พบผลลัพธ์ทั้งหมด 53 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 86/2543
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
รับฟังคำซัดทอดผู้กระทำผิดร่วมกันได้ พยานแวดล้อมประกอบคำรับสารภาพเชื่อถือได้
แม้โจทก์จะไม่มีพยานรู้เห็นว่าจำเลยที่ 1 และที่ 2 ร่วมกันลักรถจักรยานยนต์ของผู้เสียหาย แต่โจทก์ก็มีพยานแวดล้อม โดยได้ตรวจพบเอกสารแสดงการทำประกันภัยคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถของผู้เสียหายอยู่กับพวกของจำเลย สำหรับรถจักรยานยนต์ของผู้เสียหายนั้น ในชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนจำเลยที่ 1 และที่ 2 ก็ได้ให้การรับสารภาพข้อหาลักทรัพย์และได้ให้การถึงรายละเอียดวิธีการลักรถจักรยานยนต์ของผู้เสียหาย เมื่อลักรถจักรยานยนต์ไปแล้วก็ได้นำไปให้จำเลยที่ 3 ซึ่งจำเลยที่ 3 ก็เบิกความได้สอดคล้องกับที่จำเลยที่ 1 และที่ 2 ให้การ ฉะนั้น เมื่อพิเคราะห์พยานแวดล้อมซึ่งสมเหตุสมผลสอดคล้องกับคำรับสารภาพในชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนของจำเลยที่ 1 และที่ 2 ประกอบกับคำให้การของจำเลยที่ 3 แล้วน่าเชื่อได้ว่า จำเลยที่ 1 และที่ 2 ร่วมกันลักทรัพย์ตามฟ้องจริง
ไม่มีกฎหมายห้ามมิให้รับฟังคำซัดทอดของผู้กระทำผิดด้วยกัน ฉะนั้นการที่ศาลเห็นว่าจำเลยที่ 3 ให้การด้วยความสุจริตใจ พอให้รับฟังได้ว่าจำเลยที่ 1 และที่ 2 นำรถจักรยานยนต์ของผู้เสียหายมามอบให้โดยบอกว่าเป็นรถจักรยานยนต์ที่ลักมา จึงสามารถรับฟังประกอบการพิจารณาคดีได้
ไม่มีกฎหมายห้ามมิให้รับฟังคำซัดทอดของผู้กระทำผิดด้วยกัน ฉะนั้นการที่ศาลเห็นว่าจำเลยที่ 3 ให้การด้วยความสุจริตใจ พอให้รับฟังได้ว่าจำเลยที่ 1 และที่ 2 นำรถจักรยานยนต์ของผู้เสียหายมามอบให้โดยบอกว่าเป็นรถจักรยานยนต์ที่ลักมา จึงสามารถรับฟังประกอบการพิจารณาคดีได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 624/2543 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
พยานแวดล้อมประกอบคำรับสารภาพรับของโจร เพียงพอรับฟังความผิด
แม้สิบตำรวจตรี ว.เบิกความในชั้นศาลว่า ชั้นจับกุมจำเลยให้การรับสารภาพฐานลักทรัพย์ แต่ในบันทึกการจับกุม ปรากฏว่าจำเลยให้การรับสารภาพฐานรับของโจรก็ตาม ข้อแตกต่างดังกล่าวหาใช่ข้อสาระสำคัญแห่งคดีไม่
