คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ผู้มีสิทธิ

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 36 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5241/2548

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิร้องขอตั้งผู้จัดการมรดก: ผู้มีส่วนได้เสียไม่จำกัดเฉพาะทายาท แต่รวมถึงผู้มีสิทธิในทรัพย์มรดก
ผู้มีส่วนได้เสียที่จะร้องขอให้ตั้งผู้จัดการมรดกตาม ป.พ.พ. มาตรา 1713 วรรคหนึ่ง หาจำต้องมีส่วนได้เสียในทรัพย์มรดกของผู้ตายโดยเป็นทายาทของผู้ตายทุกกรณีไม่ เมื่อผู้ร้องอ้างว่าผู้ร้องมีชื่อถือกรรมสิทธิ์ร่วมกับ อ. ในที่ดินที่เป็นทรัพย์มรดกของ อ. หากข้อเท็จจริงรับฟังได้ดังนั้น ผู้ร้องก็ย่อมมีผลประโยชน์เกี่ยวข้องในที่ดินดังกล่าว ถือได้ว่าเป็นผู้มีส่วนได้เสียในทรัพย์มรดกของ อ. และมีสิทธิร้องขอเป็นผู้จัดการมรดกของ อ. ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5149/2543

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาตามบัตรรางวัล แม้สลากหาย ผู้มีสิทธิยังคงได้รับรางวัลตามคำมั่น
จำเลยได้ออกสลากรางวัล โดยมีข้อความแสดงคำมั่นจะให้รางวัลแก่ผู้ถูกรางวัล จำเลยจึงต้องผูกพันตาม คำมั่นของตนตาม ป.พ.พ. มาตรา 362 เมื่อโจทก์เป็นผู้ถูกรางวัล ถึงแม้โจทก์จะได้ทำสลากดังกล่าวหายไป โจทก์ก็ยังคงเป็นผู้มีสิทธิได้รับรางวัลตามคำมั่นของจำเลย ส่วนการที่สลากรางวัลดังกล่าว มีข้อความว่า ผู้ถือสลากเท่านั้น จึงจะมีสิทธิรับรางวัลได้ ก็เป็นเพียงเงื่อนไขที่กำหนดขึ้นเพื่อให้จำเลยมีหลักฐานในการจ่ายรางวัลให้แก่ผู้ถูกรางวัลเท่านั้น เงื่อนไขดังกล่าวจะนำมาจำกัดตัดสิทธิโจทก์ผู้มีสิทธิได้รับรางวัลตามกฎหมายหาได้ไม่ โจทก์จึงมีสิทธิได้รับรางวัลจากจำเลยตามคำมั่นของจำเลย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1999/2543 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิอุทธรณ์/ฟ้องคดีค่าทดแทนเวนคืน: สงวนสำหรับผู้มีสิทธิรับเงินเท่านั้น การฎีกาเพื่อโต้แย้งมติของตนเองไม่มีสิทธิ
สิทธิที่จะอุทธรณ์ต่อรัฐมนตรีว่าคณะกรรมการกำหนดราคาเบื้องต้นฯกำหนดเงินค่าทดแทนอสังหาริมทรัพย์ไม่ถูกต้อง และสิทธิที่จะฟ้องคดีต่อศาลว่าคำวินิจฉัยของรัฐมนตรีตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ.2530 มาตรา 25ไม่ถูกต้อง เป็นสิทธิของผู้มีสิทธิได้รับเงินค่าทดแทนตาม มาตรา 18 เท่านั้น เมื่อการเวนคืนที่ดินของโจทก์คณะกรรมการกำหนดราคาเบื้องต้นฯ ไม่ได้มีมติว่าที่ดินของโจทก์ที่เหลือจากการเวนคืนมีราคาสูงขึ้นให้เอาราคาที่สูงขึ้นนั้นหักออกจากเงินค่าทดแทนที่ดินของโจทก์ที่ถูกเวนคืน จำเลยทั้งสองจึงไม่มีสิทธิฎีกาขอให้เอาราคาที่ดินของโจทก์ที่เหลือจากการเวนคืนซึ่งมีราคาสูงขึ้นมาหักออกจากเงินค่าทดแทนที่ดินของโจทก์ที่ถูกเวนคืนเพราะเป็นการฎีกาโต้แย้งคำวินิจฉัยของฝ่ายตนเอง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5613/2540 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิภารยทรัพย์และการกระทำของผู้มีสิทธิในการรักษาสิทธิในทางพิพาท
