พบผลลัพธ์ทั้งหมด 101 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3869/2546 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ป้องกันตัวโดยสำคัญผิด: การกระทำพอสมควรแก่เหตุเมื่อสำคัญผิดว่าผู้ตายเป็นคนร้ายในสถานการณ์ที่มีโจรผู้ร้ายชุกชุม
ช่วงเวลาเกิดเหตุในละแวกบ้านจำเลยมีโจรผู้ร้ายชุกชุมและก่อนเกิดเหตุจำเลยถูกคนร้ายเข้ามาลักทรัพย์ การที่ผู้ตายเข้าไปในบ้านจำเลยในยามวิกาลโดยปราศจากเหตุสมควร ย่อมทำให้จำเลยสำคัญผิดว่าผู้ตายเป็นคนร้ายและจำเลยไม่อาจรู้ได้ว่าผู้ตายจะมีอาวุธหรือไม่ เพราะในห้องที่เกิดเหตุมืดและเป็นเวลากะทันหัน ถ้าเป็นคนร้ายซึ่งจะมาทำร้ายจำเลยจริงแล้ว การที่จะให้จำเลยรออยู่จนกว่าคนร้ายจะแสดงกิริยาทำร้ายแล้ว จำเลยอาจได้รับอันตรายก่อนที่จะทำการป้องกันได้ทันที และจำเลยยิงผู้ตายไปเพียง 1 นัด เมื่อผู้ตายล้มลงจำเลยก็มิได้ยิงซ้ำ การกระทำของจำเลยจึงพอสมควรแก่เหตุเป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมายโดยสำคัญผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 68 ประกอบด้วยมาตรา 62 วรรคแรก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 149/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันตัวพอสมควรแก่เหตุ เมื่อฝ่ายผู้เสียหายเป็นผู้เริ่มทำร้ายและมีจำนวนมากกว่า
ผู้เสียหายกับพวกมีเครื่องหมายแสดงให้เห็นว่าเป็นพวกเดียวกันร้องรำทำเพลงอันมีลักษณะเตรียมการล่วงหน้ากันมาก่อนแล้วปลูกต้นกล้วยในทางที่รู้ว่าจำเลยกับพวกจะต้องผ่านเมื่อจำเลยกับพวกขอผ่านเพื่อกลับบ้านผู้เสียหายกับพวกไม่ยอมหลีกทางให้และเข้าทำร้ายจำเลยกับพวกซึ่งมีจำนวนน้อยกว่าก่อนจึงเป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึงจำเลยย่อมมีสิทธิที่จะป้องกันตัวให้พ้นภยันตรายที่เกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมายได้ทั้งอาวุธที่จำเลยกับพวกใช้ก็เป็นเพียงเครื่องใช้ปกติในการประกอบอาชีพและบาดแผลที่ผู้เสียหายกับพวกได้รับไม่ร้ายแรงมากนักถือว่าจำเลยป้องกันตัวพอสมควรแก่เหตุจำเลยจึงไม่มีความผิด จำเลยได้ยื่นบัญชีระบุพยานไว้แล้วและยังสืบพยานไม่เสร็จได้ขอให้นำสำนวนคดีอาญาอื่นมาผูกรวมกับสำนวนโดยจำเลยมิได้ยื่นบัญชีระบุพยานส่วนนี้เพิ่มเติมศาลอนุญาตดังนี้สำนวนคดีอาญาดังกล่าวจึงเป็นพยานหลักฐานในคดีนี้แล้วศาลชอบที่จะนำคำเบิกความของพยานบุคคลในสำนวนนั้นมาฟังประกอบวินิจฉัยคดีนี้ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5334/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ป้องกันตนเองจากการถูกทำร้าย: การกระทำเพื่อป้องกันพอสมควรแก่เหตุ
จำเลยไม่มีสาเหตุกับผู้ตายเมื่อ อ.ซึ่งถูกผู้ตาย ไล่ฟันวิ่งมาหลบอยู่หลังจำเลยและผู้ตายตามมาฟัน อ. จำเลยพูดกับผู้ตายว่าจำเลยไม่เกี่ยวข้องนั้นเป็นการแสดงให้เห็นว่าจำเลยไม่ได้เข้าช่วยเหลือ อ. ไม่ได้เกี่ยวข้องในเหตุการณ์ระหว่างอ.กับผู้ตาย ทั้งไม่ได้สมัครใจเข้าต่อสู้กับผู้ตายแต่อย่างใด
