า โจทก์ไม่ใช่ผู้ทรงเช็คพิพาทโดยชอบจำเลยก็มิได้อ้างเหตุที่โจทก์เป็นผู้ทรงเช็คไม่ชอบอย่างไร คำให้การของจำเลยจึงไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา177 วรรคสอง ไม่ก่อให้เกิดประเด็นพิพาทแห่งคดี

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4279/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การสมคบกันฉ้อฉลในการโอนเช็คต้องเกิดขึ้นขณะผู้ทรงรับโอน มิใช่หลังฟ้องคดี ผู้สั่งจ่ายยกข้อต่อสู้ไม่ได้
การโอนเช็คด้วยการคบคิดกันฉ้อฉลที่จะเป็นเหตุให้ผู้สั่งจ่ายยกความเกี่ยวพันระหว่างตนกับผู้ทรงคนก่อนขึ้นต่อสู้ผู้ทรงได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 916 จะต้องเป็นการคบคิดกันฉ้อฉลขณะที่ผู้ทรงรับโอนเช็คเท่านั้น มิใช่เป็นการคบคิดกันฉ้อฉลภายหลังจากที่มีการฟ้องร้องเรียกเงินตามเช็ค ดังนั้นการที่จำเลยที่ 2 ผู้ทรงคนก่อนให้การต่อสู้คดีแล้วสละข้อต่อสู้ในภายหลังก็ดี หรือเมื่อศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาแล้วโจทก์ผู้ทรงบังคับคดีเอาแก่จำเลยที่ 1 ผู้สั่งจ่ายเพียงคนเดียวก็ดี จะถือว่าโจทก์กับจำเลยที่ 2 คบคิดกันฉ้อฉลจำเลยที่ 1 หาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4279/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การสมคบกันฉ้อฉลในการโอนเช็คต้องเกิดขึ้นขณะโอน หากเกิดหลังฟ้องร้องถือว่าไม่สมคบกันฉ้อฉล
การโอนเช็คด้วยการคบคิดกันฉ้อฉลที่จะเป็นเหตุให้ผู้สั่งจ่ายยกความเกี่ยวพันระหว่างตนกับผู้ทรงคนก่อนขึ้นต่อสู้ผู้ทรงได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 916 นั้น จะต้องเป็นการคบคิดกันฉ้อฉลที่เกิดขึ้นขณะที่ผู้ทรงรับโอนเช็คเท่านั้น มิใช่เป็นการคบคิดกันฉ้อฉลภายหลังจากที่มีการฟ้องร้องเรียกเงินตามเช็คกันแล้ว ดังนั้นแม้จำเลยที่ 2 จะให้การต่อสู้คดีแล้วกลับมาสละข้อต่อสู้ภายหลัง หรือเมื่อศาลชั้นต้นพิพากษาแล้วโจทก์บังคับคดีเอาแก่จำเลยที่ 1 เพียงคนเดียวก็จะถือว่าโจทก์กับจำเลยที่ 2สมคบกันฉ้อฉลจำเลยที่ 1 ไม่ได้
of 8