เวลาเกิดเหตุมีคนร้ายลักรถจักรยานยนต์ของผู้เสียหายไปแม้โจทก์จะไม่มีประจักษ์พยานยืนยันว่า จำเลยที่ 3 นำรถจักรยานยนต์ของผู้เสียหายไปขายให้จำเลยที่ 2 ก็ตาม แต่จากพยานแวดล้อมกรณีที่โจทก์นำสืบ คือสิบตำรวจตรี ว.ผู้สืบสวนจับกุมจำเลยที่ 1 ได้พร้อมรถจักรยานยนต์ของกลางของผู้เสียหายที่ถูกแปลงสภาพให้ผิดไปจากเดิมที่บ้านจำเลยที่ 1 เมื่อทราบจากจำเลยที่ 1 ว่ารับซื้อรถของกลางจากจำเลยที่ 2 สิบตำรวจตรี ว.ก็ติดตามจับกุมจำเลยที่ 2 ได้จำเลยที่ 2 ให้การว่ารับซื้อรถของกลางมาจากจำเลยที่ 3 และเมื่อสิบตำรวจตรี ว.ตามไปจับกุมจำเลยที่ 3 ได้ จำเลยที่ 3 ก็ยอมรับสารภาพอีกว่ารับซื้อรถของกลางมาจากผู้มีชื่อ จึงเห็นได้ว่า การที่สิบตำรวจตรี ว.สามารถติดตามจับกุมจำเลยทั้งสามได้พร้อมรถจักรยานยนต์ของกลาง นอกจากจะอาศัยข้อมูลจากการสืบสวนทางหนึ่งแล้วยังได้อาศัยข้อมูลจากจำเลยแต่ละคนเป็นอย่างมากอีกต่างหาก พยานโจทก์จึงไม่ใช่มีเพียงคำรับสารภาพชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนของจำเลยที่ 3 เท่านั้น แต่ยังมีคำเบิกความของสิบตำรวจตรี ว.มาประกอบคำรับสารภาพของจำเลยที่ 3 อีกด้วยจึงเป็นพยานหลักฐานเพียงพอที่จะรับฟังได้ว่าจำเลยที่ 3 ได้กระทำความผิดฐานรับของโจรรถจักรยานยนต์ของผู้เสียหาย
เวลาเกิดเหตุมีคนร้ายลักรถจักรยานยนต์ของผู้เสียหายไปแม้โจทก์จะไม่มีประจักษ์พยานยืนยันว่า จำเลยที่ 3 นำรถจักรยานยนต์ของผู้เสียหายไปขายให้จำเลยที่ 2 ก็ตาม แต่จากพยานแวดล้อมกรณีที่โจทก์นำสืบ คือสิบตำรวจตรี ว.ผู้สืบสวนจับกุมจำเลยที่ 1 ได้พร้อมรถจักรยานยนต์ของกลางของผู้เสียหายที่ถูกแปลงสภาพให้ผิดไปจากเดิมที่บ้านจำเลยที่ 1 เมื่อทราบจากจำเลยที่ 1 ว่ารับซื้อรถของกลางจากจำเลยที่ 2 สิบตำรวจตรี ว.ก็ติดตามจับกุมจำเลยที่ 2 ได้จำเลยที่ 2 ให้การว่ารับซื้อรถของกลางมาจากจำเลยที่ 3 และเมื่อสิบตำรวจตรี ว.ตามไปจับกุมจำเลยที่ 3 ได้ จำเลยที่ 3 ก็ยอมรับสารภาพอีกว่ารับซื้อรถของกลางมาจากผู้มีชื่อ จึงเห็นได้ว่า การที่สิบตำรวจตรี ว.สามารถติดตามจับกุมจำเลยทั้งสามได้พร้อมรถจักรยานยนต์ของกลาง นอกจากจะอาศัยข้อมูลจากการสืบสวนทางหนึ่งแล้วยังได้อาศัยข้อมูลจากจำเลยแต่ละคนเป็นอย่างมากอีกต่างหาก พยานโจทก์จึงไม่ใช่มีเพียงคำรับสารภาพชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนของจำเลยที่ 3 เท่านั้น แต่ยังมีคำเบิกความของสิบตำรวจตรี ว.มาประกอบคำรับสารภาพของจำเลยที่ 3 อีกด้วยจึงเป็นพยานหลักฐานเพียงพอที่จะรับฟังได้ว่าจำเลยที่ 3 ได้กระทำความผิดฐานรับของโจรรถจักรยานยนต์ของผู้เสียหาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 624/2543
