คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ผู้โดยสาร

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 35 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5829/2549

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การสนับสนุนการขับรถโดยประมาท: ผู้โดยสารนั่งซ้อนท้ายช่วยรักษาสมดุลย์ถือเป็นความผิดสนับสนุน
การที่จำเลยที่ 2 และที่ 3 นั่งซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ที่จำเลยที่ 1 ขับ โดยนั่งโยกตัวไปมาเพื่อไม่ให้รถเสียหลักล้ม ย่อมเป็นการอำนวยความสะดวกให้จำเลยที่ 1 สามารถขับรถจักรยานยนต์ด้วยความเร็วสูงแซงซ้ายแซงขวารถคันอื่นในลักษณะน่าหวาดเสียว ซึ่งเป็นการขับรถที่ไม่คำนึงถึงความปลอดภัยหรือความเดือดร้อนของผู้อื่น ตามบทบัญญัติของ พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ.2522 มาตรา 43 (8) จำเลยที่ 2 และที่ 3 จึงมีความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิดของจำเลยที่ 1

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7133/2541

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดทางอาญาจากการที่ผู้โดยสารตกจากรถโดยสารประจำทาง: พิจารณาเหตุแห่งการกระทำ
โจทก์ร่วมลงจากรถโดยสารประจำทางในขณะที่รถยังเคลื่อนตัว ทำให้โจทก์ร่วมเสียหลักล้มลงได้รับอันตรายแก่กายสาหัส การได้รับอันตรายแก่กายของโจทก์ร่วมจึงเป็นเพราะโจทก์ร่วม ลงจากรถเอง มิใช่เพราะประตูรถคันเกิดเหตุที่จำเลยขับ ชำรุดปิดไม่ได้ จำเลยไม่ได้กระทำผิดฐานประมาทเป็นเหตุ ให้ผู้อื่นได้รับอันตรายแก่กายถึงสาหัส การที่โจทก์ร่วมเสียหลักล้มขณะลงจากรถโดยสารประจำทางคันเกิดเหตุมิใช่เกิดจากจำเลยไม่หยุดรถที่ป้ายจอดรถโดยสารประจำทางและเข้าเกียร์กระชากอย่างแรงตามที่โจทก์กล่าวอ้างจำเลยจึงไม่มีความผิดตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522มาตรา 43 ประกอบมาตรา 157 การที่โจทก์ร่วมเสียหลัก ล้มขณะลงมาจากรถโดยสารประจำทาง ศีรษะของโจทก์ร่วม ฟาดกับขอบพื้นทางเท้าและขาข้างซ้ายถูกล้อรถโดยสารประจำทางคันเกิดเหตุทับได้รับอันตรายสาหัสในทันที การที่จำเลยไม่แสดงตัวและไม่แจ้งเหตุต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ จึงไม่ใช่เหตุโดยตรงที่ทำให้โจทก์ร่วมได้รับอันตรายสาหัส จำเลยคงมีความผิดตามพระราชบัญญัติจราจรทางบกฯ มาตรา 78 ประกอบมาตรา 160 วรรคหนึ่ง เท่านั้น ไม่มีความผิดตามมาตรา 78ประกอบมาตรา 160 วรรคสอง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 959/2540 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความประมาทเลินเล่อของผู้ขับขี่และผู้โดยสาร: การพิพากษาค่าเสียหายกรณีถูกชนจากรถยนต์ขณะนั่งริมประตูรถไฟ
จำเลยขับรถยนต์โดยประมาทเลินเล่อข้ามทางรถไฟแล้วถูกรถไฟเฉี่ยวชนด้านหน้ารถยนต์เสียหายเล็กน้อย แต่เป็นเหตุให้โจทก์ซึ่งนั่งห้อยเท้าอยู่ริมประตูตู้ขนสัมภาระถูกรถยนต์ของจำเลยชนขาหักทั้งสองข้าง แม้ในขณะเกิดเหตุขบวนรถไฟจะมีผู้โดยสารแน่จนไม่มีที่นั่ง โจทก์กับผู้โดยสารหลายคนจึงต้องนั่งตรงริมประตูตู้ขนสัมภาระ ยังไม่ถึงกับจะรับฟังได้ว่าโจทก์ประมาทเลินเล่อซึ่งจะทำให้ค่าเสียหายเป็นพับ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 959/2540 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความประมาทเลินเล่อของผู้ขับขี่และผู้โดยสารรถไฟ ศาลลดค่าเสียหายจากความเสี่ยงที่ผู้โดยสารนั่งในที่อันตราย
จำเลยขับรถยนต์เก๋งโดยประมาทเลินเล่อข้ามทางรถไฟในขณะที่มีรถไฟแล่นผ่านจึงถูกรถไฟเฉี่ยวชนด้านหน้ารถยนต์เก๋งเสียหายเล็กน้อย แต่เป็นเหตุให้โจทก์ซึ่งนั่งห้อยเท้าอยู่ริมประตูตู้รถไฟถูกรถยนต์เก๋งของจำเลยชนได้รับอันตรายสาหัสถึงกับขาหักทั้งสองข้างดังนี้ แม้ในขณะเกิดเหตุขบวนรถไฟดังกล่าวจะมีผู้โดยสารแน่นจนไม่มีที่นั่ง โจทก์กับผู้โดยสารหลายคนจึงต้องนั่งตรงริมประตูขึ้นลงของตู้ขนสัมภาระก็ตามก็ถือได้ว่าโจทก์มีส่วนประมาทด้วย จึงควรลดค่าเสียหายที่โจทก์เรียกร้องมาลงบ้าง แต่ข้อเท็จจริงยังไม่ถึงกับจะรับฟังได้ว่าโจทก์ประมาทเลินเล่อไม่ยิ่งหย่อนกว่าจำเลยซึ่งจะทำให้เสียค่าเสียหายเป็นพับดังที่จำเลยฎีกาไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 959/2540