ผู้ตายตามมาฟัน อ.ซึ่งวิ่งมาหลบอยู่หลังจำเลย เมื่อ อ.หลบหนีไปแล้ว ผู้ตายใช้มีดฟันถูกบริเวณแก้มซ้ายของจำเลย แสดงว่าผู้ตายเป็นฝ่ายก่อเหตุขึ้นก่อนโดยใช้มีดฟันถูกจำเลย จำเลยเข้าแย่งมีดได้จากผู้ตาย ผู้ตายกับพวกจะเข้ามาทำร้ายจำเลยอีก จำเลยจึงใช้มีดแทงผู้ตายหนึ่งครั้งแล้ววิ่งหนีไป เช่นนี้ฟังได้ว่าภัยที่เกิดขึ้นแก่จำเลยยังมีอยู่ การที่จำเลยใช้มีดแทงผู้ตายไปเพียงหนึ่งครั้ง จึงเป็นการกระทำเพื่อป้องกันพอสมควรแก่เหตุตาม ป.อ. มาตรา 68 ไม่เป็นความผิดตาม ป.อ.มาตรา288
ผู้ตายตามมาฟัน อ.ซึ่งวิ่งมาหลบอยู่หลังจำเลย เมื่อ อ.หลบหนีไปแล้ว ผู้ตายใช้มีดฟันถูกบริเวณแก้มซ้ายของจำเลย แสดงว่าผู้ตายเป็นฝ่ายก่อเหตุขึ้นก่อนโดยใช้มีดฟันถูกจำเลย จำเลยเข้าแย่งมีดได้จากผู้ตาย ผู้ตายกับพวกจะเข้ามาทำร้ายจำเลยอีก จำเลยจึงใช้มีดแทงผู้ตายหนึ่งครั้งแล้ววิ่งหนีไป เช่นนี้ฟังได้ว่าภัยที่เกิดขึ้นแก่จำเลยยังมีอยู่ การที่จำเลยใช้มีดแทงผู้ตายไปเพียงหนึ่งครั้ง จึงเป็นการกระทำเพื่อป้องกันพอสมควรแก่เหตุตาม ป.อ. มาตรา 68 ไม่เป็นความผิดตาม ป.อ.มาตรา288
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1648/2535 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ป้องกันตัว: การใช้กำลังเพื่อป้องกันภัยอันตรายจากอาวุธปืน ย่อมเป็นเหตุป้องกันพอสมควรแก่เหตุ
ผู้ตายใช้อาวุธปืนลูกซองสั้นยิงไปบริเวณชานบ้านของจำเลยซึ่งขณะนั้นจำเลยกับนางพ.ภริยากำลังนั่งรับประทานอาหาร กระสุนปืนถูกนาง พ. ล้มฟุบลงจำเลยคว้ามีดโต้กระโดดจากบ้านลงไปเพื่อฟันผู้ตาย ผู้ตายยิงปืนอีก 1 นัด แต่ไม่ถูกจำเลย จำเลยจึงใช้มีดฟันไป และผู้ตายยกแขนทั้งสองข้างขึ้นรับ แล้วผู้ตายก็ได้หันหลังจะขึ้นบันไดบ้านซึ่งจำเลยเข้าใจว่า ผู้ตายจะขึ้นไปเอากระสุนปืนมายิงจำเลยอีก ดังนั้นจำเลยจึงใช้มีดฟันทางด้านหลังถูกที่ต้นคอ ผู้ตายเซมาทางด้านหลัง จำเลยจึงฟันซ้ำอีก 1 ที ถูกบริเวณใบหน้าแสดงว่าขณะที่จำเลยไล่ฟันผู้ตายนั้น ผู้ตายยังถือปืนอยู่ตลอดเวลา และสามารถยิงมายังจำเลยได้ การที่จำเลยใช้มีดฟันผู้ตายไปจนอาวุธปืนจะหลุดไปจากมือของผู้ตาย ย่อมเป็นการป้องกันพอสมควรแก่เหตุ เพราะหากปืนยังอยู่ในมือผู้ตายตราบใดภยันตรายก็จะมีแก่จำเลยอยู่จนตราบนั้น และเป็นเรื่องที่ผู้ตายตั้งใจมาทำร้ายจำเลย จำเลยจึงมีสิทธิป้องกันตัวได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2423/2533 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกระทำเพื่อป้องกันตัวจากภยันตรายใกล้จะถึง แม้จะใช้อาวุธ แต่พอสมควรแก่เหตุ