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
รับของโจร: พยานแวดล้อมเชื่อมโยงคำรับสารภาพ เชื่อถือได้ แม้รายละเอียดบางส่วนขัดแย้ง
แม้สิบตำรวจตรี ว. เบิกความในชั้นศาลว่า ชั้นจับกุมจำเลยให้การรับสารภาพฐานลักทรัพย์ แต่ในบันทึกการจับกุม ปรากฏว่าจำเลยให้การรับสารภาพฐานรับของโจรก็ตาม ข้อแตกต่างดังกล่าวหาใช่ข้อสาระสำคัญแห่งคดีไม่
เวลาเกิดเหตุมีคนร้ายลักรถจักรยานยนต์ของผู้เสียหายไปแม้โจทก์จะไม่มีประจักษ์พยานยืนยันว่า จำเลยที่ 3 นำรถจักรยานยนต์ของผู้เสียหายไปขายให้จำเลยที่ 2 ก็ตาม แต่จากพยานแวดล้อมกรณีที่โจทก์นำสืบ คือสิบตำรวจตรี ว.ผู้สืบสวนจับกุมจำเลยที่ 1 ได้พร้อมรถจักรยานยนต์ของกลางของผู้เสียหายที่ถูกแปลงสภาพให้ผิดไปจากเดิมที่บ้านจำเลยที่ 1 เมื่อทราบจากจำเลยที่ 1 ว่ารับซื้อรถของกลางจากจำเลยที่ 2 สิบตำรวจตรี ว. ก็ติดตามจับกุมจำเลยที่ 2 ได้ จำเลยที่ 2 ให้การว่ารับซื้อรถของกลางมาจากจำเลยที่ 3 และเมื่อสิบตำรวจตรี ว.ตามไปจับกุมจำเลยที่ 3 ได้จำเลยที่ 3 ก็ยอมรับสารภาพอีกว่ารับซื้อรถของกลางมาจากผู้มีชื่อ จึงเห็นได้ว่าการที่สิบตำรวจตรี ว. สามารถติดตามจับกุมจำเลยทั้งสามได้พร้อมรถจักรยานยนต์ของกลาง นอกจากจะอาศัยข้อมูลการสืบสวนทางหนึ่งแล้วยังได้อาศัยข้อมูลจากจำเลยแต่ละคนเป็นอย่างมากอีกต่างหาก พยานโจทก์จึงไม่ใช่มีเพียงคำรับสารภาพชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนของจำเลยที่ 3 เท่านั้นแต่ยังมีคำเบิกความของสิบตำรวจตรี ว.มาประกอบคำรับสารภาพของจำเลยที่ 3 อีกด้วยจึงเป็นพยานหลักฐานเพียงพอที่จะรับฟังได้ว่าจำเลยที่ 3ได้กระทำความผิดฐานรับของโจรรถจักรยานยนต์ของผู้เสียหาย
เวลาเกิดเหตุมีคนร้ายลักรถจักรยานยนต์ของผู้เสียหายไปแม้โจทก์จะไม่มีประจักษ์พยานยืนยันว่า จำเลยที่ 3 นำรถจักรยานยนต์ของผู้เสียหายไปขายให้จำเลยที่ 2 ก็ตาม แต่จากพยานแวดล้อมกรณีที่โจทก์นำสืบ คือสิบตำรวจตรี ว.ผู้สืบสวนจับกุมจำเลยที่ 1 ได้พร้อมรถจักรยานยนต์ของกลางของผู้เสียหายที่ถูกแปลงสภาพให้ผิดไปจากเดิมที่บ้านจำเลยที่ 1 เมื่อทราบจากจำเลยที่ 1 ว่ารับซื้อรถของกลางจากจำเลยที่ 2 สิบตำรวจตรี ว. ก็ติดตามจับกุมจำเลยที่ 2 ได้ จำเลยที่ 2 ให้การว่ารับซื้อรถของกลางมาจากจำเลยที่ 3 และเมื่อสิบตำรวจตรี ว.