พบผลลัพธ์ทั้งหมด 6 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6697/2548
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยอมรับเงื่อนไขการโอนที่ดินหลังสัญญาจะซื้อขาย โดยการสืบพยานคนกลาง ศาลต้องตัดสินตามคำเบิกความ
คู่ความท้ากันให้ศาลวินิจฉัยประเด็นข้อพิพาทเพียงข้อเดียวว่า ที่ดินพิพาทหลังจากทำสัญญาจะซื้อจะขายแล้วสามารถจดทะเบียนโอนได้ในวันที่ 3 ตุลาคม 2533 หรือไม่ หากสามารถจดทะเบียนโอนได้ โจทก์จะยอมแพ้ หากไม่สามารถโอนได้ จำเลยทั้งสี่จะยอมแพ้คดี และตกลงให้สืบพยานคนกลางเพียงปากเดียว โดยให้ศาลถามพยานว่าที่ดินพิพาทสามารถจดทะเบียนโอนให้ได้ตามกฎหมายหรือไม่ แล้วตัดสินคดีไปตามนั้น พยานคนกลางเบิกความตอบคำถามว่า ที่ดินพิพาทถึงแม้จะทำกัน (หมายถึงทำสัญญาจะซื้อจะขาย) ภายหลังที่ พ.ร.ฎ. กำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนฯ พ.ศ. 2531 ใช้บังคับ หากคู่สัญญายืนยันรับผิดชอบกันเองก็สามารถที่จะโอนกันได้ตามกฎหมาย คำเบิกความของพยานคนกลางจึงตรงตามคำท้าและสมฝ่ายจำเลย เพราะรับฟังได้ว่าที่ดินพิพาทหลังจากทำสัญญาจะซื้อจะขายสามารถจดทะเบียนโอนได้ในวันที่ 3 ตุลาคม 2533 แล้ว โจทก์จึงต้องเป็นฝ่ายแพ้คดี
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1324/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อตกลงพยานคนกลางมีผลผูกพัน หากพยานเบิกความสมฝ่ายใด ฝ่ายนั้นชนะคดี การอ้างเหตุอื่นนอกคำตกลงถือเป็นการนอกคำท้า
คู่ความท้ากันให้ อ. เป็นพยานคนกลางสาบานตนเบิกความต่อศาลว่า ที่พิพาททั้งสามแปลงเป็นของโจทก์หรือของจำเลยหาก อ. เบิกความสมฝ่ายใด ให้ฝ่ายนั้นเป็นฝ่ายชนะคดี ดังนี้ เมื่อ อ. พยานคนกลางเบิกความว่า จำเลยได้ร่วมทำกินในที่พิพาททั้งสามแปลงกับมารดาและพี่น้องของจำเลย จำเลยเป็นผู้แจ้งการครอบครองที่ดินพิพาท โจทก์ไม่เคยเข้าเกี่ยวข้อง จึงเป็นคำเบิกความที่เจือสมฝ่ายจำเลย โจทก์จึงต้องเป็นฝ่ายแพ้คดี โจทก์จะอ้างว่าคำเบิกความของพยานคนกลางไม่ตรงกับข้อกฎหมายเรื่องการครอบครองจำเลยพิสูจน์ไม่ได้ว่าเป็นผู้ครอบครอง จึงไม่มีสิทธิในที่ดินพิพาทและเอกสาร ส.ค.1 ที่จำเลยอ้างส่งเป็นพยานไม่ถูกต้องเลอะเลือน นั้น ไม่ได้ เพราะเป็นการนอกคำท้า
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1077-1078/2512 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาประนีประนอมยอมความ: ผลผูกพันตามสัญญาและการระงับสิทธิเรียกร้อง
บันทึกข้อตกลงระหว่างโจทก์จำเลยซึ่งมีข้อความว่า หากพยานคนกลางชี้ขาดว่าที่พิพาทเป็นของผู้ใดแล้ว ก็ให้ผู้นั้นได้กรรมสิทธิ์ในที่พิพาท ดังนี้ จึงเป็นข้อตกลงกันเพื่อระงับข้อพิพาทระหว่างโจทก์จำเลย เข้าลักษณะเป็นสัญญาประนีประนอมยอมความ