โจทก์ร่วมมีเรื่องขัดแย้งกับบุตรจำเลยและเป็นฝ่ายไปที่บ้านจำเลย ถึงแม้จำเลยด่าโจทก์ร่วมแต่ก็ยังไม่มีพฤติการณ์อื่นให้เห็นว่าจำเลยสมัครใจจะเข้าต่อสู้กับโจทก์ร่วมด้วยกำลังกาย นอกจากนี้โจทก์ร่วมรูปร่างใหญ่ แข็งแรง และหนุ่มกว่าจำเลย หากสู้กันตัวต่อตัวแล้วจำเลยสู้โจทก์ร่วมไม่ได้ ยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยสมัครใจวิวาทต่อสู้กับโจทก์ร่วม ดังนั้น การที่โจทก์ร่วมเข้าชกและกอดปล้ำจำเลยไว้เป็นเวลานาน และหากยังกอดปล้ำจำเลยต่อไปอาจทำให้จำเลยได้รับอันตรายแก่กายได้จึงเป็นภยันตรายซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมายและเป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึงจำเลยใช้มีดแทงโจทก์ร่วม 2 ที ก็เพื่อให้พ้นจากการกอดปล้ำของโจทก์ร่วมเท่านั้น การกระทำของจำเลยจึงเป็นการป้องกันตัวพอสมควรแก่เหตุ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2423/2533 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันตัวพอสมควรแก่เหตุ แม้ถูกด่าและเข้าทำร้ายก่อน ศาลยกฟ้อง
โจทก์ร่วมมีเรื่องขัดแย้งกับบุตรจำเลยโดยเป็นฝ่ายไปที่บ้านจำเลย ถึงแม้จำเลยด่าโจทก์ร่วม แต่ก็ยังไม่มีพฤติการณ์อื่นให้เห็นว่าจำเลยสมัครใจจะเข้าต่อสู้กับโจทก์ร่วมด้วยกำลังกาย ได้ความว่าโจทก์ร่วมมีรูปร่างใหญ่ แข็งแรงและหนุ่มกว่าจำเลยเข้าชกและกอดปล้ำจำเลยเป็นเวลานาน หากยังกอดปล้ำจำเลยต่อไปอาจทำให้จำเลยได้รับอันตรายแก่กายได้ จึงเป็นภยันตรายซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมายและเป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึง การที่จำเลยใช้มีดแทงโจทก์ร่วม 2 ครั้ง จึงเป็นการป้องกันตัวพอสมควรแก่เหตุ.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2423/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันตัวพอสมควรแก่เหตุ เมื่อถูกทำร้ายและถูกกอดปล้ำจนอาจได้รับอันตราย
โจทก์ร่วมมีเรื่องขัดแย้งกับบุตรจำเลยและเป็นฝ่ายไปที่บ้านจำเลยถึงแม้จำเลยด่าโจทก์ร่วมแต่ก็ยังไม่มีพฤติการณ์อื่นให้เห็นว่าจำเลยสมัครใจจะเข้าต่อสู้กับโจทก์ร่วมด้วยกำลังกาย นอกจากนี้โจทก์ร่วมรูปร่างใหญ่แข็งแรง และหนุ่มกว่าจำเลย หากสู้กันตัวต่อตัวแล้วจำเลยสู้โจทก์ร่วมไม่ได้ ยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยสมัครใจวิวาทต่อสู้กับโจทก์ร่วม ดังนั้นการที่โจทก์ร่วมเข้าชกและกอดปล้ำจำเลยไว้เป็นเวลานาน และหากยังกอดปล้ำจำเลยต่อไปอาจทำให้จำเลยได้รับอันตรายแก่กายได้ จึงเป็นภยันตรายซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมายและเป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึง จำเลยใช้มีดแทงโจทก์ร่วม 2 ที ก็เพื่อให้พ้นจากการกอดปล้ำของโจทก์ร่วมเท่านั้นการกระทำของจำเลยจึงเป็นการป้องกันตัวพอสมควรแก่เหตุ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3475/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันตนจากบุคคลวิกลจริต: การกระทำที่พอสมควรแก่เหตุ
