พบผลลัพธ์ทั้งหมด 17 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1554/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
พระพุทธรูปของกลางไม่ใช่ทรัพย์อันเป็นที่สักการะบูชาของประชาชน ไม่เข้าข่ายความผิดตามมาตรา 335 ทวิ
พระพุทธรูปของกลางทั้ง 7 องค์ ที่ถูกลักไปนั้น เป็นพระพุทธรูปขนาดเล็ก เก็บรักษาอยู่ในตู้ของวัดแต่ไม่ปรากฏว่าเอาไว้ทำอะไร พระพุทธรูปของกลางจึงเป็นพระพุทธรูปธรรมดา เช่น พระพุทธรูปบูชาทั่วไป ถือไม่ได้ว่าเป็นทรัพย์อันเป็นที่สักการะบูชาของประชาชนตาม ป.อ. มาตรา 335 ทวิ วรรคหนึ่ง เมื่อพระพุทธรูปของกลางมิใช่ทรัพย์อันเป็นที่สักการะบูชาของประชาชน แม้จำเลยที่ 4กับพวกจะลักพระพุทธรูปของกลางในวัด การกระทำของจำเลยที่ 4 กับพวกก็ไม่เป็นความผิดตามมาตรา 335 วรรคสอง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1554/2539
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ลักทรัพย์พระพุทธรูปในวัด ไม่เข้าข่ายทรัพย์อันเป็นที่สักการะบูชาประชาชน ความผิดตามมาตรา 335 ทวิ วรรคหนึ่ง
พระพุทธรูปของกลางทั้ง7องค์ที่ถูกลักไปนั้นเป็นพระพุทธรูปขนาดเล็กเก็บรักษาอยู่ในตู้ของวัดแต่ไม่ปรากฏว่าเอาไว้ทำอะไรพระพุทธรูปของกลางจึงเป็นพระพุทธรูปธรรมดาเช่นพระพุทธรูปบูชาทั่วไปถือไม่ได้ว่าเป็นทรัพย์อันเป็นที่สักการะบูชาของประชาชนตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา335ทวิวรรคหนึ่งเมื่อพระราชบัญญัติของกลางมิใช่ทรัพย์อันเป็นที่สักการะบูชาของประชาชนแม้จำเลยที่4กับพวกจะลักพระพุทธรูปของกลางในวัดการกระทำของจำเลยที่4กับพวกก็ไม่เป็นความผิดตามมาตรา335วรรคสอง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3110/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลักทรัพย์พระพุทธรูปที่ไม่เป็นทรัพย์สาธารณะ: เปลี่ยนข้อหาจาก 335 ทวิ เป็น 335(1)(7)(9)
พระพุทธรูปองค์ที่หายไปเป็นพระที่ ต. ขุดพบที่จอมปลวกแห่งหนึ่งห่างจากวัดร่องขุ่นไปประมาณ 1 กิโลเมตร เมื่อปี 2475ขณะ ต.บวชเณรอยู่ที่วัดร่องขุ่นต. นำมาให้เจ้าอาวาสวัดร่องขุ่นในขณะนั้นเก็บไว้ หลังเจ้าอาวาสรูปนั้นมรณภาพแล้วต. ได้นำไปเก็บไว้ที่บ้านของตน จนปี 2519 จึงนำมาเก็บไว้ใต้ฐานเจดีย์ที่เกิดเหตุ จึงถือไม่ได้ว่าเป็นทรัพย์อันเป็นที่สักการะบูชาของประชาชน ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 335 ทวิ วรรคแรก แม้จำเลยที่ 2 กับพวกจะลักพระพุทธรูปดังกล่าวในวัดก็ไม่เป็นความผิดตามมาตรา 335 ทวิ วรรคสอง และกรณีเป็นเหตุในลักษณะคดี ศาลฎีกาเห็นสมควรพิพากษาให้มีผลถึงจำเลยที่ 1และที่ 3 ที่มิได้อุทธรณ์ฎีกาด้วยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 213 ประกอบมาตรา 225
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2712/2532 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลักทรัพย์พระพุทธรูปและทรัพย์สินอื่น การพิจารณาความเป็นทรัพย์ที่ใช้ในการกระทำความผิด
การนำพระพุทธรูปซึ่งเป็นที่สักการะบูชาของประชาชนสืบมาแต่เดิมไปเก็บซ่อนไว้เพื่อให้พ้นจากการโจรกรรม หาทำให้พระพุทธรูปนั้นพ้นจากการเป็นพระพุทธรูปที่ประชาชนสักการะบูชาไม่