ตามไปจับกุมจำเลยที่ 3 ได้จำเลยที่ 3 ก็ยอมรับสารภาพอีกว่ารับซื้อรถของกลางมาจากผู้มีชื่อ จึงเห็นได้ว่าการที่สิบตำรวจตรี ว. สามารถติดตามจับกุมจำเลยทั้งสามได้พร้อมรถจักรยานยนต์ของกลาง นอกจากจะอาศัยข้อมูลการสืบสวนทางหนึ่งแล้วยังได้อาศัยข้อมูลจากจำเลยแต่ละคนเป็นอย่างมากอีกต่างหาก พยานโจทก์จึงไม่ใช่มีเพียงคำรับสารภาพชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนของจำเลยที่ 3 เท่านั้นแต่ยังมีคำเบิกความของสิบตำรวจตรี ว.มาประกอบคำรับสารภาพของจำเลยที่ 3 อีกด้วยจึงเป็นพยานหลักฐานเพียงพอที่จะรับฟังได้ว่าจำเลยที่ 3ได้กระทำความผิดฐานรับของโจรรถจักรยานยนต์ของผู้เสียหาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5175-5176/2543
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
พยานแวดล้อมเพียงพอพิสูจน์ความผิดฐานวางเพลิง เผาทรัพย์ แม้ไม่มีพยานรู้เห็นเหตุการณ์
แม้โจทก์จะไม่มีประจักษ์พยาน แต่เจ้าพนักงานตำรวจพบจำเลยทั้งสามในบริเวณใกล้เคียงกับที่เกิดเหตุวางเพลิงเผาทรัพย์เกือบจะทันทีทันใดภายหลังเกิดเหตุโดยมีอุปกรณ์ซึ่งสามารถใช้ในการกระทำผิด อุปกรณ์บางอย่างเก็บไว้ในที่ซึ่งบุคคลทั่วไปไม่ใช้เป็นที่เก็บ โดยเศษผ้าลายชุบน้ำมัน 2 ผืนอยู่ในกระเป๋ากางเกงของจำเลยที่ 2 และตามเนื้อตัวเสื้อผ้าของจำเลยที่ 2 และที่ 3 มีรอยเปื้อนน้ำมัน นอกจากนี้จำเลยที่ 1 และที่ 3 ขับรถจักรยานยนต์โดยไม่เปิดไฟหน้าในลักษณะคล้ายกับกระทำผิดมาแล้วจะหลบหนี เมื่อเห็นจุดตรวจจำเลยที่ 2 ได้ขว้างขวดทิ้ง จากการตรวจพบว่าเป็นขวดแก้วมีคราบน้ำมันเป็นพิรุธถือได้ว่าพยานโจทก์เป็นพยานแวดล้อม กรณีบ่งชี้ให้เห็นว่าจำเลยทั้งสามได้ร่วมกันวางเพลิงเผาทรัพย์ของผู้อื่นตามฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2134/2543
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
พยานแวดล้อมยืนยันจำเลยร่วมกันฆ่าผู้ตาย ศาลพิจารณาหลักฐานแน่นแฟ้น ลดโทษตามอายุ
แม้ว่าโจทก์จะไม่มีประจักษ์พยานรู้เห็นขณะจำเลยและพวกฆ่าผู้ตายแต่โจทก์มีพยานแวดล้อมเห็นเหตุการณ์ใกล้ชิดก่อนผู้ตายถูกยิงจนถึงแก่ความตายโดยเห็นจำเลยและพวกโต้เถียงกับผู้ตายและชักอาวุธปืนจ้องจะยิงผู้ตาย เมื่อผู้ตายวิ่งหนี จำเลยและพวกถืออาวุธปืนวิ่งไล่ตามผู้ตายไปทันทีแล้วมีเสียงปืนดังขึ้น 1 นัดหลังจากนั้นประมาณ 2 นาที ก็ดังขึ้นอีก 2 นัด ระยะเวลาที่จำเลยและพวกถืออาวุธปืนวิ่งไล่ตามผู้ตายไปจนมีเสียงปืนดังขึ้นรวม 3 นัด ดังกล่าวเป็นช่วงเวลาไม่นานซึ่งไม่พอที่จะทำให้ระแวงสงสัยได้ว่าจะมีผู้อื่นเข้ามาฆ่าผู้ตายในช่วงเวลานั้น จึงเชื่อได้ว่าต้องเป็นจำเลยและพวกอย่างแน่แท้ที่ฆ่าผู้ตาย ทั้งเจ้าพนักงานตำรวจก็ตรวจพบมีดอีโต้ที่พวกจำเลยถือไปและรองเท้าแตะเปื้อนเลือด 1 ข้าง ของพวกจำเลยตกอยู่ในที่เกิดเหตุพยานโจทก์จึงมีน้ำหนักแน่นแฟ้นฟังได้ว่า จำเลยและพวกร่วมกันฆ่าผู้ตาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 164/2543