ขณะที่จำเลยกับ ส. บุตรของจำเลยนั่งรับประทานอาหารอยู่ในครัวของจำเลย ผู้เสียหายซึ่งอยู่ในภาวะของโรคจิตมีอาการคลุ้มคลั่งจะทำร้ายผู้อื่น ได้บุกรุกเข้าไปในบริเวณบ้านของจำเลยเรียก ส.ออกมาพูดและกล่าวหาว่า ส. ลักน้ำมันของผู้เสียหายไป เมื่อ ส. ปฏิเสธ ผู้เสียหายก็ควักปืนสั้นออกมายิง 1 นัด จากนั้นผู้เสียหายยังถือปืนและมีดบุกรุกขึ้นไปบนบ้านจำเลยด้วยกิริยาอาการขู่เข็ญคุกคามจะยิงจำเลยและบุตรของจำเลยซึ่งในภาวะเช่นนั้นจำเลยย่อมเข้าใจว่าผู้เสียหายซึ่งเป็นคนวิกลจริตอาจยิงทำร้ายจำเลยภริยาและบุตรของจำเลยได้ การที่จำเลยใช้ปืนยิงผู้เสียหายไป6 นัด โดยไม่ปรากฏว่าผู้เสียหายล้มลงหรือหยุดการคุกคามเมื่อใดและผู้เสียหายยังสามารถหลบหนีออกไปจากบ้านของจำเลยได้เช่นนี้ถือได้ว่าจำเลยได้กระทำไปเพื่อป้องกันตน และเป็นการกระทำที่พอสมควรแก่เหตุ จำเลยจึงไม่มีความผิด.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3294/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ป้องกันตนพอสมควรแก่เหตุและการครอบครองอาวุธปืนของภริยา ผู้ต้องหาไม่มีความผิด
ขณะเกิดเหตุเป็นเวลา 2 นาฬิกา ผู้ตายกับพวกปล้นเอาทรัพย์สินในบ้านที่เกิดเหตุไปได้หลายอย่าง จากนั้นผู้ตายซึ่งมีอาวุธปืนพกพร้อมกระสุนปืนได้เข้าไปที่มุ้งของจำเลยในขณะที่จำเลยนอนอยู่ในมุ้งแต่ผู้เดียวในกระท่อมในบริเวณบ้านที่เกิดเหตุ แล้วผู้ตายร้องบอกให้จำเลยนอนเงียบ ๆ จำเลยจึงใช้ปืนยิงผู้ตายถึงแก่ความตาย ดังนี้การกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันตนพอสมควรแก่เหตุ อาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนที่จำเลยใช้ยิงผู้ตายเป็นของ ล.ภริยาจำเลยซึ่งได้รับอนุญาตให้มีและใช้โดยชอบด้วยกฎหมาย ล.มอบอาวุธปืนและกระสุนปืนให้จำเลยนำไปเฝ้าคุ้มครองดูแลทรัพย์สินรวมของจำเลยและ ล. ซึ่งอยู่ในบริเวณบ้านของจำเลยและ ล.ในขณะที่ ล. ก็อยู่ที่บ้านด้วย ดังนี้ ถือได้ว่าการครอบครองอาวุธปืนและกระสุนปืนยังอยู่กับ ล. จำเลยไม่มีความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ ดุจ กัน.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1652/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกระทำเพื่อป้องกันตัวที่พอสมควรแก่เหตุ เมื่อถูกทำร้ายก่อนและอยู่ในสถานการณ์ฉุกเฉิน
ผู้ตายเป็นฝ่ายก่อเหตุวิวาทและทำร้ายร่างกายจำเลยก่อน โดยจำเลยไม่ได้สมัครใจวิวาทด้วย การที่จำเลยแทงผู้ตายเนื่องจากถูกผู้ตายใช้ขวดเปล่าขว้างถูกหน้าผากจำเลยและใช้ไม้ไผ่ตันตีทำร้ายร่างกายจำเลยก่อน จำเลยย่อมมีสิทธิที่จะแทงผู้ตายเพื่อป้องกันตัวได้ และที่ผู้ตายถูกจำเลยใช้มีดแทงถึง 3 แห่ง ที่หน้าอกซ้าย หน้าอกขวาและต้นขาซ้ายนั้น เกิดจากการชุลมุนกอดรัดกันขณะจำเลยถูกทำร้ายล้มลงแล้ว จำเลยไม่มีโอกาสเลือกแทงผู้ตายได้ การกระทำของจำเลยจึงเป็นการป้องกันตัวพอสมควรแก่เหตุ