พบผลลัพธ์ทั้งหมด 10 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 677/2545
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขยายระยะเวลาอุทธรณ์: เหตุสุดวิสัยต้องพิจารณาความประมาทเลินเล่อของผู้ฟ้อง
ศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษาให้โจทก์ฟังเมื่อวันที่ 29ธันวาคม 2542 โจทก์ยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลาอุทธรณ์เมื่อวันที่ 25 มกราคม 2543 ศาลชั้นต้นอนุญาตให้ขยายระยะเวลาอุทธรณ์ถึง วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2543 คดีของโจทก์ไม่มีข้อยุ่งยาก เอกสารที่อ้างมีจำนวนไม่มากนัก โจทก์ย่อมสามารถทำอุทธรณ์ยื่นต่อศาลได้ แต่โจทก์กลับไม่กระทำอ้างว่ามีงานอาจารย์อีกหลายอย่างที่จะต้องปฏิบัติ ทั้งโจทก์มีทนายความแม้ทนายความโจทก์จะอยู่ที่จังหวัดเชียงใหม่แต่โจทก์ก็สามารถให้ทนายความยื่นอุทธรณ์แทนโจทก์ได้การที่โจทก์เดินทางกลับจากการสอนเสริมในต่างจังหวัดโดยเครื่องบินเที่ยวเช้าในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2543 ไม่ได้จนต้องเดินทางโดยเครื่องบินเที่ยวบ่าย ทำให้ยื่นอุทธรณ์ไม่ทัน เป็นข้อบกพร่องของโจทก์เอง ไม่ใช่เหตุสุดวิสัยที่ศาลจะอนุญาตให้โจทก์ขยายระยะเวลาอุทธรณ์ที่ยื่นในวันที่ 29 กุมภาพันธ์2543 อีกได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5150/2543 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแจ้งวันนัดฟังคำพิพากษาและการรับทราบคำพิพากษาในคดีแรงงาน การไม่ติดตามคดีถือเป็นความบกพร่องของผู้ฟ้อง
ศาลแรงงานกลางนัดฟังคำพิพากษาและได้ปิดประกาศแจ้งวันนัดฟังคำพิพากษาให้โจทก์ทราบที่หน้าศาลโดยให้มีผลทันทีแล้วตาม พ.ร.บ.จัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522 มาตรา 25, 26 จึงต้องถือว่าโจทก์ได้ทราบวันนัดฟังคำพิพากษาตั้งแต่วันดังกล่าวแล้ว เมื่อโจทก์ไม่ไปฟังคำพิพากษาในวันนัดและศาลแรงงานกลางได้อ่านคำพิพากษาให้จำเลยฟังโดยจดแจ้งไว้ในรายงานกระบวนพิจารณาว่า ถือว่าโจทก์ทราบคำพิพากษาตามกฎหมายแล้ว จึงต้องถือว่าได้มีการอ่านคำพิพากษาให้โจทก์ฟังแล้วในวันนั้น ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 140 ประกอบ พ.ร.บ.จัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522 มาตรา 31 โจทก์จะอ้างว่ายังไม่ทราบคำพิพากษาไม่ได้
โจทก์ไม่ติดตามตรวจสอบว่าศาลแรงงานกลางได้มีคำพิพากษาแล้วหรือไม่ เมื่อใด เพราะเข้าใจว่าช่วงนั้นศาลแรงงานกลางมีงานเกี่ยวกับการพิพากษาคดีจำนวนมาก ก็ถือว่าเป็นความผิดหรือบกพร่องของโจทก์เอง ไม่ใช่ความจำเป็นและเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมที่ศาลจะพึงขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์ให้แก่โจทก์
โจทก์ไม่ติดตามตรวจสอบว่าศาลแรงงานกลางได้มีคำพิพากษาแล้วหรือไม่ เมื่อใด เพราะเข้าใจว่าช่วงนั้นศาลแรงงานกลางมีงานเกี่ยวกับการพิพากษาคดีจำนวนมาก ก็ถือว่าเป็นความผิดหรือบกพร่องของโจทก์เอง ไม่ใช่ความจำเป็นและเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมที่ศาลจะพึงขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์ให้แก่โจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1607/2540
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจำหน่ายคดีเนื่องจากไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาล: การพิจารณาพฤติการณ์แสดงเจตนาดำเนินคดีของผู้ฟ้อง