จำเลยเพียงแต่ใช้รถยนต์ของกลางเป็นพาหนะไปลักและบรรทุกเอาพระพุทธรูปไปจากวัดที่เกิดเหตุ ไม่ได้ใช้ในการลักพระพุทธรูปดังกล่าวโดยตรง รถยนต์นั้นจึงไม่ใช่ทรัพย์สินที่ใช้ในการกระทำความผิดอันจะพึงริบได้
จำเลยเพียงแต่ใช้รถยนต์ของกลางเป็นพาหนะไปลักและบรรทุกเอาพระพุทธรูปไปจากวัดที่เกิดเหตุ ไม่ได้ใช้ในการลักพระพุทธรูปดังกล่าวโดยตรง รถยนต์นั้นจึงไม่ใช่ทรัพย์สินที่ใช้ในการกระทำความผิดอันจะพึงริบได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2712/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลักทรัพย์พระพุทธรูปและการริบรถยนต์ที่ใช้เป็นพาหนะ ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าการซ่อนพระพุทธรูปไม่ทำให้เสียสภาพการสักการะ และรถยนต์ไม่ใช่ทรัพย์สินที่ใช้ในการกระทำความผิดโดยตรง
การนำพระพุทธรูปซึ่งเป็นที่สักการะ บูชาของประชาชนสืบมาแต่เดิมไปเก็บซ่อนไว้เพื่อให้พ้นจากการโจรกรรมหาทำให้พระพุทธรูปนั้นพ้นจากการเป็นพระพุทธรูปที่ประชาชนสักการะ บูชาไม่.
จำเลยเพียงแต่ใช้รถยนต์ของกลางเป็นพาหนะ ไปลักและบรรทุกเอาพระพุทธรูปไปจากวัดที่เกิดเหตุ ไม่ได้ใช้ในการลักพระพุทธรูปดังกล่าวโดยตรง รถยนต์นั้นจึงไม่ใช่ทรัพย์สินที่ใช้ในการกระทำความผิดอันจะพึง ริบได้.
จำเลยเพียงแต่ใช้รถยนต์ของกลางเป็นพาหนะ ไปลักและบรรทุกเอาพระพุทธรูปไปจากวัดที่เกิดเหตุ ไม่ได้ใช้ในการลักพระพุทธรูปดังกล่าวโดยตรง รถยนต์นั้นจึงไม่ใช่ทรัพย์สินที่ใช้ในการกระทำความผิดอันจะพึง ริบได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2712/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลักทรัพย์พระพุทธรูปและประเด็นการริบรถยนต์ที่ใช้เป็นพาหนะ
การนำพระพุทธรูปซึ่งเป็นที่สักการะบูชาของประชาชนสืบมาแต่เดิมไปเก็บซ่อนไว้เพื่อให้พ้นจากการโจรกรรม หาทำให้พระพุทธรูปนั้นพ้นจากการเป็นพระพุทธรูปที่ประชาชนสักการะบูชาไม่ จำเลยเพียงแต่ใช้รถยนต์ของกลางเป็นพาหนะไปลักและบรรทุกเอาพระพุทธรูปไปจากวัดที่เกิดเหตุ ไม่ได้ใช้ในการลักพระพุทธรูปดังกล่าวโดยตรง รถยนต์นั้นจึงไม่ใช่ทรัพย์สินที่ใช้ในการกระทำความผิดอันจะพึงริบได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2712/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลักทรัพย์พระพุทธรูปและประเด็นการริบรถยนต์ที่ใช้เป็นพาหนะ
การนำพระพุทธรูปซึ่งเป็นที่สักการะบูชาของประชาชนสืบมาแต่เดิมไปเก็บซ่อนไว้เพื่อให้พ้นจากการโจรกรรม หาทำให้พระพุทธรูปนั้นพ้นจากการเป็นพระพุทธรูปที่ประชาชนสักการะบูชาไม่ จำเลยเพียงแต่ใช้รถยนต์ของกลางเป็นพาหนะไปลักและบรรทุกเอาพระพุทธรูปไปจากวัดที่เกิดเหตุ ไม่ได้ใช้ในการลักพระพุทธรูปดังกล่าวโดยตรง รถยนต์นั้นจึงไม่ใช่ทรัพย์สินที่ใช้ในการกระทำความผิดอันจะพึงริบได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2214/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลักทรัพย์พระพุทธรูปจากวัดโดยรู้ว่าเป็นทรัพย์สินของวัดและประสงค์มิให้เจ้าอาวาสขัดขวาง