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความประมาทเลินเล่อของผู้ขับขี่และผู้โดยสารรถไฟ: การลดค่าเสียหายจากเหตุรถชน
จำเลยขับรถยนต์เก๋งโดยประมาทเลินเล่อข้ามทางรถไฟในขณะที่มีรถไฟแล่นผ่านจึงถูกรถไฟเฉี่ยวชนด้านหน้ารถยนต์เก๋งเสียหายเล็กน้อยแต่เป็นเหตุให้โจทก์ซึ่งนั่งห้อยเท้าอยู่ริมประตูตู้รถไฟถูกรถยนต์เก๋งของจำเลยชนได้รับอันตรายสาหัสถึงกับขาหักทั้งสองข้างดังนี้แม้ในขณะเกิดเหตุขบวนรถไฟดังกล่าวจะมีผู้โดยสารแน่นจนไม่มีที่นั่งโจทก์กับผู้โดยสารหลายคนจึงต้องนั่งตรงริมประตูขึ้นลงของตู้ขนสัมภาระก็ตามก็ถือได้ว่าโจทก์มีส่วนประมาทด้วยจึงควรลดค่าเสียหายที่โจทก์เรียกร้องมาลงบ้างแต่ข้อเท็จจริงยังไม่ถึงกับจะรับฟังได้ว่าโจทก์ประมาทเลินเล่อไม่ยิ่งหย่อนกว่าจำเลยซึ่งจะทำให้เสียค่าเสียหายเป็นพับดังที่จำเลยฎีกาไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2118/2540