คดีนี้โจทก์ยื่นคำฟ้องวันที่ 14 สิงหาคม 2538 ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า รับคำฟ้อง หมายส่งสำเนาให้จำเลย ให้โจทก์นำส่งภายใน 5 วัน ถ้าส่งไม่ได้ให้โจทก์แถลงเพื่อดำเนินการต่อไปภายใน 15 วัน นับแต่วันส่งไม่ได้ หากไม่แถลงถือว่าโจทก์ทิ้งฟ้อง ต่อมาวันที่ 23 สิงหาคม 2538 ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าโจทก์ทิ้งฟ้องให้จำหน่ายคดี โดยปรากฏว่าก่อนศาลชั้นต้นสั่งว่าโจทก์ทิ้งฟ้องและจำหน่ายคดีนั้น โจทก์ยื่นคำแถลงลงวันที่ 22 สิงหาคม 2538 ต่อศาลชั้นต้น ขอให้ศาลชั้นต้นจัดส่งหมายเรียกให้แก่จำเลยที่ 1 ซึ่งแสดงว่าโจทก์ยังติดใจจะดำเนินคดีกับจำเลยที่ 1 นอกจากนี้โจทก์ยังได้เสียค่าธรรมเนียมต่อพนักงานเจ้าหน้าที่เพื่อให้ส่งหมายเรียกให้แก้คดีและสำเนาคำฟ้องแก่จำเลยที่ 3 ในวันยื่นคำฟ้องแล้ว ส่วนจำเลยที่ 2 นั้น โจทก์ได้ชำระค่าธรรมเนียมนำส่งหมายเรียกหลังจากวันฟ้องแล้วเพียง 8 วัน ก่อนที่ศาลชั้นต้นจะมีคำสั่งจำหน่ายคดี ซึ่งแสดงว่าโจทก์ยังติดใจดำเนินคดีต่อไปอีกเช่นกัน จึงเป็นพฤติการณ์ที่ยังไม่สมควรจำหน่ายคดีโจทก์ซึ่งเพิ่งยื่นฟ้องได้เพียง 8 วัน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5400/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หน้าที่การนำสืบพยานในคดีที่พิพาทเรื่องการครอบครองที่ดิน: ผู้ฟ้องต้องพิสูจน์ข้ออ้างของตนเอง
โจทก์ฟ้องเรียกที่ดินคืนจากจำเลยทั้งสองโดยอ้างว่าโจทก์มอบที่ดินให้จำเลยทั้งสองทำกินต่างดอกเบี้ย จำเลยทั้งสองให้การต่อสู้ว่า โจทก์ขายที่พิพาทให้จำเลยทั้งสองแล้ว ถือว่าจำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธโดยมิได้ตั้งประเด็นขึ้นมาใหม่เพราะข้อเท็จจริงที่ว่าโจทก์ขายที่ดินให้จำเลยทั้งสองแล้วนั้นเป็นเพียงเหตุผลของการปฏิเสธ โจทก์ต้องมีหน้าที่นำสืบข้อเท็จจริงเพื่อสนับสนุนข้ออ้างตามคำฟ้องของโจทก์ที่ว่า โจทก์มอบที่พิพาทให้จำเลยทั้งสองทำกินต่างดอกเบี้ย ไม่ใช่เป็นหน้าที่ของจำเลยทั้งสองที่จะต้องนำสืบพิสูจน์ว่าลายมือผู้ขายในสัญญาขายที่พิพาทเป็นของโจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4421/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาประนีประนอมยอมความและผลกระทบต่อการดำเนินคดีอาญา: ภาระการพิสูจน์ของผู้ฟ้อง
ฟ้องว่าจำเลยกระทำผิดพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค เมื่อสืบพยานโจทก์เสร็จแล้วคดีอยู่ระหว่างสืบพยานจำเลยจำเลยส่งหนังสือสัญญาประนีประนอมยอมความระหว่างโจทก์ร่วมกับจำเลยต่อศาลและแถลงว่าสิทธินำคดีอาญามาฟ้องของโจทก์ระงับไปแล้ว โจทก์ร่วมรับว่าทำสัญญาประนีประนอมยอมความดังกล่าวจริง แต่ทำด้วยความสำคัญผิดแต่โจทก์ก็ไม่ได้แถลงขอสืบพยานเพิ่มเติมเกี่ยวกับความสมบูรณ์ของสัญญาประนีประนอมยอมความดังกล่าวโดยที่ภาระการพิสูจน์ตกแก่โจทก์ เมื่อโจทก์ไม่สืบพยานให้เห็นว่าทำสัญญานั้นโดยสำคัญผิดก็ต้องฟังว่าสัญญานั้นสมบูรณ์
การยอมความกันโดยชอบด้วยกฎหมายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(2) นั้น ไม่จำเป็นต้องกระทำต่อหน้าศาลเสมอไปอาจกระทำกันนอกศาลก็ได้แต่กรณีที่โจทก์ไม่นำสืบให้เห็นว่าผู้เสียหายหรือโจทก์ร่วมถูกหลอกให้ทำสัญญา และไม่นำสืบให้เห็นว่าผู้เสียหายหรือโจทก์ร่วมไม่ยอมรับข้อสัญญาโดยที่ภาระการพิสูจน์ตกแก่โจทก์จึงต้องฟังว่าสัญญาประนีประนอมยอมความระหว่างโจทก์ร่วมกับจำเลยชอบด้วยกฎหมายแล้ว
การยอมความกันโดยชอบด้วยกฎหมายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(2) นั้น ไม่จำเป็นต้องกระทำต่อหน้าศาลเสมอไปอาจกระทำกันนอกศาลก็ได้แต่กรณีที่โจทก์ไม่นำสืบให้เห็นว่าผู้เสียหายหรือโจทก์ร่วมถูกหลอกให้ทำสัญญา และไม่นำสืบให้เห็นว่าผู้เสียหายหรือโจทก์ร่วมไม่ยอมรับข้อสัญญาโดยที่ภาระการพิสูจน์ตกแก่โจทก์จึงต้องฟังว่าสัญญาประนีประนอมยอมความระหว่างโจทก์ร่วมกับจำเลยชอบด้วยกฎหมายแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2938/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดในความเสียหายต่อรถยนต์ แม้ผู้ขับไม่ใช่ผู้ฟ้อง