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ลักทรัพย์โดยมีเหตุเชื่อได้ว่าจำเลยกระทำผิดจากการจำได้ของพยานผู้เสียหายและพยานแวดล้อม
ผู้เสียหายพบกับจำเลยซึ่งนั่งอยู่ในร้านอาหารขณะกำลังถูกกลุ่มผู้ชายในร้านพูดจาลวนลาม จึงให้เจ้าของร้านไปเชิญจำเลยมานั่งร่วมโต๊ะ หลังจากนั้นประมาณ 1 ชั่วโมง ผู้เสียหายและจำเลยพากันไปพักที่โรงแรมจำเลยได้เข้าไปพูดคุยกับผู้เสียหายในห้องของผู้เสียหายแล้วจำเลยเอาน้ำให้ผู้เสียหายดื่ม ผู้เสียหายหมดสติไป วันรุ่งขึ้นมีผู้มาพบผู้เสียหายนอนหมดสติอยู่ ปรากฏว่าทรัพย์สินที่ติดตัวผู้เสียหายมาหายไปและเมื่อไปหาจำเลยที่ห้องพักก็ไม่พบ น่าเชื่อว่าจำเลยเป็นผู้เอาทรัพย์สินดังกล่าวไป
แม้พยานโจทก์จะเบิกความแตกต่างกันไปบ้าง แต่ถ้าเป็นเพียงข้อแตกต่างที่ไม่ใช่สาระสำคัญคำเบิกความของพยานโจทก์ดังกล่าวก็รับฟังได้ และถึงแม้พยานเอกสารต่าง ๆ ฝ่ายโจทก์จะได้ทำขึ้นในภายหลังแต่ก็มีสำเนาบันทึกประจำวันอันเป็นวันรุ่งขึ้นหลังจากเกิดเหตุอยู่ด้วย เอกสารต่าง ๆ ก็ไม่มีพิรุธอันที่จะทำให้ไม่อาจรับฟังเป็นพยานได้
แม้ผู้เสียหายไม่เคยรู้จักกับจำเลยมาก่อนมีโอกาสนั่งพูดคุยอยู่กับจำเลยเป็นเวลานานนับชั่วโมง โดยพูดคุยกันทั้งร้านอาหารและภายในห้องพัก โอกาสที่ผู้เสียหายจะจำจำเลยได้อย่างแม่นยำมีมาก เมื่อผู้เสียหายได้พบจำเลยอีกครั้งหลังเกิดเหตุนานประมาณหนึ่งเดือน ผู้เสียหายก็วิทยุเรียกเจ้าพนักงานตำรวจให้มาจับกุมจำเลยทันที ย่อมแสดงว่าผู้เสียหายจำจำเลยได้อย่างแม่นยำ
คนมีฐานะดีไม่จำเป็นเสมอไปที่จะไม่กระทำความผิดเลย และเหตุคดีนี้เกิดขึ้นนานประมาณ 1 เดือนแล้ว จำเลยอาจชะล่าใจคิดว่าผู้เสียหายคงจะไม่ติดตามคดีก็ได้ และเวลาที่จำเลยไปที่ร้านเดิมก็เป็นเวลาที่ใกล้เคียงกับเวลาในวันเกิดเหตุจึงเชื่อว่าจำเลยได้กระทำความผิดฐานลักทรัพย์ของโจทก์จริง
แม้พยานโจทก์จะเบิกความแตกต่างกันไปบ้าง แต่ถ้าเป็นเพียงข้อแตกต่างที่ไม่ใช่สาระสำคัญคำเบิกความของพยานโจทก์ดังกล่าวก็รับฟังได้ และถึงแม้พยานเอกสารต่าง ๆ ฝ่ายโจทก์จะได้ทำขึ้นในภายหลังแต่ก็มีสำเนาบันทึกประจำวันอันเป็นวันรุ่งขึ้นหลังจากเกิดเหตุอยู่ด้วย เอกสารต่าง ๆ ก็ไม่มีพิรุธอันที่จะทำให้ไม่อาจรับฟังเป็นพยานได้
