พบผลลัพธ์ทั้งหมด 13 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1706/2546
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
แจ้งความเท็จ-พยานเท็จคดีลักทรัพย์: ศาลฎีกาแก้ไขโทษจำเลยทั้งสองตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย
เมื่อมันสำปะหลังที่ขุดเป็นของโจทก์ที่ 1 ที่ปลูกในที่ดินเกิดเหตุ โดยจำเลยทั้งสองมิได้เป็นผู้ปลูก การที่จำเลยที่ 1 ไปแจ้งความต่อพนักงานสอบสวนว่าโจทก์ทั้งสี่ลักทรัพย์มันสำปะหลังที่ตนปลูกจึงเป็นการแจ้งข้อความอันเป็นเท็จเกี่ยวกับความผิดอาญาแก่พนักงานสอบสวนซึ่งทำให้โจทก์ทั้งสี่เสียหาย จำเลยที่ 1 ย่อมมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 172 หาใช่เป็นเรื่องขาดเจตนาไม่ ส่วนจำเลยที่ 2ไปให้การเป็นพยานต่อพนักงานสอบสวนยืนยันว่าตนร่วมปลูกมันสำปะหลังกับจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นความเท็จ โดยไม่ปรากฏว่าจำเลยที่ 2 จะได้มีเจตนาร่วมกระทำผิดกับจำเลยที่ 1 การกระทำของจำเลยที่ 2 คงเป็นเพียงความผิดฐานแจ้งความอันเป็นเท็จแก่เจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 137 ซึ่งมีอัตราโทษเบากว่าเท่านั้น ปัญหานี้แม้จะไม่มีฝ่ายใดฎีกา แต่เป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ซึ่งศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นอ้างและแก้ไขให้ถูกต้อง และกำหนดโทษให้เหมาะสมได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 195 วรรคสอง ประกอบมาตรา 225,192 วรรคท้าย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 533/2541
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานนำสืบพยานเท็จในคดีแพ่ง โจทก์เป็นผู้เสียหายและมีอำนาจฟ้อง
ศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกาของจำเลยที่ 1 และที่ 2 เฉพาะปัญหาข้อกฎหมายว่าโจทก์เป็นผู้เสียหายในความผิดฐานนำสืบหรือแสดงพยานหลักฐานอันเป็นเท็จในการพิจารณาคดีตาม ป.อ.มาตรา 180 หรือไม่ ความผิดฐานดังกล่าวโจทก์ฟ้องจำเลยที่ 1 เท่านั้น มิได้ฟ้องจำเลยที่ 2 ด้วย ดังนั้น ที่ศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกาของจำเลยที่ 1 และที่ 2 ข้อนี้จึงมีผลเป็นการสั่งรับเฉพาะฎีกาของจำเลยที่ 1เท่านั้น
การที่จำเลยเบิกความเป็นพยานในคดีแพ่งที่จำเลยเป็นโจทก์ฟ้องโจทก์เป็นจำเลยต่อศาลชั้นต้นว่าโจทก์ผิดสัญญาซื้อขาย ขอให้บังคับโจทก์จดทะเบียนโอนที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.) เลขที่ 1531ให้แก่จำเลย และจำเลยอ้างส่งสัญญาซื้อขายต่อศาลชั้นต้นในคดีแพ่งดังกล่าวนั้นแม้จำเลยอ้างว่าการเบิกความเป็นพยานและการส่งสัญญาซื้อขายดังกล่าว จำเลยกระทำต่อศาลชั้นต้น มิใช่กระทำต่อโจทก์ก็ตาม แต่คดีแพ่งดังกล่าวโจทก์ถูกจำเลยฟ้องโจทก์จึงเป็นคู่ความในคดีด้วย และสัญญาซื้อขายตามที่จำเลยอ้างส่งก็เป็นเรื่องเกี่ยวข้องกับโจทก์ การที่จำเลยนำสืบหรือแสดงพยานหลักฐานดังกล่าวย่อมมีผลกระทบต่อสิทธิหรือส่วนได้เสียของโจทก์โดยตรงเช่นนี้ โจทก์ย่อมได้รับความเสียหายเนื่องจากการกระทำของจำเลยในความผิดฐานนำสืบหรือแสดงพยานหลักฐานอันเป็นเท็จในการพิจารณาคดี เพราะอาจมีผลให้โจทก์ถูกบังคับคดีในคดีแพ่งดังกล่าว โจทก์จึงเป็นผู้เสียหาย และมีอำนาจฟ้องจำเลยตาม ป.วิ.อ.มาตรา 2 (4) และมาตรา 28 (2)
