พบผลลัพธ์ทั้งหมด 22 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 985/2547
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ลักทรัพย์จากตู้โทรศัพท์สาธารณะ ศาลยืนตามดุลพินิจศาลล่าง ไม่รอการลงโทษจำคุก เนื่องจากพฤติการณ์ร้ายแรง
จำเลยลักเอาเงินจำนวน 2,051 บาท ขององค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทยจากเครื่องโทรศัพท์สาธารณะที่ติดตั้งไว้ให้บริการแก่ประชาชนในเวลากลางคืน โดยใช้กุญแจและอุปกรณ์อื่นที่จัดเตรียมมาเป็นเครื่องมือในการกระทำความผิด และใช้จักรยานเป็นพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำผิด พาทรัพย์ไปและเพื่อให้พ้นการจับกุม พฤติการณ์ในการกระทำความผิดของจำเลยนอกจากจะก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้เสียหายแล้ว ยังเป็นอันตรายต่อทรัพย์ที่มีไว้เพื่อสาธารณประโยชน์ และอาจก่อให้เกิดความขัดข้องในการใช้โทรศัพท์สาธารณะของประชาชนทำให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อนอีกด้วย ขณะกระทำความผิดจำเลยอายุ 18 ปีเศษ นับว่าอยู่ในวัยที่มีวุฒิภาวะและมีความรู้สึกผิดชอบชั่วดีพอสมควรแล้ว แต่กลับกระทำความผิดดังกล่าวโดยไม่คำนึงถึงความสงบสุขของสังคมส่วนรวมจึงเป็นเรื่องที่ร้ายแรง ที่ศาลล่างทั้งสองใช้ดุลพินิจไม่รอการลงโทษจำคุกให้แก่จำเลยนั้นเหมาะสมกับพฤติการณ์แห่งรูปคดีแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4095/2547
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
แจ้งความเท็จ-ทำไม้ผิดกฎหมาย: ศาลยืนโทษจำคุก แม้มีภาระครอบครัว เหตุพฤติการณ์ร้ายแรง
พฤติการณ์ที่จำเลยที่ 1 แจ้งข้อความอันเป็นเท็จต่อพนักงานป่าไม้โดยยื่นคำขอขึ้นทะเบียนที่ดินของจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นที่นาไม่มีต้นไม้เป็นสวนป่า เพื่อจะทำไม้ในป่าแล้วนำมาสวมเข้าเป็นไม้ในสวนป่าของตนที่ยื่นคำขอ และร่วมกับพวกทำไม้ในป่า โดยตัด ฟัน เลื่อย โค่น ไม้สัก ซึ่งเป็นไม้หวงห้ามประเภท ก. จำนวนมากถึง 164 ท่อน ปริมาตร 31.43 ลูกบาศก์เมตร และร่วมกันม่ไม้สักอันยังมิได้แปรรูปจำนวนดังกล่าวไว้ในครอบครองโดยฝ่าฝืนต่อกฎหมายแล้วร่วมกันใช้ตราสวนป่าซึ่งจำเลยที่ 1 ได้มาจากการแจ้งความเท็จตีตอกหรือประทับหรือแสดงการเป็นเจ้าของไม้บนไม้สักดังกล่าว ซึ่งมิได้มาจากการทำสวนป่า ลักษณะของการกระทำความผิดเป็นการกระทำที่คำนึงถึงแต่ประโยชน์ส่วนตัวและไม่ยำเกรงต่อกฎหมาย นับเป็นพฤติการณ์ร้ายแรง แม้จำเลยที่ 1 มีภาระต้องรับผิดชอบต่อครอบครัว แต่เป็นเพียงเหตุผลและความจำเป็นส่วนตัว จึงยังไม่มีเหตุผลเพียงพอที่จะให้ความปรานีแก่จำเลยที่ 1 โดยการรอการลงโทษให้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2295/2547
