พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1512-1518/2515
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิจารณาความผิดตาม พ.ร.บ. เช็ค: ศาลต้องพิจารณาเจตนาออกเช็คทั้งสองประการตามมาตรา 3(1) และ (2) อย่างครบถ้วน
ความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คที่โจทก์บรรยายฟ้องเกี่ยวกับเจตนา ในการออกเช็คของจำเลยมาว่า ทั้งนี้ โดยจำเลยมีเจตนาทุจริต ออกเช็คโดยเจตนาที่จะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็คนั้น โดยขณะที่ออกไม่มีเงินอยู่ในบัญชีอันจะพึงใช้เงินได้ และระบุอ้างมาตรา 3(1) (2) มาในคำขอที่ให้ลงโทษท้ายคำฟ้องมาไว้ด้วย ดังนี้ เป็นคำฟ้องที่โจทก์กล่าวหา ประสงค์ให้ลงโทษจำเลยทั้งในข้อออกเช็คโดยเจตนาที่จะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็คนั้น และออกเช็คในขณะที่ออกไม่มีเงินอยู่ในบัญชีอันจะพึงใช้เงินได้ ทั้งสองประการ
เมื่อศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์วินิจฉัยความผิดมายังไม่หมดประเด็นตามข้อหาตามคำฟ้องของโจทก์ กรณีก็ต้องยกคำพิพากษาย้อนสำนวนไปให้ศาลชั้นต้นพิพากษาใหม่
เมื่อศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์วินิจฉัยความผิดมายังไม่หมดประเด็นตามข้อหาตามคำฟ้องของโจทก์ กรณีก็ต้องยกคำพิพากษาย้อนสำนวนไปให้ศาลชั้นต้นพิพากษาใหม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1617/2492
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การหน่วงเหนี่ยวกักขัง ทำร้ายร่างกาย และเสื่อมเสียอิสรภาพ ศาลต้องพิจารณาข้อหาอย่างครบถ้วน
คดีได้ความจากคำเบิกความของผู้เสียหายว่า จำเลยบอกว่าจะจับตัวไปส่งสถานีตำรวจ แล้วจำเลยก็คุมตัวผู้เสียหายไป และเตะผู้เสียหายในระหว่างทาง แล้วหาส่งตัวผู้เสียหายต่อกำนันหรืออำเภอไม่ เพียงเท่านี้ ศาลจะด่วนยกข้อหาฐานทำให้เสื่อมเสียอิสรภาพตาม กฎหมายลักษณะอาญามาตรา 270 เสียโดยไม่พิจารณาให้สิ้นกระแสความตามกระบวนพิจารณาหาชอบได้ไม่