คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ผู้รับเช็ค

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 47 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4396/2541

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องเช็คพิพาท: ผู้รับเช็คมีหน้าที่มอบหมายให้เรียกเก็บเงินแทนได้ และเช็คมีมูลหนี้บังคับได้ตามกฎหมาย
เช็คพิพาทมีมูลหนี้เดิมมาจากการซื้อขายที่ดินซึ่งโจทก์กับว. เป็นหุ้นส่วนขายที่ดินให้แก่จำเลย บุคคลทั้งสองจึงต่างมีสิทธิ และมีผลประโยชน์ร่วมกันในเงินค่าที่ดิน แต่หนี้ดังกล่าวได้แปลงหนี้ เป็นหนี้เงินกู้ยืม โดยโจทก์เป็นเจ้าหนี้ผู้ให้กู้และจำเลยออกเช็ค เพื่อชำระหนี้รายนี้ ดังนั้น การที่ว.นำเช็คพิพาทไปเข้าบัญชีของตนเพื่อเรียกเก็บเงินตามเช็คพิพาทเชื่อได้ว่าโจทก์มอบเช็คพิพาท ให้ว. กระทำการดังกล่าวแทนโจทก์ตามหน้าที่ของตนเท่านั้นโจทก์จึงเป็นผู้เสียหายและมีอำนาจฟ้องคดีนี้ เช็คพิพาทเป็นเช็คที่มีมูลหนี้เดิมมาจากจำเลยซื้อที่ดินของโจทก์ แล้วมีการแปลงหนี้เป็นหนี้เงินกู้ยืมตามสัญญาเงินกู้และค้ำประกัน ต่อมาจำเลยได้ออกเช็คพิพาทเพื่อชำระหนี้ดังกล่าวรวมกับดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปี และค่าเสียหายตามที่ โจทก์จำเลยตกลงกัน แม้หลังจากนั้นจะมีการทำหนังสือสัญญาเงินกู้และค้ำประกันก็เพื่อให้มีหลักฐานมั่นคงยิ่งขึ้นเท่านั้น การออกเช็คพิพาทของจำเลยจึงเป็นการออกเช็คเพื่อชำระหนี้ ที่มีอยู่จริงและบังคับได้ตามกฎหมาย หาใช่ขณะที่จำเลยออกเช็คพิพาทให้โจทก์ยังไม่มีหนี้ต่อกันไม่ เมื่อโจทก์มอบให้ว.นำเช็คพิพาทไปเรียกเก็บเงินแทนโจทก์ แต่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินจำเลยผู้ออกเช็คจึงมีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คฯ มาตรา 4

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2767/2541

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดเช็ค: จำเลยต้องพิสูจน์หนี้ระหว่างจำเลยกับผู้รับเช็คก่อน จึงจะถือว่าออกเช็คเพื่อชำระหนี้ที่มีอยู่จริง
องค์ประกอบความผิดตามมาตรา 4 แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2534 จะต้องเป็นการออกเช็คเพื่อชำระหนี้ ที่มีอยู่จริงและบังคับได้ตามกฎหมายเท่านั้น เมื่อ ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า จำเลยได้สั่งจ่ายเช็คพิพาทให้แก่ ช.แล้วช.นำเช็คพิพาทมามอบให้แก่โจทก์อีกต่อหนึ่งเมื่อมิใช่เป็นกรณีที่จำเลยได้สั่งจ่ายเช็คพิพาทให้แก่โจทก์โดยตรงโจทก์จึงต้องมีหน้าที่นำสืบพิสูจน์ให้ปรากฏข้อเท็จจริงว่าจำเลยสั่งจ่ายเช็คพิพาทให้แก่ ช. เพื่อชำระหนี้อย่างใดอย่างหนึ่งที่จำเลยมีต่อช. อันเป็นหนี้ที่มีอยู่จริงและบังคับได้ตามกฎหมายหากพยานหลักฐานของโจทก์ไม่มีน้ำหนักพอฟังว่าจำเลยได้สั่งจ่ายเช็คพิพาทให้แก่ช.เพื่อชำระหนี้ที่มีอยู่จริงและบังคับได้ตามกฎหมายการกระทำของจำเลยย่อมไม่เป็นความผิด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6339/2539