แม้ผู้เสียหายไม่เคยรู้จักกับจำเลยมาก่อนมีโอกาสนั่งพูดคุยอยู่กับจำเลยเป็นเวลานานนับชั่วโมง โดยพูดคุยกันทั้งร้านอาหารและภายในห้องพัก โอกาสที่ผู้เสียหายจะจำจำเลยได้อย่างแม่นยำมีมาก เมื่อผู้เสียหายได้พบจำเลยอีกครั้งหลังเกิดเหตุนานประมาณหนึ่งเดือน ผู้เสียหายก็วิทยุเรียกเจ้าพนักงานตำรวจให้มาจับกุมจำเลยทันที ย่อมแสดงว่าผู้เสียหายจำจำเลยได้อย่างแม่นยำ
คนมีฐานะดีไม่จำเป็นเสมอไปที่จะไม่กระทำความผิดเลย และเหตุคดีนี้เกิดขึ้นนานประมาณ 1 เดือนแล้ว จำเลยอาจชะล่าใจคิดว่าผู้เสียหายคงจะไม่ติดตามคดีก็ได้ และเวลาที่จำเลยไปที่ร้านเดิมก็เป็นเวลาที่ใกล้เคียงกับเวลาในวันเกิดเหตุจึงเชื่อว่าจำเลยได้กระทำความผิดฐานลักทรัพย์ของโจทก์จริง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1112/2543
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สมคบกันค้าเฮโรอีน - พยานแวดล้อมประกอบคำรับสารภาพ เชื่อได้ว่าจำเลยร่วมธุรกิจกับผู้ต้องหาอื่น
ความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดบางกรณีจะเกิดขึ้นได้จะต้องมีบุคคลสองฝ่ายมาตกลงร่วมคบคิดกัน เช่น การจำหน่ายยาเสพติดให้โทษจะต้องมีผู้ขายฝ่ายหนึ่งกับผู้ซื้ออีกฝ่ายหนึ่ง ทั้งสองฝ่ายมีเจตนาคนละอย่างกัน ผู้ขายมีเจตนาที่จะขายผู้ซื้อมีเจตนาที่จะซื้อ เมื่อทั้งสองฝ่ายตกลงร่วมกันที่จะขายและจะซื้อยาเสพติดให้โทษต่อกัน ก็ถือว่าได้สมคบโดยการตกลงร่วมคบคิดกันที่จะกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดแล้วตามพระราชบัญญัติมาตรการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ. 2534 มาตรา 8 วรรคหนึ่ง หาใช่ว่าจะต้องมีเจตนาเดียวกันหรือเจตนาร่วมกันไม่
จากการสอบสวนพยานหลักฐานต่าง ๆ พนักงานสอบสวนเชื่อว่าจำเลยและ ล. กระทำความผิดในข้อหาสมคบกันกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด จึงเสนอต่อเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ขออนุมัติแจ้งข้อหาดังกล่าวเพิ่มเติมและได้รับอนุมัติแล้ว พนักงานสอบสวนจึงแจ้งข้อหาเพิ่มเติมแก่จำเลย แต่จำเลยให้การปฏิเสธ แม้โจทก์จะมิได้อ้างส่งบันทึกคำให้การชั้นสอบสวนของจำเลยเป็นพยาน แต่จำเลยก็มิได้นำสืบปฏิเสธข้อเท็จจริงดังกล่าว ทั้งยังยอมรับว่าได้มีการแจ้งข้อหาเพิ่มเติมแก่จำเลยว่าร่วมสมคบกับผู้อื่นกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดและได้มีการกระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติดให้โทษเพราะได้มีการสมคบกันแล้ว จึงฟังได้ว่าได้มีการสอบสวนจำเลยในข้อหาสมคบกันตามพระราชบัญญัติมาตรการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดฯ โดยชอบแล้ว
