คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ผู้บาดเจ็บ

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 8 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7987/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การหลบหนีหลังเกิดเหตุและการช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ: ความผิดตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก
แม้ข้อเท็จจริงจะฟังได้ว่า หลังเกิดเหตุแล้วจำเลยหลบหนีไปโดยไม่ได้ให้ความช่วยเหลือผู้บาดเจ็บตามสมควร ทั้งไม่ได้แจ้งเหตุต่อพนักงาน-เจ้าหน้าที่ที่ใกล้เคียงทันทีก็ตาม ทางนำสืบของโจทก์ไม่ปรากฏว่าการที่จำเลยหลบหนีไม่ทำการช่วยเหลือหรือแจ้งเหตุต่อพนักงานเจ้าหน้าที่เป็นเหตุให้ผู้เสียหายได้รับอันตรายสาหัส การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดตาม พ.ร.บ.จราจรทางบกพ.ศ.2522 มาตรา 160 วรรคสอง คงเป็นความผิดตามมาตรา 160 วรรคหนึ่งเท่านั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7987/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานขับรถประมาททำให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัส และหลบหนีไม่ช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ
แม้ข้อเท็จจริงจะฟังได้ว่าหลังเกิดเหตุแล้วจำเลยหลบหนีไปโดยไม่ได้ให้ความช่วยเหลือผู้บาดเจ็บตามสมควรทั้งไม่ได้แจ้งเหตุต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ที่ใกล้เคียงทันทีก็ตามทางนำสืบของโจทก์ไม่ปรากฎว่าการที่จำเลยหลบหนีไม่ทำการช่วยเหลือหรือแจ้งเหตุต่อพนักงานเจ้าหน้าที่เป็นเหตุให้ผู้เสียหายได้รับอันตรายสาหัสการกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดตามพระราชบัญญัติจราจรทางบกพ.ศ.2522มาตรา160วรรคสองคงเป็นความผิดตามมาตรา160วรรคหนึ่งเท่านั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 114/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดของผู้ขับขี่ที่หลบหนีหลังเกิดอุบัติเหตุ และการไม่ให้ความช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ
ภายหลังจากเกิดเหตุรถชนกันแล้ว มีผู้นำผู้ตายและโจทก์ร่วมส่งโรงพยาบาล ผู้ตายถึงแก่ความตายในคืนนั้น ส่วนจำเลยอยู่ในที่เกิดเหตุประมาณ 2 นาที แล้วหลบหนีไป ต่อมาอีก 6 วัน จำเลยจึงเข้ามอบตัวต่อสู้คดี ดังนี้ การที่จำเลยไม่ให้ความช่วยเหลือตามสมควรไม่แสดงตัวและแจ้งเหตุต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ที่ใกล้เคียงทันทีเป็นเหตุให้โจทก์ร่วมได้รับอันตรายสาหัสและผู้ตายถึงแก่ความตายการกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติจราจรทางบกพ.ศ. 2522 มาตรา 160 วรรคสอง การที่รถยนต์เกิดเหตุทั้งสองคันชนกันจนเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายไม่ได้เกิดเพราะความประมาทเลินเล่อของจำเลยจำเลยเพียงแต่หลบหนีไปเมื่อไม่ปรากฏว่าจำเลยเคยได้รับโทษจำคุกมาก่อนจึงสมควรให้โอกาสจำเลยกลับตัวเป็นพลเมืองดีโดยให้รอการลงโทษจำคุกไว้ ความผิดตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 78 วรรคแรก160 วรรคสอง เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นที่ให้ลงโทษจำคุก 3 เดือน คดีจึงต้องห้ามมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 วรรคแรก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1489/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานขับรถประมาทและหน้าที่หลังเกิดเหตุ: การนำผู้บาดเจ็บส่งโรงพยาบาลมิใช่การหลบหนี
การที่จำเลยขับรถยนต์โดยประมาทชนผู้ตายแล้วจำเลยนำผู้ตายไปส่งโรงพยาบาลในทันทีหลังจากเกิดเหตุ โดยมิได้แจ้งเหตุต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ จะถือว่าจำเลยหลบหนีไปจนเป็นเหตุให้ผู้ตายได้รับอันตรายถึงตายตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522มาตรา 160 วรรคสอง หาได้ไม่ จำเลยคงมีความผิดตามมาตรา 160 วรรคแรกเท่านั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1411/2517