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความฟ้องไล่เบี้ยเช็ค: สิทธิของผู้สลักหลังหลังรับเช็คคืนจากธนาคาร
เช็คพิพาทเป็นเช็คระบุชื่อย่อมโอนให้กันได้ด้วยสลักหลังและส่งมอบ โจทก์สลักหลังเช็คพิพาทแล้วส่งมอบให้ธนาคารก.เพื่อขายลดเช็ค ย่อมโอนไปซึ่งบรรดาสิทธิอันเกิดแต่เช็คนั้นธนาคารก. จึงเป็นผู้ทรงเช็คโดยชอบ และเมื่อนำเช็คไปเรียกเก็บเงินจึงมิใช่การเรียกเก็บเงินในฐานะที่โจทก์ยังเป็นผู้ทรงเช็คอยู่ครั้นเมื่อธนาคารตามเช็คปฏิเสธการจ่ายเงินโจทก์ได้ชำระเงินตามเช็คให้ธนาคารก.และรับเช็คพิพาทคืนมาโจทก์จึงอยู่ในฐานะผู้สลักหลังหาใช่ผู้ทรงเช็ค ขณะนั้นไม่จึงต้องฟ้องไล่เบี้ยเอาแก่จำเลยซึ่งเป็นผู้สั่งจ่ายภายในเวลา 6 เดือนนับแต่วันที่โจทก์เข้าถือเอาเช็คพิพาทและใช้เงิน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8080/2538 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หนี้หลังล้มละลายเป็นโมฆะ ผู้รับเช็คไม่มีสิทธิเรียกร้อง ผู้ฟ้องไม่มีอำนาจฟ้อง
มูลแห่งหนี้ตามเช็คพิพาทเกิดขึ้นหลังวันที่ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์จำเลยเด็ดขาดแล้ว จึงไม่อยู่ในบทบังคับตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 91 แต่เป็นเรื่องที่จำเลยกระทำการฝ่าฝืนพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483มาตรา 24 ด้วยการออกเช็คพิพาทชำระหนี้แก่โจทก์ร่วมมูลแห่งหนี้ตามเช็คพิพาทจึงเป็นโมฆะ โจทก์ร่วมไม่มีสิทธินำเช็คพิพาทไปยื่นเพื่อให้ธนาคารใช้เงินโดยชอบด้วยกฎหมาย เมื่อธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินโจทก์ร่วมจึงไม่ใช่ผู้ได้รับ ความเสียหายเนื่องจากการกระทำผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2534 โจทก์ร่วมจึงไม่เป็นผู้เสียหาย ไม่มีอำนาจร้องทุกข์คดีความผิดต่อส่วนตัวได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8070/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องเช็ค – ผู้ทรงเช็ค vs. ผู้รับเช็ค - การโอนเช็คมีผลต่ออำนาจฟ้องหรือไม่
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลย 8 เดือน ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำคุก 3 เดือน เป็นการแก้ไขเล็กน้อยและโทษจำคุกจำเลยไม่เกินห้าปี ต้องห้ามมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 218วรรคหนึ่ง ที่จำเลยฎีกาว่า โจทก์มิได้ฝากเช็คพิพาทให้ ก.ไปเบิกเงินแทน แต่เป็นการโอนเช็คพิพาทให้แก่ ก.เพราะ ก.ได้ครอบครองเช็คพิพาท และได้ใช้สิทธิทวงถามให้จำเลยชำระหนี้เรื่อยมาเป็นเวลานาน ก.จึงเป็นผู้ทรงเช็คพิพาท โจทก์ไม่ใช่ผู้เสียหาย ไม่มีอำนาจฟ้อง เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามมิให้ฎีกาตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายดังกล่าว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2384/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การชำระหนี้เช็ค: ศาลต้องรับฟังพยานบุคคลสนับสนุนการชำระหนี้ แม้โจทก์ฟ้องในฐานะผู้รับเช็ค