จากการสอบสวนพยานหลักฐานต่าง ๆ พนักงานสอบสวนเชื่อว่าจำเลยและ ล. กระทำความผิดในข้อหาสมคบกันกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด จึงเสนอต่อเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ขออนุมัติแจ้งข้อหาดังกล่าวเพิ่มเติมและได้รับอนุมัติแล้ว พนักงานสอบสวนจึงแจ้งข้อหาเพิ่มเติมแก่จำเลย แต่จำเลยให้การปฏิเสธ แม้โจทก์จะมิได้อ้างส่งบันทึกคำให้การชั้นสอบสวนของจำเลยเป็นพยาน แต่จำเลยก็มิได้นำสืบปฏิเสธข้อเท็จจริงดังกล่าว ทั้งยังยอมรับว่าได้มีการแจ้งข้อหาเพิ่มเติมแก่จำเลยว่าร่วมสมคบกับผู้อื่นกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดและได้มีการกระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติดให้โทษเพราะได้มีการสมคบกันแล้ว จึงฟังได้ว่าได้มีการสอบสวนจำเลยในข้อหาสมคบกันตามพระราชบัญญัติมาตรการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดฯ โดยชอบแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 483/2542
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฆ่าโดยเจตนาจากความหึงหวง พยานแวดล้อมยืนยันการกระทำผิด
ในห้องเกิดเหตุมีจำเลยอยู่กับผู้ตายเพียง 2 คนและก่อนที่ผู้ตายจะถูกกระสุนปืนเข้าที่ศีรษะจนถึงแก่ความตายนั้น จำเลยกับผู้ตายมีเรื่องทะเลาะกันเนื่องจากผู้ตายไปติดพันผู้หญิงคนใหม่ ทำให้จำเลยกลุ้มใจและหึงหวงผู้ตาย หลังจากผู้ตายถูกกระสุนปืนแล้วจำเลยพยายามฆ่าตัวตายและให้การรับสารภาพต่อพนักงานสอบสวน ในเวลาต่อมาว่า จำเลยคิดจะฆ่าตัวตายพร้อมกับผู้ตาย จึงใช้อาวุธปืนยิงที่ศีรษะผู้ตายในขณะที่ผู้ตายนอนหลับ อยู่บนเตียง ดังนั้น แม้โจทก์จะไม่มีประจักษ์พยานรู้เห็น เหตุการณ์ แต่พยานแวดล้อมกรณีดังกล่าวมีความชัดเจนรับฟังได้โดยปราศจากข้อสงสัยว่าจำเลยใช้อาวุธปืนของกลางยิงผู้ตายถึงแก่ความตายจริง จำเลยจึงมีความผิดฐานฆ่าผู้ตายโดยเจตนา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1653/2542
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ปล้นทรัพย์-อนาจาร: พยานแวดล้อมหนักแน่น ยืนยันตัวผู้กระทำผิดได้