การที่จำเลยเบิกความเป็นพยานในคดีแพ่งที่จำเลยเป็นโจทก์ฟ้องโจทก์เป็นจำเลยต่อศาลชั้นต้นว่าโจทก์ผิดสัญญาซื้อขาย ขอให้บังคับโจทก์จดทะเบียนโอนที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.) เลขที่ 1531ให้แก่จำเลย และจำเลยอ้างส่งสัญญาซื้อขายต่อศาลชั้นต้นในคดีแพ่งดังกล่าวนั้นแม้จำเลยอ้างว่าการเบิกความเป็นพยานและการส่งสัญญาซื้อขายดังกล่าว จำเลยกระทำต่อศาลชั้นต้น มิใช่กระทำต่อโจทก์ก็ตาม แต่คดีแพ่งดังกล่าวโจทก์ถูกจำเลยฟ้องโจทก์จึงเป็นคู่ความในคดีด้วย และสัญญาซื้อขายตามที่จำเลยอ้างส่งก็เป็นเรื่องเกี่ยวข้องกับโจทก์ การที่จำเลยนำสืบหรือแสดงพยานหลักฐานดังกล่าวย่อมมีผลกระทบต่อสิทธิหรือส่วนได้เสียของโจทก์โดยตรงเช่นนี้ โจทก์ย่อมได้รับความเสียหายเนื่องจากการกระทำของจำเลยในความผิดฐานนำสืบหรือแสดงพยานหลักฐานอันเป็นเท็จในการพิจารณาคดี เพราะอาจมีผลให้โจทก์ถูกบังคับคดีในคดีแพ่งดังกล่าว โจทก์จึงเป็นผู้เสียหาย และมีอำนาจฟ้องจำเลยตาม ป.วิ.อ.มาตรา 2 (4) และมาตรา 28 (2)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 525/2506
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การชั่งน้ำหนักพยาน: เมื่อศาลใช้ดุลพินิจตัดสินคดีแพ่ง และจำกัดการสันนิษฐานว่าพยานฝ่ายแพ้เป็นพยานเท็จ
คดีก่อนศาลยกฟ้องโจทก์โดยว่า คำพยานโจทก์ขัดกัน เป็นถ้อยคำที่น่าสงสัย ไม่มีน้ำหนัก ดังนี้ เป็นเรื่องของการชั่งน้ำหนักคำพยานว่า พยานฝ่ายใดดีกว่ากันเท่านั้น หากจำเลยในคดีนั้นไม่มีพยานอื่นใดมาสืบแสดงให้ชัดแจ้งว่าพยานโจทก์เบิกความเท็จแล้วก็จะสันนิษฐานว่า พยานโจทก์เบิกความเท็จหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 106/2497
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่าที่ไม่เป็นลายลักษณ์อักษรและการกระทำพยานเท็จ แม้ไม่มีการปลอมแปลงเอกสาร
เช่าบ้านเขาอยู่โดยไม่ได้ทำหนังสือสัญญาเช่ากันไว้ครั้นเจ้าของบ้านขายบ้านนั้นให้ผู้อื่นไปผู้ซื้อคนใหม่ให้ผู้เช่าออกจากบ้านเช่าผู้เช่าก็ไม่ยอมออกผู้ซื้อจึงฟ้องขับไล่ผู้เช่าได้สมคบกับเจ้าของบ้านคนเดิมทำหนังสือสัญญาเช่าขึ้น 1 ฉบับแล้วผู้เช่าเอามาอ้างเป็นพยานต่อศาลดังนี้ ถือว่ายังไม่เป็นผิดฐานปลอมหนังสือแต่เป็นผิดตาม กฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 157
(อ้างฎีกาที่ 654/2480)
(อ้างฎีกาที่ 654/2480)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 103/2496
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องฐานพยานเท็จต้องเสียหายโดยตรงจากพยานหลักฐานนั้นก่อน จึงจะฟ้องได้
โจทก์ฟ้องจำเลยขอให้ศาลบังคับจำเลยให้โอนที่ดินให้โจทก์ตามสัญญาจะซื้อขาย คดีอยู่ในระหว่างพิจารณา จำเลยสมคบกับพวกกระทำพยานหลักฐานเท็จ โดยจำเลยทำสัญญากู้เงินผู้อื่นแล้วให้ผู้อื่นมาฟ้องเรียกเงินกู้ต่อศาลและจำเลยยอมความยอมใช้เงินตามสัญญากู้ ซึ่งความจริงจำเลยไม่ได้เป็นหนี้สินตามสัญญากู้นั้นเลยดังนี้ เพียงเท่านี้ โจทก์ยังไม่ได้รับความเสียหายอย่างใดย่อมไม่อยู่ในฐานะที่จะเป็นโจทก์ฟ้องจำเลยฐานกระทำพยานหลักฐานเท็จตามกฎหมายลักษณะอาญามาตรา 157 ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1053/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
องค์ความผิดฟ้องแจ้งความเท็จ/พยานเท็จ: การบรรยายฟ้องต้องชัดเจนครบถ้วน ศาลไม่รับฟังข้อเท็จจริงเพิ่มเติมในชั้นฎีกา
ในความผิดฐานแจ้งความเท็จ โจทก์มิได้กล่าวในฟ้องว่าความจริงของเรื่องมีอย่างไร โจทก์จะมากล่าวเสนอความจริงในชั้นฎีกาว่าความจริงของเรื่องที่โจทก์ฟ้องเป็นอย่างไรนั้น ศาลรับฟังไม่ได้.