โจทก์ฟ้องให้จำเลยรับผิดตามเช็คหาใช่ฟ้องจำเลยให้รับผิดชำระเงินตามสัญญากู้ยืมเงินมีหลักฐานเป็นหนังสืออันจะนำการใช้เงินได้ต่อเมื่อมีหลักฐานเป็นหนังสืออย่างใดอย่างหนึ่งลงลายมือชื่อผู้ให้ยืมมาแสดงหรือเอกสารอันเป็นหลักฐานแห่งการกู้ยืมนั้นได้เวนคืนแล้วหรือได้แทงเพิกถอนลงในเอกสารนั้นแล้วจึงจะรับฟังข้อเท็จจริงได้ตามที่ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา653บัญญัติไว้แต่อย่างใดจำเลยย่อมนำสืบด้วยพยานบุคคลว่าได้ชำระเงินตามเช็คให้แก่โจทก์ครบถ้วนแล้วได้ ศาลอุทธรณ์ไม่วินิจฉัยคำเบิกความของจำเลยและพยานจำเลยว่ามีน้ำหนักรับฟังได้หรือไม่โดยอ้างข้อกฎหมายตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา653แล้วสรุปว่าฟังไม่ได้ว่าจำเลยได้ชำระหนี้เช็คพิพาทให้โจทก์เป็นการรับฟังพยานหลักฐานที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายศาลฎีกามีอำนาจวินิจฉัยข้อเท็จจริงให้เสียใหม่โดยไม่ต้องย้อนสำนวนไปให้ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยอีก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 595/2532 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การชำระหนี้ด้วยเช็คและการสละสิทธิทางอาญาของผู้รับเช็ค
จำเลยออกเช็ค ชำระหนี้แก่ภริยาโจทก์ ๓ ฉบับ ฉบับละ ๔๐,๐๐๐ บาทธนาคารปฏิเสธการจ่ายแล้ว ๒ ฉบับ ส่วนอีก ๑ ฉบับ คือเช็ค พิพาทยังไม่ถึงกำหนดใช้ เงิน ต่อมาจำเลยชำระเงินสด ๑๒,๐๐๐ บาท และชำระด้วย เช็ค ที่ ด. ออกและจำเลยสลักหลังจำนวน ๑๐๘,๐๐๐ บาท ตาม เช็คเอกสารหมาย จ.๘ แทนเช็ค ๓ ฉบับ เดิม แล้วขอเช็ค ๓ ฉบับ เดิม คืนภริยาโจทก์ยอมคืนให้ ๒ ฉบับ ส่วนเช็ค พิพาทไม่ยอมคืนให้ ต่อมาภริยาโจทก์นำเช็ค เอกสารหมาย จ.๘ ไปเรียกเก็บเงิน ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน ภริยาโจทก์นำเช็ค เอกสารหมาย จ.๘ ไปดำเนินคดี อาญาตาม พระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค แก่ ด.และจำเลยแล้ว พฤติการณ์ดังกล่าวแสดงว่าภริยาโจทก์ตกลง เข้าถือเอาสิทธิตาม เช็ค เอกสารหมาย จ.๘ แทนสิทธิที่มีอยู่ตาม เช็ค พิพาทเป็นการสละสิทธิหรือไม่ยึดถือสิทธิใด ๆ ที่มีอยู่ในเช็ค พิพาทอีกต่อไป รวมทั้งสิทธิที่จะดำเนินคดี อาญาแก่จำเลย หากธนาคารปฏิเสธการใช้ เงินตาม เช็ค พิพาทด้วย โจทก์ซึ่ง ทราบข้อตกลงระหว่างภรรยาโจทก์กับจำเลยดังกล่าวดี ได้ นำเช็ค พิพาทไปเรียกเก็บเงิน แม้ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินจำเลยก็ไม่มีความผิดตาม พระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1755/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การโอนสิทธิในเช็คและผู้เสียหายในความผิดยักยอก ผู้รับเช็คเป็นผู้เสียหาย ไม่ใช่ผู้สั่งจ่าย