โจทก์ฟ้องจำเลยให้รับผิดฐานละเมิด เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยกระทำละเมิดต่อโจทก์โดยทำให้รถยนต์ของโจทก์เสียหายจริง จำเลยก็ต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่โจทก์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 420 การที่โจทก์ฟ้องว่าโจทก์เป็นผู้ขับรถเองและได้รับบาดเจ็บแต่ทางพิจารณาได้ความว่าผู้อื่นเป็นผู้ขับ และโจทก์มิได้โดยสารไปด้วยไม่เป็นข้อแตกต่างสำคัญที่จะให้ยกฟ้องได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1334/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หน้าที่การนำสืบในคดีภาษี: ผู้ฟ้องต้องพิสูจน์ความไม่ถูกต้องของการประเมินภาษี
ตามประมวลรัษฎากร ให้เจ้าพนักงานประเมินมีอำนาจแก้จำนวนเงินที่ประเมินแล้วแจ้งให้เสียภาษีเพิ่มได้ตามวิธีการที่กฎหมายบัญญัติไว้ ผู้รับแจ้งมีหน้าที่ต้องชำระเงินตามที่เจ้าพนักงานแจ้งให้ทราบ เว้นแต่ผู้รับแจ้งจะได้อุทธรณ์หรือฟ้องต่อศาลแล้วกรรมการพิจารณาอุทธรณ์หรือศาลจะมีคำวินิจฉัยหรือคำพิพากษาเป็นอย่างอื่น ฉะนั้น เมื่อโจทก์นำคดีมาฟ้องก็ย่อมเป็นการกล่าวอ้างว่า การเรียกเก็บภาษีของจำเลยซึ่งมีผลอยู่นั้นเป็นการไม่ถูกต้อง จึงเป็นหน้าที่ของโจทก์จะต้องนำสืบว่าเป็นจริงดังที่โจทก์กล่าวอ้าง โจทก์จึงมีหน้าที่นำสืบก่อน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 620/2486
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำสั่งศาลระหว่างพิจารณาคดีมรดก: ความสมบูรณ์ของพินัยกรรมและการสั่งให้เป็นผู้ฟ้อง
ผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้ศาลสั่งตั้งผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดก มีผู้คัดค้านขึ้นมาโดยอ้างว่าพินัยกรรมที่ผู้ร้องอ้างนั้นไม่สมบูรณ์ ศาลชั้นต้นสั่งให้ผู้ร้องเป็นผู้ฟ้องคดี คำสั่งศาลเช่นนี้เป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาต้องห้ามมิให้อุทธรณ์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 349/2472
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผู้ฟ้องต้องพิสูจน์การบุกรุกที่ดินโดยระบุเนื้อที่เสียหาย หากไม่สามารถพิสูจน์ได้ ฟ้องไม่ชนะ
ผู้ฟ้องหาว่าเขาบุกรุกที่ดินของตนต้องนำสืบว่าเขารุกเข้ามาเท่าใด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 470/2562
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำฟ้องที่ผู้ฟ้องลงลายมือชื่อเอง แม้ไม่มีชื่อผู้เรียงฟ้อง ก็ถือเป็นฟ้องที่สมบูรณ์ ไม่กระทบต่อความสงบเรียบร้อย
ขณะโจทก์ฟ้องคดีไม่ได้แต่งตั้งทนายความช่วยดำเนินคดี โจทก์ลงชื่อเป็นโจทก์ด้วยตนเอง และมีชื่อโจทก์กับลายมือชื่อโจทก์เป็นผู้เขียนหรือพิมพ์ด้วย จึงพอฟังได้ว่าโจทก์เป็นผู้เรียงฟ้องดังกล่าว แม้โจทก์ไม่ได้ลงชื่อในช่องผู้เรียง ก็ยังไม่ถึงกับกระทบต่อความสงบเรียบร้อยของประชาชนจนต้องยกฟ้องโจทก์
คดีมีประเด็นพิพาทในชั้นฎีกาเพียงว่าฟ้องโจทก์เป็นฟ้องที่พึงรับพิจารณาให้หรือไม่ ซึ่งเป็นปัญหาข้อกฎหมาย เป็นคดีไม่มีทุนทรัพย์ เสียค่าขึ้นศาลชั้นฎีกา 200 บาท
คดีมีประเด็นพิพาทในชั้นฎีกาเพียงว่าฟ้องโจทก์เป็นฟ้องที่พึงรับพิจารณาให้หรือไม่ ซึ่งเป็นปัญหาข้อกฎหมาย เป็นคดีไม่มีทุนทรัพย์ เสียค่าขึ้นศาลชั้นฎีกา 200 บาท