ปัญหาตามฎีกาของโจทก์ว่า อุทธรณ์ของจำเลยต้องห้ามอุทธรณ์ตาม ป.วิ.พ.มาตรา 224 หรือไม่ แม้เป็นข้อกฎหมายที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ แต่เป็นเรื่องอำนาจฟ้องซึ่งเป็นปัญหาเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลฎีกาจึงรับวินิจฉัยให้
จำเลยอุทธรณ์คำพิพากษาศาลชั้นต้นที่ให้จำเลยรื้อเหล็กปิดกั้นซอย 1 และซอย 4 ในหมู่บ้านเมืองทองนิเวศน์ 2 โครงการ 3 ห้ามขัดขวางรบกวนการใช้ซอยดังกล่าวของโจทก์ ซึ่งเป็นคำขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันไม่อาจคำนวณเป็นราคาเงินได้หรือเป็นคดีไม่มีทุนทรัพย์ จึงไม่ต้องห้ามอุทธรณ์ในข้อเท็จจริงตาม ป.วิ.พ.มาตรา 224 วรรคสอง
การที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยรับฟังข้อเท็จจริงว่า โจทก์ใช้รถยนต์บรรทุกขนาดใหญ่จำนวนมากบรรทุกสินค้าเข้าออกผ่านทางพิพาท เป็นที่เห็นได้ว่าทางพิพาทจะชำรุดเสียหาย ไม่สะดวกและน่าเป็นอันตรายต่อผู้อื่นที่ใช้ทาง เสียงเครื่องยนต์รถยนต์บรรทุก กรรมกรบนรถยนต์บรรทุก ควันเสียจากรถยนต์บรรทุก รบกวนสร้างความเดือดร้อนแก่ผู้อยู่ในหมู่บ้าน เป็นข้อเท็จจริงที่ปรากฏอยู่ในชั้นไต่สวนคำร้องที่จำเลยขอให้เพิกถอนคำสั่งศาลชั้นต้นที่อนุญาตให้คุ้มครองชั่วคราวก่อนพิพากษาในเหตุฉุกเฉินตามคำขอของโจทก์ ซึ่งถือได้ว่าเป็นข้อเท็จจริงในสำนวน หาใช่เป็นการคาดคะเนหรือเป็นข้อเท็จจริงนอกสำนวนไม่
ทางพิพาทเป็นถนนส่วนบุคคลเป็นของจำเลยที่ 1 และเป็นภาระจำยอมแก่ที่ดินของโจทก์ที่ 2 โจทก์ที่ 3 กับจำเลยที่ 2 ถึงที่ 15 และการที่โจทก์ที่ 2 กับโจทก์ที่ 3 ซื้อที่ดินจัดสรรเพื่ออยู่อาศัยจากจำเลยที่ 1 โดยให้สัญญาว่าต้องใช้ประโยชน์แห่งที่ดินและอาคารในทางที่ไม่เป็นการละเมิดต่อกฎหมายและไม่เป็นการรบกวนปกติสุขของผู้อยู่ข้างเคียงหรือสังคม แต่โจทก์ที่ 2 กับโจทก์ที่ 3 กลับให้โจทก์ที่ 1 ใช้ทางพิพาทในลักษณะผิดข้อสัญญาดังกล่าว และโจทก์ทั้งสามในฐานะเจ้าของสามยทรัพย์ได้ร่วมกันใช้ทางพิพาทซึ่งเป็นภารยทรัพย์ในลักษณะเกินขอบเขตปกติแห่งการใช้รถยนต์สัญจรไปมาเข้าออกบนทางพิพาท ซึ่งถือได้ว่าทำการเปลี่ยนแปลงในภารยทรัพย์อันทำให้เกิดภาระเพิ่มขึ้นแก่ภารยทรัพย์ ย่อมเป็นการกระทำโดยไม่มีสิทธิหรือไม่ชอบด้วย ป.พ.พ.มาตรา 1388 ดังนั้น การที่จำเลยที่ 1 ในฐานะเจ้าของภารยทรัพย์ และจำเลยที่ 2 ถึงที่ 15 ในฐานะเจ้าของสามยทรัพย์ได้ร่วมตั้งเสาทำคานปิดกั้นทางพิพาทมิให้รถยนต์บรรทุกขนาดใหญ่ผ่านเข้าออก ส่วนรถยนต์นั่ง รถยนต์บรรทุกเล็กผ่านไปมาได้ มิได้ห้ามหรือปิดกั้นไม่ให้โจทก์ทั้งสามใช้ทางพิพาทเสียทีเดียว ย่อมเป็นการกระทำของผู้มีอำนาจในทางพิพาทในลักษณะปกติธรรมดาของการปกป้องเยียวยาต่อการกระทำอันไม่ชอบด้วยกฎหมายของโจทก์ทั้งสาม และเป็นการกระทำของเจ้าของสามยทรัพย์ซึ่งมีสิทธิทำการทุกอย่างอันจำเป็นเพื่อรักษาภาระจำยอม ตาม ป.