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องคดีอาญา: ผู้แทนโดยชอบธรรมผู้เสียหาย vs. ผู้จัดการแทนผู้บาดเจ็บสาหัส
บิดาผู้แทนโดยชอบธรรมของ ว. ผู้ตาย เป็นโจทก์ฟ้องว่าจำเลยขับรถยนต์โดยประมาทชนรถจักรยานยนต์ซึ่ง ว. ขับขี่ และมี ป. นั่งซ้อนท้ายเป็นเหตุให้ ว. ถึงแก่ความตาย และ ป.บาดเจ็บสาหัส ขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติจราจรทางบกและประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 291, 300, 390 ศาลชั้นต้นพิจารณาคดีนี้รวมกับคดีที่พนักงานอัยการเป็นโจทก์ฟ้องจำเลยในข้อหาความผิดอย่างเดียวกัน แล้วพิพากษายกฟ้อง โจทก์คดีนี้อุทธรณ์ ดังนี้ เมื่อศาลอุทธรณ์เห็นว่า เหตุที่รถชนกันเกิดจากความประมาทของจำเลยฝ่ายเดียว แต่โจทก์ไม่ใช่ผู้เสียหายในความผิดต่อพระราชบัญญัติจราจรทางบก จึงไม่มีอำนาจฟ้องก็จะพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 291, 300, 390 แล้วปรับบทลงโทษจำเลยตามมาตรา 291ซึ่งเป็นบทหนักไม่ได้ เพราะโจทก์มิใช่ผู้จัดการแทนผู้เสียหายในความผิดที่จำเลยกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ ป. ได้รับบาดเจ็บสาหัสต้องพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามมาตรา 291 บทเดียว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1282/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความประมาทในการขับเรือทำให้เกิดการชนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บ ผู้ขับเรือทั้งสองมีความผิด
จำเลยที่ 1 และที่ 2 ขับเรือแล่นมาด้วยความเร็วสูงและต่างแล่นมาตรงกลางลำน้ำ เมื่อใกล้จะสวนกันเรือทั้งสองแล่นเกือบเป็นเส้นตรงเข้าหากันในลักษณะน่ากลัวจะเกิดโดนกัน แม้จำเลยที่ 2 จะเบนหลีกไปทางขวามือ อันเป็นการปฏิบัติตามกฎกระทรวง (พ.ศ. 2498) ออกตามความในพระราชบัญญัติป้องกันเรือโดนกัน พ.ศ. 2497 ข้อ 19 (ก) ก็ตาม แต่จำเลยที่ 2 ก็มิได้ลดความเร็ว กลับขับเรือเบนเข้าเส้นทางเรือของตนทางด้านขวาในระยะกระชั้นชิด ส่วนจำเลยที่ 1 ก็มิได้ลดความเร็วทั้งมิได้เบนเข้าเส้นทางเรือของตนทางด้านขวา เพื่อหลีกเลี่ยงการโดนกันแต่กลับคงแล่นตรงไป เรือจำเลยที่ 2 จึงชนตรงกราบเรือด้านขวาของเรือจำเลยที่ 1 เป็นเหตุให้ผู้โดยสารในเรือ จำเลยที่ 1 ถึงแก่ความตายและบาดเจ็บเช่นนี้ แสดงว่าจำเลยทั้งสองกระทำด้วยความประมาทปราศจากความระมัดระวังซึ่งบุคคลในภาวะเช่นจำเลยทั้งสองซึ่งขับขี่เรือยนต์สวนทางกันจักต้องมีตามวิสัยและพฤติการณ์ จำเลยทั้งสองจึงต้องมีความผิดฐานกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้บุคคลอื่นถึงแก่ความตายและบาดเจ็บ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 336/2478

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดของผู้ขับขี่ที่เกิดอุบัติเหตุแล้วไม่ช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ ตาม พ.ร.บ.รถยนต์
ขับรถยนต์ชนคนบาดเจ็บแล้วไม่หยุดทำการช่วยเหลือ+เป็นความผิดเกิดก่อนใข้ พ.ร.บ.จราจร ต้องมีผิดตาม พ.ร.บ.รถยนต์ ร.ศ.128 ม.16 พ.ร.บ.รถยนต์ พ.ศ. 2473 ม.3 ยกเลิกกฎหมาย พ.ร.บ.รถยนต์ พ.ศ.2473 ที่ได้ยกเลิกพ.ร.บ.รถยนต์ ร.ศ.128 ม.16

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 14232/2558

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดทางอาญาในคดีทะเลาะวิวาทที่มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บ แม้ไม่สามารถระบุตัวผู้ลงมือได้โดยชัดเจน
กรณีความผิดตาม ป.อ. มาตรา 294 และ 299 นั้น ต้องเป็นการชุลมุนต่อสู้กันระหว่างบุคคลตั้งแต่สามคนขึ้นไป และมีบุคคลถึงแก่ความตายและได้รับอันตรายสาหัสโดยไม่ทราบว่าผู้ใดหรือผู้ใดร่วมกับใครกระทำจนถึงแก่ความตายหรือจนได้รับอันตรายสาหัส แต่หากสามารถรู้และแบ่งฝ่ายแบ่งพวกกันได้ ทั้งรู้ว่าผู้ใดหรือฝ่ายใดเป็นผู้ลงมือทำร้ายย่อมลงโทษผู้นั้นกับพวกได้ตามเจตนาและผลของการกระทำ จำเลยกับพวกฝ่ายหนึ่งและผู้ตายกับผู้เสียหายฝ่ายหนึ่งวิวาทต่อสู้กัน แม้พยานโจทก์ที่อยู่ในเหตุการณ์จะไม่อาจระบุได้แน่ชัดว่าคนใดในกลุ่มของจำเลยเข้าไปใช้อาวุธมีดแทงผู้ตายเป็นเหตุให้ผู้ตายถึงแก่ความตายและฟันผู้เสียหายเป็นเหตุให้ผู้เสียหายได้รับอันตรายสาหัสก็ตาม ย่อมมิใช่กรณีตาม ป.อ. มาตรา 294 และ 299 พวกของจำเลยที่เข้าร่วมในการทะเลาะวิวาทกับผู้ตายและผู้เสียหายได้ใช้มีดแทงผู้ตายและฟันผู้เสียหาย จำเลยซึ่งมีเจตนาร่วมกับพวกกระทำต่อผู้ตายและผู้เสียหายย่อมต้องรับผลอันเป็นธรรมดาย่อมเกิดขึ้นจากการนั้นในฐานะเป็นตัวการ แม้มิได้เป็นผู้ลงมือแทงผู้ตายและฟันผู้เสียหายด้วยตนเองก็ตาม