พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4294/2541
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความน่าเชื่อถือของพยานหลักฐานปากเดียว และการยกประโยชน์แห่งความสงสัยในคดีอาญา
ตอนที่ผู้เสียหายเห็นหน้าคนร้ายภายในห้องนอนคนร้ายก็ กระโดดคร่อมตัวผู้เสียหายและชกต่อยทำร้ายผู้เสียหายทันที ซึ่งในภาวะเช่นนั้นผู้เสียหายย่อมต้องปัดป้องจากการ ถูกทำร้ายซึ่งคนร้ายชกต่อยผู้เสียหาย 40-50 ครั้ง โอกาสที่ ผู้เสียหายจะดึงหมวดอ้ายโม่ง หลุดออกทางศีรษะ คนร้าย ขึ้นไปด้านบนจึงไม่น่าเป็นไปได้ นอกจากนี้เมื่อคนร้าย กระโดดจากชั้นสองลงไปชั้นล่างและหลบหนีไปนั้น ส.เห็นหน้าคนร้ายยังสวมหมวกอ้ายโม่ง เดินไปทางซอยห่างจากบ้าน ประมาณ 7-8 วา ก่อนขับรถจักรยานยนต์หลบหนีไปแสดงให้เห็นว่า นับแต่คนร้ายคร่อมตัวผู้เสียหายและทำร้ายผู้เสียหาย จนกระทั่งหลบหนีไปทางหลังบ้านคนร้ายยังสวมหมวกอ้ายโม่ง อยู่ ที่ผู้เสียหายเบิกความว่าคนร้ายเอาหมวกอ้ายโม่ง ติดตัวไปด้วย และตอบทนายถามค้านว่าเมื่อจำเลยเห็นว่าผู้เสียหายเห็นหน้า แล้วก็ได้นำหมวกอ้ายโม่ง มาสวมคลุมกลับไปอย่างเดิมอีก ไม่น่าเชื่อเพราะผู้เสียหายรู้จักจำเลยเมื่อเห็นหน้าคนร้าย ว่าเป็นจำเลยแล้วก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องปกปิดใบหน้าอีก หลังเกิดเหตุเมื่อ ส. มาพบผู้เสียหายที่ชั้นล่างของบ้านก็ไม่ได้มีการพูดคุยเกี่ยวกับตัวคนร้ายทั้งตอนที่ เจ้าพนักงานตำรวจไปจับจำเลยก็ปรากฏว่าจำเลยนอนอยู่ บนแคร่ใต้ถุนบ้าน ไม่ได้แสดงอาการหลบหนีแต่ประการใด ทั้งหมวกอ้ายโม่ง ที่คนร้ายสวมใส่ก็ไม่ได้ยึดจากจำเลย เป็นของกลาง ส่วนรองเท้าแตะสีดำยี่ห้อคอมพาสที่ยึดได้จากบ้านผู้เสียหายเป็นของกลางจำเลยก็ปฏิเสธว่ามิใช่ของจำเลย เมื่อโจทก์มีแต่คำเบิกความของผู้เสียหายปากเดียวโดยขาดพยานหลักฐานอื่นสนับสนุนเช่นนี้ ทำให้คำเบิกความของผู้เสียหายมีน้ำหนักน้อย ที่ผู้เสียหาย อ้างว่าดึงหมวกอ้ายโม่ง ออกสามารถมองเห็นหน้าคนร้าย คือจำเลยขณะถูกทำร้ายจึงเป็นที่น่าสงสัยว่าจะเป็นความจริง หรือไม่ พยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบมายังมีความสงสัย ตามสมควรว่าจำเลยเป็นคนร้ายรายนี้หรือไม่ ต้องยกประโยชน์ แห่งความสงสัยนั้นให้จำเลยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 227 วรรคสอง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1365/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิสูจน์ตัวผู้กระทำผิดจากพยานปากเดียว และการรับฟังพยานหลักฐานโดยรวม
ขณะที่โจทก์ร่วมที่ 2 นอนอยู่ที่ห้องโถงซึ่งมีหลอดไฟนีออนขนาดใหญ่เปิดไว้ ได้ยินเสียงคนขึ้นบันไดบ้านจึงลืมตาดู เห็นจำเลยที่ 2 กับคนร้ายอีกสองคน ต่างถืออาวุธปืนสั้นคนละกระบอกเดินขึ้นบันได จำเลยที่ 2เดินเข้าไปในห้องนอนของบุตรสาวโจทก์ร่วมที่ 1ซึ่งอยู่อีกห้องนอนหนึ่ง แล้วจำเลยที่ 2 ออกจากห้องนั้นมาค้นตัวโจทก์ที่ 2 ถามหาทรัพย์สิน จำเลยที่ 2 ให้โจทก์ร่วมนอนตะแคงหันหน้าเข้าข้างฝา จากนั้นจำเลยที่ 2 ลงไปข้างล่าง หลังจากนั้นคนร้ายอีกคนหนึ่งก็พาโจทก์ร่วมที่ 2 ลงมาข้างล่าง ซึ่งมีไฟฟ้าเปิดไว้อยู่แล้ว เห็นจำเลยที่ 2 จะไม่ได้บอกถึง ลักษณะคนร้ายให้โจทก์ร่วมที่ 1 และเจ้าพนักงานตำรวจ ที่มาที่เกิดเหตุฟังก็ไม่พิรุธถึงขนาดที่จะรับฟังไม่ได้ เพราะโจทก์ร่วมที่ 2 ได้ให้การต่อพนักงานสอบสวนถึงลักษณะ ของคนร้าย หลังจากเกิดเหตุในวันนั้นเป็นเวลาไม่นาน ข้อเท็จจริงมีเหตุผลให้เชื่อได้ว่าโจทก์ร่วมที่ 2เห็นและจำเลยที่ 2 ได้ว่าเป็นคนร้าย