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ของผู้เยาว์ ผู้ขับขี่ และผู้โดยสารที่รู้เห็นเห็นชอบ
จำเลยร่วมบุตรโจทก์นำรถยนต์ของโจทก์พาเพื่อน ๆ ไปเที่ยวสถานบันเทิงโดยจำเลยร่วมให้ ฉ. เป็นผู้ขับไปยังสถานบันเทิง ครั้นเลิกจากเที่ยวเมื่อเวลา 3 นาฬิกาของวันใหม่เปลี่ยนให้จำเลยที่ 1 ขับกลับจากสถานบันเทิงแล้วเกิดเหตุ การที่จำเลยที่ 1 ออกจากบ้านไปเที่ยวและที่จำเลยร่วมยอมให้จำเลยที่ 1 ขับรถยนต์ของโจทก์พาจำเลยร่วมกับเพื่อน ๆ กลับจากเที่ยวสถานบันเทิงไม่มีพฤติการณ์ใดที่ส่อให้เห็นว่าจำเลยที่ 1 จะต้องไปทำหน้าที่ขับรถยนต์ของโจทก์แทน ฉ. การที่จำเลยที่ 1 อาสาขับรถยนต์โจทก์ตอนขากลับต้องถือว่าเป็นการสุดวิสัยของจำเลยที่ 2 และที่ 3 ซึ่งเป็นบิดามารดาจะรู้เห็นได้ ถือว่าจำเลยที่ 2 และที่ 3 ได้ใช้ความระมัดระวังตามสมควรแก่หน้าที่ดูแลซึ่งทำอยู่ในขณะนั้นแล้ว เพราะไม่ได้ความว่าจำเลยที่ 2 และที่ 3 ได้ใช้ให้ไปกระทำหรือรู้แล้วยังยอมให้กระทำดังนั้นจำเลยที่ 2 และที่ 3 จึงไม่ต้องร่วมรับผิดในผลแห่งการละเมิดของจำเลยที่ 1 ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 429 แต่หลังเกิดเหตุจำเลยที่ 2 ในฐานะบิดาผู้แทนโดยชอบธรรมของจำเลยที่ 1 ได้ตกลงต่อหน้าพนักงานสอบสวนยินยอมชดใช้ค่าเสียหายในการละเมิดของจำเลยที่ 1 ข้อตกลงดังกล่าวจึงผูกพันจำเลยที่ 2 ส่วนจำเลยที่ 3 มิได้ตกลงยินยอมชดใช้ค่าเสียหายแต่อย่างใด จึงไม่ผูกพันจำเลยที่ 3
จำเลยร่วมรู้อยู่แล้วว่าจำเลยที่ 1 เป็นผู้เยาว์ไม่มีใบอนุญาตขับขี่รถยนต์และมีอาการเมาสุรา การที่จำเลยร่วมนำรถยนต์ของโจทก์ซึ่งเป็นมารดาออกไปให้จำเลยที่ 1 ขับไปเที่ยวเช่นนี้ ตามพฤติการณ์ต้องเล็งเห็นว่าจะต้องเกิดอุบัติภัยอย่างแน่แท้ จึงถือได้ว่าจำเลยร่วมมีส่วนก่อให้เกิดเหตุละเมิดในคดีนี้ด้วย จำเลยร่วมจึงต้องร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 1 ในผลแห่งละเมิดนั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2830/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ขอบเขตความคุ้มครองประกันภัยบุคคลภายนอก: การตีความข้อยกเว้นความรับผิดต่อผู้โดยสารและผู้ขับขี่
กรมธรรม์ประกันภัยหมวด 2 การคุ้มครองความรับผิดต่อบุคคลภายนอก ข้อ 2.2 มีข้อความว่า "ความรับผิดต่อผู้โดยสาร บริษัทจะใช้ค่าสินไหม-ทดแทนในนามของผู้เอาประกันภัยซึ่งผู้เอาประกันภัยจะต้องรับผิดชอบตามกฎหมายเพื่อความบาดเจ็บหรือมรณะของบุคคลที่โดยสารอยู่ในรถยนต์หรือกำลังขึ้นหรือกำลังลงจากรถยนต์เนื่องจากอุบัติเหตุอันเกิดจากการใช้รถยนต์ในระหว่างระยะเวลาประกันภัย..." ข้อ 2.8 มีข้อความว่า "การคุ้มครองผู้ขับขี่ บริษัทจะถือว่าบุคคลใดซึ่งขับขี่รถยนต์โดยได้รับความยินยอมจากผู้เอาประกันภัยเสมือนหนึ่งเป็นผู้เอาประกันภัยเอง..." ข้อ 2.11 มีข้อความว่า "การยกเว้นผู้โดยสารการประกันภัยตามข้อ 2.2 ไม่คุ้มครองความบาดเจ็บหรือมรณะของ 2.11.1ผู้เอาประกันภัยหรือบุคคลในครอบครัวซึ่งอยู่ด้วยกันกับผู้เอาประกันภัย..." ตามข้อความในข้อ 2.2 และ ข้อ 2.8 ข้างต้น เป็นข้อกำหนดความรับผิดโดยทั่วไปของจำเลย ส่วนข้อ 2.11 เป็นข้อยกเว้นความรับผิดของจำเลยจำต้องตีความโดยเคร่งครัด จะแปลความในทำนองเดียวกันกับกรณีความรับผิดของจำเลยตามข้อ 2.2 ประกอบข้อ 2.8 หาได้ไม่ ซึ่งเมื่อพิเคราะห์กรมธรรม์ประกันภัยเอกสารหมาย จ.3 ทั้งฉบับประกอบกับเจตนารมณ์ของคู่สัญญาแล้ว ข้อ 2.11 มีความหมายว่าการประกันภัยตามข้อ 2.2 ไม่คุ้มครองความบาดเจ็บหรือมรณะของผู้เอาประกันภัยโดยแท้จริงคือ ณ.หรือบุคคลในครอบครัวซึ่งอยู่ด้วยกันกับ ณ.เท่านั้น น.ผู้ขับรถยนต์คันเกิดเหตุจึงมิใช่ผู้เอาประกันภัยและ ร.ก็ไม่ใช่บุคคลในครอบครัวซึ่งอยู่ด้วยกันกับผู้เอาประกันภัยตามข้อ 2.11 น.คงเป็นเพียงบุคคลซึ่งขับรถยนต์โดยได้รับความยินยอมจาก ณ.ผู้เอาประกันภัยตามข้อ 2.8 เมื่อ ณ.ยินยอมให้ น.ยืมรถยนต์ของตนไปขับ และ น.ขับโดยประมาทเป็นเหตุให้ ร.ซึ่งโดยสารมาในรถคันดังกล่าวถึงแก่ความตายด้วย จำเลยจึงต้องรับผิดตามข้อ 2.2 ประกอบข้อ 2.8 จำเลยหาได้รับการยกเว้นความรับผิดตามข้อ 2.11 ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3367/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ จำเลยต้องรับผิดค่าเสียหายเต็มจำนวนต่อผู้โดยสารที่ไม่ได้มีส่วนผิด แม้ศาลชั้นต้นจะแบ่งความรับผิด
โจทก์เป็นเพียงผู้นั่งโดยสารมากับรถจักรยานยนต์ของต.คันเกิดเหตุมิได้มีส่วนก่อให้เกิดความเสียหายขึ้นด้วยจำเลยต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่โจทก์เต็มจำนวนโดยไม่อาจแบ่งความรับผิดให้แก่โจทก์ได้การที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าเหตุเกิดเพราะต. ประมาทมากกว่าจำเลยให้จำเลยรับผิดต่อโจทก์เพียง1ใน3จึงไม่ชอบและเป็นปัญหาข้อกฎหมายเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนแม้โจทก์จะไม่ได้ยกขึ้นอ้างในอุทธรณ์ศาลอุทธรณ์ก็มีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยเพื่อความเป็นธรรมแก่โจทก์ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5953/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดของผู้โดยสารซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์: การฟ้องผิดฐานผู้ขับขี่
โจทก์บรรยายฟ้องว่า การที่จำเลยเป็นผู้ขับรถจักรยานยนต์และเป็นเจ้าของรถจักรยานยนต์คันที่ชนโจทก์จนโจทก์ได้รับอันตรายบาดเจ็บสาหัสจากการทำละเมิดของจำเลย จำเลยจึงต้องตกอยู่ในฐานะเป็นบุคคลที่ควบคุมดูแลยานพาหนะซึ่งเดินด้วยกำลังเครื่องจักรกลนั้นเมื่อข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า จำเลยเพียงแต่เป็นผู้นั่งซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์โดยไม่ได้เป็นผู้ขับรถจักรยานยนต์คันเกิดเหตุชนโจทก์จึงจะให้จำเลยต้องรับผิดในฐานะผู้ครอบครองยานพาหนะอันเดินด้วยเครื่องจักรกลไม่ได้ เพราะเป็นการนอกฟ้อง เนื่องจากโจทก์มิได้ฟ้องขอให้จำเลยรับผิดในฐานะผู้ครอบครองรถจักรยานยนต์คันที่ชนโจทก์ในขณะเกิดเหตุตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 437