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลงโทษปรับเป็นเงื่อนไขสำคัญในการจ่ายสินบนนำจับในคดีพนัน และพฤติการณ์ร้ายแรงที่ไม่รอการลงโทษ
ในกรณีที่มีคำขอให้จ่ายเงินสินบนนำจับแก่ผู้นำจับตามมาตรา 15 แห่ง พ.ร.บ.การพนันฯ ศาลจะพิพากษาให้จ่ายเงินสินบนนำจับแก่ผู้นำจับได้ก็ต่อเมื่อมีการลงโทษปรับจำเลยด้วย เพราะจำนวนเงินค่าปรับจะต้องนำมาเป็นเกณฑ์ในการคำนวณว่าจะต้องจ่ายเงินสินบนนำจับแก่ผู้นำจับเป็นจำนวนเท่าใด เมื่อคดีนี้ศาลพิพากษาลงโทษจำคุกแต่อย่างเดียวโดยไม่ลงโทษปรับ จึงไม่อาจจ่ายเงินสินบนนำจับแก่ผู้นำจับได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 12477/2547
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลดโทษประหารชีวิตในคดียาเสพติด: ศาลฎีกาพิพากษาว่าการลดโทษเป็นจำคุกตลอดชีวิตเหมาะสมกับพฤติการณ์ร้ายแรงของคดี
ตาม ป.อ. มาตรา 52 (2) ในการลดโทษประหารชีวิตถ้าจะลดกึ่งหนึ่ง ให้ลดเป็นโทษจำคุกตลอดชีวิต หรือโทษจำคุกตั้งแต่ 25 ปี ถึง 50 ปี ซึ่งศาลจะเห็นสมควรลดโทษให้เพียงใดเป็นดุลพินิจของศาล ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับพฤติการณ์แห่งการกระทำความผิดว่าร้ายแรงหรือไม่เพียงใด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2539/2543
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การโต้แย้งรายงานสืบเสาะในชั้นฎีกาต้องเคยยกขึ้นว่ากล่าวในศาลล่าง และพฤติการณ์ร้ายแรงกระทบต่อสังคม
ในวันนัดฟังคำพิพากษาศาลชั้นต้น ศาลชั้นต้นแจ้งรายงานการสืบเสาะและพินิจของพนักงานคุมประพฤติให้จำเลยทราบแล้ว จำเลยแถลงไม่คัดค้านและลงชื่อไว้ในกระบวนพิจารณาด้วย ปรากฏตามรายงานกระบวนพิจารณาของศาลชั้นต้น จำเลยจะมาโต้แย้งรายงานการสืบเสาะและพินิจของพนักงานคุมประพฤติในชั้นฎีกาไม่ได้ ถือว่าเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ภาค 6 ต้องห้ามมิให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 ประกอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2283/2543
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิจารณาโทษลักทรัพย์: ศาลยืนตามโทษเดิม เนื่องจากพฤติการณ์ร้ายแรงและจำเลยได้รับคุณมากแล้ว
ทรัพย์ที่จำเลยลักไปนั้นมีจำนวน 4 รายการ โดยเฉพาะบุหรี่มีจำนวนถึง 29 ห่อมีราคาถึง 8,700 บาท นับเป็นพฤติการณ์ที่ร้ายแรงการที่ศาลล่างทั้งสองลงโทษจำคุกจำเลยเพียง 2 เดือน โดยไม่รอการลงโทษนั้น นับเป็นคุณแก่จำเลยและเหมาะสมแก่พฤติการณ์แห่งรูปคดีแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1923/2543