พ.พ.มาตรา 1391 จึงถือว่าเป็นการกระทำโดยชอบ หาจำต้องถูกบังคับให้ต้องใช้สิทธิต่อพนักงานสอบสวนหรือศาลไม่ และการกระทำของจำเลยทั้งสิบห้าดังกล่าวก็ไม่เป็นการประกอบกรรมใด ๆอันจะเป็นเหตุให้ประโยชน์แห่งภาระจำยอมลดไปหรือเสื่อมความสะดวกตามป.พ.พ.มาตรา 1390 ดังนั้น จำเลยทั้งสิบห้าจึงมิได้กระทำละเมิดต่อโจทก์ทั้งสาม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5512/2540

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจัดการมรดก: ผู้มีสิทธิรับมรดกและการแต่งตั้งผู้จัดการมรดก
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งตั้งผู้ร้องซึ่งเป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายของผู้ตายที่เกิดกับ ต. เป็นผู้จัดการมรดกผู้ตายผู้คัดค้านยื่นคำร้องว่าผู้คัดค้านเป็นภริยาโดยชอบด้วยกฎหมายของผู้ตาย ผู้ตายทำพินัยกรรมยกทรัพย์สินให้ผู้คัดค้านเพียงผู้เดียวและตั้งผู้คัดค้านเป็นผู้จัดการมรดก ดังนี้เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าผู้ตายมิได้ทำพินัยกรรมไว้เช่นนี้ที่ศาลล่างทั้งสองมีคำสั่งตั้งผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตายแต่ผู้เดียวจึงชอบแล้ว ส่วนที่ผู้คัดค้านขอให้ตั้งผู้คัดค้านเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตายร่วมกับผู้ร้องนั้นเมื่อผู้คัดค้านไม่ได้ขอมาในคำคัดค้านก็ถือว่าเป็นข้อที่ไม่ได้ว่ากันมาในศาลชั้นต้น ศาลฎีกาจึงไม่รับวินิจฉัย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7000/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิครอบครองที่ดิน: น.ส.3 ก. และ น.ส.3 ทับซ้อน - ผู้มีสิทธิที่แท้จริง
เมื่อจำเลยเป็นผู้มีสิทธิครอบครองที่ดิน จำเลยย่อมมีสิทธิขอออกน.ส.3 ก. ในที่ดินที่จำเลยมีสิทธิครอบครองได้ การที่นายอำเภอออก น.ส.3 ก.ในที่ดินแปลงดังกล่าวให้แก่จำเลยจึงตรงกับสิทธิครอบครองที่ดินของจำเลย แม้โจทก์จะมีชื่อเป็นผู้มีสิทธิครอบครองที่ดินใน น.ส.3 ของโจทก์ ซึ่งรวมทั้งที่ดินส่วนที่จำเลยมีสิทธิครอบครองดังกล่าวมาก่อนที่นายอำเภอจะได้ออก น.ส.3 ก. ให้แก่จำเลยก็ตาม แต่โจทก์ก็หาได้เป็นผู้มีสิทธิครอบครองที่ดินส่วนที่นายอำเภอได้ออกน.ส.3 ก. ของจำเลยไม่ การที่โจทก์ยังมีชื่อใน น.ส.3 ของโจทก์ว่าเป็นผู้มีสิทธิครอบครองที่ดินส่วนนี้อยู่ด้วยย่อมไม่ถูกต้อง ดังนี้จำเลยย่อมมีสิทธิขอให้เพิกถอนน.ส.3 ของโจทก์ในส่วนที่ทับกับที่ดินตาม น.ส.3 ก. ของจำเลยเพื่อให้ถูกต้องกับความเป็นจริงที่จำเลยเป็นผู้มีสิทธิครอบครองที่ดินดังกล่าวได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5575/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิในการคัดค้านคำสั่งริบทรัพย์ในคดียาเสพติด: ผู้มีสิทธิคือผู้คัดค้านคำขอริบเท่านั้น