เมื่อพยานคนกลางชี้ขาดว่าที่พิพาทเป็นจำเลย โดยผลของสัญญาประนีประนอมยอมความดังกล่าว ย่อมทำให้จำเลยได้สิทธิเป็นเจ้าของพิพาท โจทก์จึงจะฟ้องขอให้พิพากษาให้ที่พิพาทนั้นเป็นของโจทก์ไม่ได้
เมื่อพยานคนกลางชี้ขาดว่าที่พิพาทเป็นจำเลย โดยผลของสัญญาประนีประนอมยอมความดังกล่าว ย่อมทำให้จำเลยได้สิทธิเป็นเจ้าของพิพาท โจทก์จึงจะฟ้องขอให้พิพากษาให้ที่พิพาทนั้นเป็นของโจทก์ไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 974/2502 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสืบพยานคนกลางเพื่อพิสูจน์การครอบครองที่ดิน: เจตนาคำท้าต้องมุ่งพิสูจน์เจ้าของที่ดิน ไม่ใช่การครอบครองระยะสั้น
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของครอบครองที่พิพาทตลอดมา 30 ปีแล้ว จำเลยต่อสู้ว่า จำเลยครอบครองเป็นเจ้าของตลอดมาถึง 17 ปีแล้ว คู่ความตกลงกันขอให้สืบพยานคนกลาง หากพยานคนกลางเบิกความว่า ที่พิพาทเป็นของฝ่ายใด โดยได้ครอบครองตลอดมาจนก่อนพิพาทกันชั้นอำเภอแล้ว อีกฝ่ายหนึ่งยอมแพ้ พยานคนกลางเบิกความว่า เห็นจำเลยครอบครองตลอดมา 17 ปีแล้ว เมื่อ 2-3 ปีมานี้ โจทก์ได้ยื่นแบบ ส.ค. 1 สำหรับที่รายพิพาท ดังนี้ถือว่า เจตนาตามคำท้ามุ่งถึงเรื่องที่ว่า ฝ่ายใดครอบครองเป็นเจ้าของที่พิพาท ไม่ได้เจตนาถึงเรื่องแย่งการครอบครองภายใน 2 - 3 ปี จึงต้องถือว่าพยานคนกลางเบิกความสมข้างจำเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 974/2502
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสืบพยานคนกลางเพื่อพิสูจน์การครอบครองที่ดิน เจตนาคำท้าอยู่ที่การครอบครองเดิม ไม่ใช่การแย่งภายหลัง
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของครอบครองที่พิพาทตลอดมา30 ปีแล้ว จำเลยต่อสู้ว่า จำเลยครอบครองเป็นเจ้าของตลอดมาถึง 17 ปีแล้ว คู่ความตกลงกันขอให้สืบพยานคนกลาง หากพยานคนกลางเบิกความว่า ที่พิพาทเป็นของฝ่ายใด โดยได้ครอบครองตลอดมาจนก่อนพิพาทกันชั้นอำเภอแล้ว อีกฝ่ายหนึ่งยอมแพ้ ทนายคนกลางเบิกความว่า เห็นจำเลยครอบครองตลอดมา 17 ปีแล้ว เมื่อ 2-3 ปีมานี้ โจทก์ได้ยื่นแบบ ส.ค.1 สำหรับที่รายพิพาท ดังนี้ถือว่า เจตนาตามคำท้ามุ่งถึงเรื่องที่ว่า ฝ่ายใดครอบครองเป็นเจ้าของที่พิพาท ไม่ได้เจตนาถึงเรื่องแย่งการครอบครองภายใน2-3 ปี จึงต้องถือว่า พยานคนกลางเบิกความสมข้างจำเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1111/2501 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อตกลงระงับข้อพิพาทโดยใช้พยานคนกลางมีผลผูกพัน คู่กรณีไม่อาจโต้แย้งการให้การภายหลังได้
ข้อตกลงระงับข้อพิพาทเรื่องกรรมสิทธิ์ที่ดินชั้นอำเภอเปรียบเทียบที่มีเงื่อนไขว่าให้ฟังคำให้การพยานคนกลางเป็นข้อชี้ขาด เมื่อพยานได้ให้การไปแล้ว ฝ่ายใดจะยกขึ้นมาโต้แย้งว่าพยานคนกลางให้การไม่ตรงต่อความเป็นจริงอีกไม่ได้