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การปลอมเอกสารราชการเพื่อออกบัตรประชาชนปลอมเป็นพฤติการณ์ร้ายแรง ไม่สมควรรอการลงโทษ
บัตรประจำตัวประชาชนเป็นเอกสารสำคัญทางราชการเพื่อแสดงถึงการรับรองสิทธิและฐานะความเป็นคนไทย จำเลยกับพวกร่วมกันปลอมคำขอมีบัตรมีบัตรใหม่ หรือเปลี่ยนบัตรประจำตัวประชาชน (บ.ป.1) ของ ส. เพื่อที่ ย. กับพวกนำไปยื่นต่อทางราชการเพื่อให้ทำบัตรประชาชนให้ ย. ในนามของ ส. อาจนำมาซึ่งความเสียหายหรือก่อให้เกิดความเสียหายแก่บุคคลอื่นหรือก่อให้เกิดความเสียหายต่อความมั่นคงของรัฐ เป็นพฤติการณ์ที่ร้ายแรงไม่สมควรรอการลงโทษจำคุกให้แก่จำเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3256/2542
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิจารณาโทษคดีวิ่งราวทรัพย์ของผู้กระทำผิดขณะศึกษา การวางแผนร่วมกันและพฤติการณ์ร้ายแรงเป็นเหตุไม่รอการลงโทษ
พฤติการณ์ที่จำเลยที่ 2 ร่วมกับจำเลยที่ 1 ใช้รถจักรยานยนต์ ขับตามผู้เสียหายไปก่อนวิ่งราวทรัพย์นั้น บ่งชี้ว่าจำเลยทั้งสอง ร่วมกันวางแผนกระทำความผิดมาก่อน ทั้งอาศัยโอกาส กระทำความผิดต่อผู้เสียหายซึ่งเป็นสตรีในเวลากลางคืนในขณะปลอดผู้รู้เห็นและสะดวกแก่การหลบหนี การกระทำของจำเลยที่ 2 เป็นการคุกคามต่อความปลอดภัยในทรัพย์สิน ของบุคคลทั่วไป ถือว่าเป็นกรณีร้ายแรง และแม้ขณะกระทำ ความผิดมารดาจำเลยที่ 2 จะป่วยไม่มีเงินเป็นค่ารักษาพยาบาลจำเลยที่ 2 ก็สามารถแก้ไขด้วยการประกอบอาชีพสุจริตหรือหยิบยืมจากญาติได้ หาใช่แก้ไขด้วยการกระทำผิดกฎหมายซึ่งมีแต่จะก่อให้เกิดความเดือด ร้อนต่อสังคมทั่วไปไม่ ดังนั้น แม้จำเลยที่ 2 จะอายุเพียง 18 ปี มีการศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนปลายซึ่งก็ย่อมได้รับการอบรมสั่งสอนให้มี ความรู้สึกผิดชอบและมีความสำนึกว่าควรแก้ไขปัญหาของตน ด้วยการกระทำที่ไม่ก่อให้เกิดความเดือด ร้อนต่อบุคคลอื่น และไม่กระทำในสิ่งที่ผิดกฎหมาย แต่จำเลยที่ 2 หาได้ นำสิ่งที่ได้รับการอบรมสั่งสอนมาประพฤติปฏิบัติไม่ กลับมากระทำผิด กฎหมายในขณะกำลังศึกษาเช่นนี้ จึงไม่เป็นเหตุที่จะรอการลงโทษ ให้จำเลยที่ 2
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1845/2540
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกำหนดโทษและการพิจารณาเลื่อนโทษในคดีอาญา พฤติการณ์ร้ายแรงกระทบต่อการรอการลงโทษ