แม้ศาลจะได้ประทับฟ้องของโจทก์และเรียกจำเลยแก้คดีแล้วก็ตามเมื่อความจริงในที่สุดปรากฏว่าฟ้องขาดองค์ความผิด ก็ลงโทษจำเลยไม่ได้./
แม้ศาลจะได้ประทับฟ้องของโจทก์และเรียกจำเลยแก้คดีแล้วก็ตามเมื่อความจริงในที่สุดปรากฏว่าฟ้องขาดองค์ความผิด ก็ลงโทษจำเลยไม่ได้./
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 439/2480
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกระทำที่อาจเข้าข่ายพยานเท็จต้องมีเจตนาทำให้เกิดความเข้าใจผิดว่ามีการกระทำความผิดเกิดขึ้น
เพียงแต่เอาแหวนซุกใส่ในกระเป๋าเสื้อเจ้าพนักงานที่มาตรวจค้นสุราเถื่อน ยังไม่พอจะฟังว่าจำเลยใส่เท็จทำพะยานแกล้งหาว่าเจ้าพนักงานกระทำผิด จำเลยจึงยังหามีผิดตามกฎหมายข้างต้นไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 421/2480
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ตำรวจกลั่นแกล้งประชาชนด้วยการสับเปลี่ยนสุราและกล่าวหาเท็จ ศาลล้มโทษข้อหาพยานเท็จ
กระทำพะยานเท็จขึ้นแต่ยังไม่ได้นำมาอ้างในคดีที่พิจารณา ยังไม่มีผิด ตาม ม.157
ตำรวจแกล้งเอาสุราเถื่อนไปแทนสุรารัฐบาลที่เขาขายให้แล้วจับเขาส่งอำเภอหาว่าขายสุราเถื่อนมีผิดตาม ม.142 และ 158
ตำรวจแกล้งเอาสุราเถื่อนไปแทนสุรารัฐบาลที่เขาขายให้แล้วจับเขาส่งอำเภอหาว่าขายสุราเถื่อนมีผิดตาม ม.142 และ 158
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1154/2479
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลงโทษจำเลยเกินคำขอในความผิดฐานกระทำพยานเท็จและสมคบกันกระทำผิด
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยสมคบกันปลอมหนังสือแล้วนำหลักฐานเท็จนี้มาฟ้องเรียกเงินกู้จากโจทก์ดังนี้ ถือว่าโจทก์ได้พรรณาฟ้องในความผิดฐานกระทำพะยานเท็จตาม ม.157 แล้ว +สินเกินคำขอโจทก์ฟ้องว่าจำเลยสมคบกันกระทำผิดดังนี้ศาลจะลงโทษจำเลยโดยอาศัย ม.64 โดยฟังว่าได้มีการใช้ให้ไปกระทำผิด มิได้สมคบกันนั้นเป็นการตัดสินเกินคำขอ +การที่ศาลจะอนุญาตให้เลื่อนหรือไม่นั้นอยู่ในดุลยพินิจของ+
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 749/2475
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การปลอมเอกสารสัญญาและเบิกความเท็จในศาล มีความผิดฐานปลอมแปลงเอกสารและกระทำพยานเท็จ
ปลอมหนังสือสัญญากู้เงินแล้วนำมาฟ้องศาล และจำเลยเข้าเป็นพะยานเบิกความต่อศาลอีก มีความผิด 3 กะทง
วิธีพิจารณาอาชญา กระทำต่างกรรมต่างวาระ หน้าที่นำสืบ เมื่อปรากฎว่าสัญญาที่กดลายพิมพ์นิ้วมือให้ จำเลยไว้เป็นคนละฉะบับกับที่จำเลยทำ จำเลยต้องนำสืบพิศูจน์ว่าสัญญาที่จำเลยนำมาฟ้องว่าเป็นสัญญาอันแท้จริง
วิธีพิจารณาอาชญา กระทำต่างกรรมต่างวาระ หน้าที่นำสืบ เมื่อปรากฎว่าสัญญาที่กดลายพิมพ์นิ้วมือให้ จำเลยไว้เป็นคนละฉะบับกับที่จำเลยทำ จำเลยต้องนำสืบพิศูจน์ว่าสัญญาที่จำเลยนำมาฟ้องว่าเป็นสัญญาอันแท้จริง