โจทก์ออกเช็คชำระหนี้ค่าซื้อรถยนต์แก่ ว. โดยมอบเช็คนั้นให้แก่ ฮ. ตัวแทนของ ว. สิทธิในเช็คย่อมตกแก่ ว. แล้ว ตั้งแต่เวลาที่โจทก์มอบเช็คให้แก่ ฮ. โจทก์หามีสิทธิในเช็คดังกล่าวอีกต่อไปไม่ การที่ ฮ. ทำเช็คตกหายและมีผู้เก็บได้แล้วเบียดบังเป็นของตนโดยทุจริต โจทก์ก็ไม่ใช่ผู้เสียหายในความผิดฐานยักยอกตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 2 (4) จึงไม่มีอำนาจฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2651/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การระงับหนี้จากการใช้เช็คพิพาทโดยมีส่วนผิดของผู้รับเช็คทำให้เช็คสูญหาย
จำเลยทั้งสามซื้อพลอยจากโจทก์แล้วออกเช็คพิพาทลงวันที่ล่วงหน้าชำระหนี้ค่าพลอยให้โจทก์ ต่อมาเช็คนั้นหายไปจากความครอบครองของโจทก์และมีผู้แก้ไขวันออกเช็คและนำเช็คดังกล่าวเบิกเงินไปในบัญชีของจำเลยที่ธนาคารไป ดังนี้ เมื่อพฤติการณ์ของโจทก์มีส่วนทำให้เกิดกรณีเช็คพิพาทถูกลัก โจทก์มีส่วนผิดเป็นเหตุให้เช็คพิพาทหายไปและเช็คนั้นได้ใช้เงินแล้ว หนี้ที่จำเลยต้องชำระราคาพลอยให้แก่โจทก์ย่อมจะระงับไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 321 วรรคสาม จำเลยทั้งสามไม่ต้องรับผิดชำระค่าพลอยที่ซื้อไปจากโจทก์ให้แก่โจทก์อีก แม้เมื่อโจทก์ทราบว่าเช็คหายโจทก์ได้รีบบอกแก่จำเลยและธนาคารเพื่อไม่ให้ใช้เงินแล้ว แต่ปรากฏว่าโจทก์บอกกล่าวแก่จำเลยหลังจากที่มีการใช้เงินตามเช็คแล้ว การบอกกกล่าวจึงไม่เป็นประโยชน์แก่โจทก์
หมายเหตุ มติที่ประชุมใหญ่ครั้งที่ 3/2529

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2651/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เช็คพิพาทสูญหายจากความประมาทของผู้รับเช็ค หนี้ระงับตามกฎหมาย
จำเลยทั้งสามซื้อพลอยจากโจทก์แล้วออกเช็คพิพาทลงวันที่ล่วงหน้าชำระหนี้ค่าพลอยให้โจทก์ต่อมาเช็คนั้นหายไปจากความครอบครองของโจทก์และมีผู้แก้ไขวันออกเช็คและนำเช็คดังกล่าวเบิกเงินไปในบัญชีของจำเลยที่ธนาคารไปดังนี้เมื่อพฤติการณ์ของโจทก์มีส่วนทำให้เกิดกรณีเช็คพิพาทถูกลักโจทก์มีส่วนผิดเป็นเหตุให้เช็คพิพาทหายไปและเช็คนั้นได้ใช้เงินแล้วหนี้ที่จำเลยต้องชำระราคาพลอยให้แก่โจทก์ย่อมจะระงับไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา321วรรคสามจำเลยทั้งสามไม่ต้องรับผิดชำระค่าพลอยที่ซื้อไปจากโจทก์ให้แก่โจทก์อีกแม้เมื่อโจทก์ทราบว่าเช็คหายโจทก์ได้รีบบอกแก่จำเลยและธนาคารเพื่อไม่ให้ใช้เงินแล้วแต่ปรากฏว่าโจทก์บอกกล่าวแก่จำเลยหลังจากที่มีการใช้เงินตามเช็คแล้วการบอกกกล่าวจึงไม่เป็นประโยชน์แก่โจทก์ หมายเหตุมติที่ประชุมใหญ่ครั้งที่3/2529,5/2529.
of 5