จำเลยให้การรับสารภาพศาลชั้นต้นบันทึกคำพิพากษาไว้ในแบบบันทึกคำฟ้องคำรับสารภาพคำพิพากษาซึ่งเป็นแบบพิมพ์คำฟ้องด้วยวาจาว่า"จำเลยผิดตามฟ้องรับลดกึ่งหนึ่งแล้วลงโทษจำคุก6เดือน"จึงชัดแจ้งแล้วว่าเมื่อศาลลดโทษให้จำเลยกึ่งหนึ่งแล้วคงลงโทษจำเลย6เดือน จำเลยใช้อาวุธมีดขนาดใหญ่ใบมีดยาว19เซนติเมตรกว้าง5เซนติเมตรด้ามมีดยาว53.5เซนติเมตรฟันบริเวณศีรษะอันเป็นอวัยวะส่วนสำคัญของผู้เสียหายมีบาดแผลยาว8.10เซนติเมตรเมื่อผู้เสียหายล้มจำเลยยังฟันซ้ำอีกแต่ด้ามมีดถูกแขนผู้เสียหายพฤติการณ์แห่งคดีร้ายแรงจึงไม่รอการลงโทษให้จำเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8485/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเรียกคืนที่ดินจากผู้รับโอน กรณีประพฤติเนรคุณ ต้องมีพฤติการณ์ร้ายแรงตามกฎหมาย
ข้ออ้างของโจทก์ที่อ้างว่าจำเลยที่ 1 ประพฤติเนรคุณต่อโจทก์ทั้งสองตามที่โจทก์บรรยายมาในคำฟ้องนั้น มิได้บรรยายว่าจำเลยที่ 1 ได้ประทุษร้ายต่อโจทก์ทั้งสองเป็นความผิดอาญาอย่างร้ายแรงตามประมวลกฎหมายอาญา หรือจำเลยที่ 1 ได้ทำให้โจทก์ทั้งสองเสียชื่อเสียงหรือหมิ่นประมาทโจทก์ทั้งสองอย่างร้ายแรง หรือจำเลยที่ 1 ได้บอกปัดไม่ยอมให้สิ่งของจำเป็นเลี้ยงชีวิตแก่โจทก์ทั้งสองในเวลาที่โจทก์ทั้งสองยากไร้และจำเลยที่ 1 ยังสามารถจะให้ได้แต่อย่างใดแม้โจทก์ได้บรรยายฟ้องมาว่า จำเลยที่ 1 ขับไล่โจทก์ทั้งสองออกจากที่ดินพิพาทจำเลยที่ 1 ประพฤติเนรคุณต่อโจทก์ทั้งสอง แต่โจทก์ก็มิได้บรรยายมาด้วยว่าจำเลยที่ 1 ขับไล่โจทก์ทั้งสองออกจากที่ดินพิพาทด้วยการกระทำหรือด้วยวาจาอย่างใดอันจะฟังได้ว่าเป็นการที่จำเลยที่ 1 ได้ทำให้โจทก์ทั้งสองเสียชื่อเสียงหรือหมิ่นประมาทโจทก์ทั้งสองอย่างร้ายแรง ดังนั้น แม้ข้อเท็จจริงฟังได้ตามคำฟ้องของโจทก์ ก็ไม่มีเหตุที่จะถือได้ว่าจำเลยที่ 1 ได้ประพฤติเนรคุณต่อโจทก์ทั้งสองอันจะทำให้โจทก์ทั้งสองเรียกที่ดินพิพาทคืนจากจำเลยที่ 1 ได้ตาม ป.พ.พ.มาตรา 531 แต่อย่างใด โจทก์ทั้งสองจึงไม่อาจเรียกที่ดินพิพาทคืนจากจำเลยที่ 1ได้ และเมื่อโจทก์ทั้งสองไม่อาจเรียกที่ดินพิพาทคืนจากจำเลยที่ 1 แล้ว โจทก์ทั้งสองก็ย่อมไม่มีสิทธิขอให้เพิกถอนการให้ที่ดินพิพาทระหว่างจำเลยที่ 1 และที่ 2และนิติกรรมการขายที่ดินพิพาทระหว่างจำเลยที่ 2 กับที่ 3 และที่ 4 ได้ด้วย
ปัญหาว่าโจทก์ทั้งสองจะขอให้บังคับจำเลยที่ 1 จดทะเบียนโอนที่ดินพิพาทคืนแก่โจทก์ทั้งสองได้หรือไม่ เป็นปัญหาเกี่ยวกับอำนาจฟ้องอันเป็นข้อกฎหมายเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้จำเลยที่ 1 จะมิได้ฎีกาหากศาลฎีกาเห็นสมควร ก็ยกปัญหาดังกล่าวขึ้นวินิจฉัยได้
ปัญหาว่าโจทก์ทั้งสองจะขอให้บังคับจำเลยที่ 1 จดทะเบียนโอนที่ดินพิพาทคืนแก่โจทก์ทั้งสองได้หรือไม่ เป็นปัญหาเกี่ยวกับอำนาจฟ้องอันเป็นข้อกฎหมายเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้จำเลยที่ 1 จะมิได้ฎีกาหากศาลฎีกาเห็นสมควร ก็ยกปัญหาดังกล่าวขึ้นวินิจฉัยได้