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3757/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การประมาทเลินเล่อจากการจอดรถและการกระทำของผู้โดยสาร ศาลตัดสินว่าจำเลยไม่มีส่วนประมาท
จำเลยขับรถยนต์แท็กซี่รับจ้าง น. กับพวกจากประตูน้ำจะไปสถานีขนส่งสายใต้ เมื่อรถแล่นมาถึงบริเวณวงเวียนใหญ่ น. ขอลงขณะเมื่อจำเลยจอดรถคร่อมช่องทางเดินรถที่ 1 และที่ 2 น. เข้าใจว่าจำเลยจอดรถเพื่อให้ลง จึงเปิดประตูรถด้านซ้ายออกไปกระแทกถูกรถจักรยานยนต์ที่ผู้เสียหายขับขี่ตามหลังมาล้มลงได้รับอันตรายสาหัสเช่นนี้ การที่ผู้เสียหายได้รับอันตรายสาหัสย่อมเป็นผลเนื่องมาจากการกระทำของ น. ส่วนเหตุจากการที่จำเลยจอดรถนั้นไม่เป็นความสัมพันธ์โดยตรงกับผลที่เกิดขึ้น ไม่ถือว่าจำเลยมีส่วนประมาทด้วย การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิด แม้จำเลยจะให้การรับสารภาพ ศาลก็ไม่อาจลงโทษจำเลยได้
of 4