แม้โจทก์จะไม่มีส. ลูกจ้างที่ร้านอาหารของผู้เสียหายมาเบิกความเป็นพยานต่อศาลแต่ก็ได้ความจากพนักงานสอบสวนตามบันทึกการชี้ตัวและคำให้การของ ส. ซึ่งสอดคล้องกับคำเบิกความของผู้เสียหาย และในขณะที่ผู้เสียหายอยู่ที่บ้านเกิดเหตุ จำเลยที่ 1 ก็ได้เข้ามา กระทำอนาจารผู้เสียหาย ถึง 2 ครั้ง เป็นเวลานาน ซึ่งในห้องเปิดไฟสว่าง มองเห็นกันได้และอยู่ใกล้ชิดกัน น่าเชื่อว่าผู้เสียหายมีโอกาส มองเห็นและจำจำเลยที่ 1 ได้ และการที่ผู้เสียหาย ไปดูตัวคนร้ายที่ถูกจับอยู่ที่สถานีตำรวจเพราะอ่านพบข่าว และดูภาพคนร้ายจากหนังสือพิมพ์เหมือนคนร้ายที่กระทำ ต่อผู้เสียหาย ยิ่งทำให้คำเบิกความของผู้เสียหายมีน้ำหนัก น่ารับฟังมากว่าผู้เสียหายจำคนร้ายได้ เมื่อดูตัวแล้วผู้เสียหายก็ยืนยันว่า จำเลยที่ 1 กับพวกเป็นคนร้ายและชี้ตัวได้ถูกต้องผู้เสียหายยืนยันว่าเมื่อรู้สึกตัวที่โรงพยาบาลทรัพย์สิน ได้หายไปแม้ไม่ได้ความว่าจำเลยคนใดเอาทรัพย์สินไป แต่พฤติการณ์ที่ผู้เสียหายถูกมอมยาและพาไปที่บ้านเกิดเหตุนานหลายชั่วโมง มีการให้ผู้เสียหายรับประทานยาอีก 2 ครั้งจนผู้เสียหายหมดสติหลับไป เมื่อฟื้นขึ้นที่โรงพยาบาลปรากฏว่า ทรัพย์สินหายไปและไม่พบตัวจำเลยที่ 1 กับพวกเช่นนี้ พยานโจทก์แวดล้อมกรณีมีน้ำหนักมั่นคงรับฟังได้โดยปราศจาก ข้อสงสัยว่าจำเลยที่ 1 ได้ร่วมกระทำผิดจริงตามฟ้อง พยานจำเลยที่ 1 นำสืบอ้างฐานที่อยู่มีน้ำหนักน้อยทั้งจำเลยที่ 1 ได้ให้การ รับสารภาพในข้อหาปล้นทรัพย์ตามฟ้องจนศาลสืบพยานโจทก์ เกือบเสร็จแล้ว จำเลยที่ 1 ได้ขอถอนคำให้การเดิมและ ให้การใหม่ปฏิเสธว่าไม่ได้กระทำผิดตามฟ้องเป็นพิรุธ พยานจำเลยที่ 1 จึงไม่อาจหักล้างพยานโจทก์ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4589/2539
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
พยานแวดล้อมเพียงพอฟังลงโทษคดีฆ่าข่มขืนและพยายามฆ่า โดยไม่มีพยานรู้เห็นเหตุการณ์
แม้โจทก์ไม่มีประจักษ์พยานที่ได้รู้เห็นขณะที่จำเลยเข้าไปในห้องนอนของนางน. ผู้ตายเพื่อฆ่าข่มขืนผู้ตายและพยายามฆ่าเด็กชายจ. แต่โจทก์มีพยานแวดล้อมคือพนักงานสอบสวนตรวจพบเส้นขนอวัยวะเพศของจำเลยตกอยู่ในห้องที่เกิดเหตุและที่ร่างกายของจำเลยพบร่องรอยของการต่อสู้เป็นบาดแผลรอยถูกเล็บมือข่วน2แห่งที่ปลายแขนซ้ายด้านนอกและด้านหน้าอีกทั้งตรวจค้นพบของกลางเป็นนาฬิกาข้อมือของจำเลยที่สายหนังมีรอยคราบโลหิตติดอยู่ดังนี้พยานแวดล้อมของโจทก์จึงสอดคล้องเชื่อมโยงกันโดยตลอดเพียงพอฟังลงโทษจำเลยได้