พระพุทธรูปของกลางเป็นของวัด การที่จำเลยทั้งสองกับพวกร่วมกันซื้อพระพุทธรูปดังกล่าวจากพระภิกษุซ.ซึ่งจำวัดอยู่ในวิหาร โดยรู้อยู่แล้วว่าไม่ใช่ทรัพย์สินของพระภิกษุซ.ก็เพื่อมิให้พระภิกษุซ.ขัดขวางจำเลยทั้งสองกับพวกเท่านั้น เมื่อจำเลยทั้งสองกับพวกเอาพระพุทธรูปของกลางไปจากวิหาร จำเลยทั้งสองย่อมมีความผิดฐานลักทรัพย์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1812/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลักทรัพย์พระพุทธรูป และการเพิ่มโทษจากคดีก่อนหน้าที่มีการล้างมลทิน
พระพุทธรูปที่จำเลยลักไปหน้าตักกว้าง 5 นิ้ว ตั้งไว้ที่มุมโต๊ะบูชาในห้องของหอสวดมนต์ ถือไม่ได้ว่าเป็นทรัพย์อันเป็นที่สักการะบูชาของประชาชนตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335 ทวิ วรรคแรก แม้จำเลยจะลักพระพุทธรูปนี้ในวัดก็ ไม่เป็นความผิดตามมาตรา 335 ทวิ วรรคสอง
ในระหว่างพิจารณาของศาลฎีกา พระราชบัญญัติล้างมลทินได้ใช้ บังคับ โดยพระราชบัญญัตินี้ให้ถือว่าบรรดาผู้ต้องโทษและได้พ้นโทษไปแล้วก่อนหรือในวันที่พระราชบัญญัติดังกล่าวใช้ บังคับ เป็นผู้มิได้เคยถูกลงโทษในความผิดนั้นๆ ดังนี้เมื่อความผิดที่ศาลจำคุกจำเลยที่โจทก์อาศัยเป็นเหตุขอให้เพิ่มโทษ จำเลยได้พ้นโทษไปก่อนวันที่พระราชบัญญัติข้างต้นใช้บังคับจึงเพิ่มโทษจำเลยไม่ได้ แต่สำหรับโทษจำคุกที่ศาลรอการลงโทษไว้นำมาบวกแก่โทษของจำเลยได้
ในระหว่างพิจารณาของศาลฎีกา พระราชบัญญัติล้างมลทินได้ใช้ บังคับ โดยพระราชบัญญัตินี้ให้ถือว่าบรรดาผู้ต้องโทษและได้พ้นโทษไปแล้วก่อนหรือในวันที่พระราชบัญญัติดังกล่าวใช้ บังคับ เป็นผู้มิได้เคยถูกลงโทษในความผิดนั้นๆ ดังนี้เมื่อความผิดที่ศาลจำคุกจำเลยที่โจทก์อาศัยเป็นเหตุขอให้เพิ่มโทษ จำเลยได้พ้นโทษไปก่อนวันที่พระราชบัญญัติข้างต้นใช้บังคับจึงเพิ่มโทษจำเลยไม่ได้ แต่สำหรับโทษจำคุกที่ศาลรอการลงโทษไว้นำมาบวกแก่โทษของจำเลยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1812/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลักทรัพย์พระพุทธรูปที่ไม่เป็นทรัพย์อันเป็นที่สักการะบูชาของประชาชน และผลกระทบของ พ.ร.บ.ล้างมลทินต่อการเพิ่มโทษ
พระพุทธรูปที่จำเลยลักไปหน้าตักกว้าง 5 นิ้ว ตั้งไว้ที่มุมโต๊ะบูชาในห้องของหอสวดมนต์ ถือไม่ได้ว่าเป็นทรัพย์อันเป็นที่สักการะบูชาของประชาชนตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335 ทวิ วรรคแรก แม้จำเลยจะลักพระพุทธรูปนี้ในวัดก็ ไม่เป็นความผิดตามมาตรา 335 ทวิ วรรคสอง ในระหว่างพิจารณาของศาลฎีกา พระราชบัญญัติล้างมลทินได้ใช้ บังคับ โดยพระราชบัญญัตินี้ให้ถือว่าบรรดาผู้ต้องโทษและได้พ้นโทษไปแล้วก่อนหรือในวันที่พระราชบัญญัติดังกล่าวใช้ บังคับ เป็นผู้มิได้เคยถูกลงโทษในความผิดนั้นๆ ดังนี้ เมื่อความผิดที่ศาลจำคุกจำเลยที่โจทก์อาศัยเป็นเหตุขอให้ เพิ่มโทษ จำเลยได้พ้นโทษไปก่อนวันที่พระราชบัญญัติข้างต้นใช้บังคับจึงเพิ่มโทษจำเลยไม่ได้ แต่สำหรับโทษจำคุกที่ศาลรอการลงโทษไว้ นำมาบวกแก่โทษของจำเลยได้