ผู้ที่จะขอให้ศาลอุทธรณ์หรือศาลฎีกาพิพากษากลับหรือแก้คำสั่งของศาลชั้นต้นที่ให้ริบทรัพย์ตกเป็นของกองทุนป้องกันและปราบปรามยาเสพติดตามคำขอของโจทก์ตามพระราชบัญญัติมาตรการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดพ.ศ.2534มาตรา30,31คือผู้คัดค้านคำขอซึ่งอ้างว่าเป็นเจ้าของทรัพย์สินนั้นเมื่อบุคคลดังกล่าวมิได้ยื่นอุทธรณ์หรือฎีกาจำเลยซึ่งมิได้ร้องคัดค้านคำขอของโจทก์จึงไม่มีสิทธิยื่นอุทธรณ์และฎีกาเกี่ยวกับเรื่องนี้การที่ศาลชั้นต้นสั่งรับอุทธรณ์และศาลอุทธรณ์วินิจฉัยให้จึงไม่ชอบ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2686/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิบังคับคดีเหนือทรัพย์สินที่ถูกยึดก่อน: สิทธิจากการบังคับตามคำพิพากษา vs. สิทธิของผู้มีสิทธิบังคับตามกฎหมาย
แม้โจทก์ได้นำยึดที่ดินพิพาทไว้ก่อนแต่เมื่อศาลพิพากษาให้จำเลยที่1จดทะเบียนขายที่ดินพิพาทให้แก่ผู้ร้องก็ถือว่าผู้ร้องมีสิทธิตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1300โจทก์ไม่มีสิทธินำยึดที่ดินพิพาทผู้ร้องย่อมใช้สิทธิตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา287ร้องขอให้เพิกถอนการยึดของโจทก์ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 230-231/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดทางละเมิดจากอุบัติเหตุทางรถยนต์, อายุความ, และสิทธิเรียกร้องค่าเสียหายของผู้เสียหายและผู้มีสิทธิได้รับค่าอุปการะ
โจทก์ร่วมซึ่งเป็นมารดาผู้ตายจะมีสิทธิได้รับค่าอุปการะเลี้ยงดูจากผู้ตายหรือไม่อย่างไรเป็นสิทธิเฉพาะตัวของโจทก์ร่วมไม่เกี่ยวกับสิทธิของโจทก์ที่1ซึ่งเป็นบิดาของผู้ตายและได้ฟ้องคดีเรียกค่าสินไหมทดแทนจากจำเลยในมูลละเมิดไปแล้วหากโจทก์ร่วมจะฟ้องคดีเองโจทก์ร่วมจะต้องฟ้องภายในอายุความการที่โจทก์ร่วมยื่นคำร้องขอเข้าเป็นโจทก์ร่วมมีผลเสมือนเป็นการฟ้องคดีเมื่อนับจากวันเกิดเหตุเป็นเวลาเกิน1ปีแล้วคดีของโจทก์ร่วมจึงขาดอายุความ เหตุที่รถชนกันเกิดจากความประมาทเลินเล่อของผู้ตายและ ว.ลูกจ้างจำเลยไม่ยิ่งหย่อนกว่ากันโจทก์ที่1ซึ่งเป็นบิดาของผู้ตายจึงไม่มีสิทธิเรียกค่าเสียหายจากจำเลยได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1170/2537 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องคดีอาญาเกี่ยวกับทรัพย์มรดก: ผู้มีสิทธิรับมรดกตามพินัยกรรม
ข้อความตามพินัยกรรม เอกสารหมาย จ.2 ระบุว่า ตั้งนางจรรยา ส.ตันสกุล ซึ่งเป็นมารดาของจำเลยเป็นผู้จัดการมรดก และระบุให้อำนาจผู้จัดการมรดกจัดแบ่งทรัพย์มรดก ส่วนที่เหลืออีก 1 ส่วน แก่ผู้อยู่ในสกุลส.ตันสกุล ตามแต่ผู้จัดการมรดกจะเห็นสมควร โจทก์จึงมิได้เป็นผู้มีสิทธิได้รับมรดกตามพินัยกรรม และจำเลยไม่ได้เป็นผู้จัดการมรดกของเจ้ามรดก โจทก์จึงไม่ใช่ผู้เสียหายที่จะมีอำนาจฟ้องจำเลยในความผิดเกี่ยวกับการยักยอกทรัพย์มรดกได้ ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 2 (4)
of 4