พบผลลัพธ์ทั้งหมด 3 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6834/2543
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจำหน่ายคดีเฉพาะฟ้องแย้งเมื่อจำเลยทิ้งฟ้องอุทธรณ์ และการพิจารณาอุทธรณ์ในส่วนคำฟ้องเดิม
จำเลยทิ้งฟ้องอุทธรณ์ในส่วนของฟ้องแย้ง ศาลอุทธรณ์จึงสั่งจำหน่ายคดีได้เฉพาะฟ้องแย้งของจำเลยเท่านั้น จะสั่งจำหน่ายคดีทั้งหมดรวมทั้งอุทธรณ์ ในส่วนที่เกี่ยวกับคำฟ้องของโจทก์ด้วยไม่ได้
จำเลยฎีกาขอให้ศาลอุทธรณ์อ่านคำพิพากษาซึ่งจำเลยอุทธรณ์ทั้งคดีคือส่วนฟ้องของโจทก์และคดีส่วนฟ้องแย้งของจำเลยโดยให้จำเลยชำระ ค่าขึ้นศาลที่ยังขาดอยู่ให้ครบถ้วนก่อนอ่านคำพิพากษา เป็นคำขอให้ ปลดเปลื้องทุกข์อันไม่อาจคำนวณเป็นราคาเงินได้ ต้องเสียค่าขึ้นศาลฎีกา ในส่วนฟ้องของโจทก์และฟ้องแย้งของจำเลยอย่างละ 200 บาท
จำเลยฎีกาขอให้ศาลอุทธรณ์อ่านคำพิพากษาซึ่งจำเลยอุทธรณ์ทั้งคดีคือส่วนฟ้องของโจทก์และคดีส่วนฟ้องแย้งของจำเลยโดยให้จำเลยชำระ ค่าขึ้นศาลที่ยังขาดอยู่ให้ครบถ้วนก่อนอ่านคำพิพากษา เป็นคำขอให้ ปลดเปลื้องทุกข์อันไม่อาจคำนวณเป็นราคาเงินได้ ต้องเสียค่าขึ้นศาลฎีกา ในส่วนฟ้องของโจทก์และฟ้องแย้งของจำเลยอย่างละ 200 บาท
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5836/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแจ้งวันนัดพิจารณาคดีและการพิจารณาอุทธรณ์ที่สมบูรณ์ ศาลต้องดำเนินการตามขั้นตอนที่ถูกต้อง
ศาลชั้นต้นนัดสืบพยานโจทก์โดยมิได้แจ้งให้จำเลยที่ 6 ทราบวันนัดด้วย การที่ศาลชั้นต้นทำการสืบพยานโจทก์ไป และมีคำสั่งว่าจำเลยที่ 6 ขาดนัดพิจารณาให้พิจารณาและชี้ขาดตัดสินคดีโจทก์สำหรับจำเลยที่ 6 ไปฝ่ายเดียว จึงเป็นกรณีที่ศาลชั้นต้นไม่ปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งว่าด้วยการพิจารณาเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาที่มิชอบตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 243 (2) ศาลอุทธรณ์จึงพิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกคำสั่งและคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นแจ้งวันนัดสืบพยานโจทก์ให้จำเลยที่ 6 ทราบแล้วดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไป และพิพากษาใหม่เฉพาะจำเลยที่ 6 ตามรูปคดีนอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำสั่งและคำพิพากษาศาลชั้นต้น ซึ่งมีความหมายว่าให้ยกคำสั่งของศาลชั้นต้นที่สั่งว่าจำเลยที่ 6 ขาดนัดพิจารณา และยกคำพิพากษาศาลชั้นต้นเฉพาะในส่วนที่เกี่ยวกับจำเลยที่ 6 ให้ศาลชั้นต้นแจ้งวันนัดสืบพยานโจทก์ให้จำเลยที่ 6 ทราบ แล้วดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปและพิพากษาใหม่เฉพาะจำเลยที่ 6 ตามรูปคดี โดยพิพากษายืนในส่วนที่เกี่ยวกับจำเลยที่ 1 ที่ 2 ที่ 3 ที่ 5และที่ 7 แต่ปรากฏว่าหลังจากโจทก์ยื่นฎีกาคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์แล้ว โจทก์ได้ยื่นคำร้องขอถอนฟ้องจำเลยที่ 6 ซึ่งศาลฎีกาอนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้องจำเลยที่ 6ได้ตามคำร้อง และให้จำหน่ายคดีเฉพาะจำเลยที่ 6 เสียจากสารบบความของศาลฎีกา จึงไม่มีกรณีที่ศาลชั้นต้นจะต้องดำเนินกระบวนพิจารณาในส่วนที่เกี่ยวกับจำเลยที่ 6 ตามคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ต่อไปอีก
ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ยกคำสั่งและคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้ศาลชั้นต้นแจ้งวันนัดสืบพยานโจทก์ให้จำเลยที่ 6 ทราบแล้วดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไป และพิพากษาใหม่เฉพาะจำเลยที่ 6 ตามรูปคดี นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำาสั่งและคำพิพากษาศาลชั้นต้น โดยที่ศาลอุทธรณ์ยังไม่ได้พิจารณาวินิจฉัยอุทธรณ์ของโจทก์ในส่วนที่เกี่ยวกับจำเลยที่ 1 ที่ 2 ที่ 3 ที่ 5 และที่ 7ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาว่านอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำสั่งและคำพิพากษาของศาลชั้นต้น ซึ่งมีความหมายว่าพิพากษายืนในส่วนที่เกี่ยวกับจำเลยที่ 1 ที่ 2 ที่ 3ที่ 5 และที่ 7 นั้น จึงเป็นการไม่ปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งว่าด้วยคำพิพากษาและคำสั่งตามมาตรา 141 (4) และมาตรา 142 ประกอบด้วยมาตรา 246 อันเป็นการไม่ชอบ ศาลฎีกาให้ย้อนสำนวนไปให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาวินิจฉัยอุทธรณ์ดังกล่าวของโจทก์ก่อน
ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ยกคำสั่งและคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้ศาลชั้นต้นแจ้งวันนัดสืบพยานโจทก์ให้จำเลยที่ 6 ทราบแล้วดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไป และพิพากษาใหม่เฉพาะจำเลยที่ 6 ตามรูปคดี นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำาสั่งและคำพิพากษาศาลชั้นต้น โดยที่ศาลอุทธรณ์ยังไม่ได้พิจารณาวินิจฉัยอุทธรณ์ของโจทก์ในส่วนที่เกี่ยวกับจำเลยที่ 1 ที่ 2 ที่ 3 ที่ 5 และที่ 7ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาว่านอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำสั่งและคำพิพากษาของศาลชั้นต้น ซึ่งมีความหมายว่าพิพากษายืนในส่วนที่เกี่ยวกับจำเลยที่ 1 ที่ 2 ที่ 3ที่ 5 และที่ 7 นั้น จึงเป็นการไม่ปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งว่าด้วยคำพิพากษาและคำสั่งตามมาตรา 141 (4) และมาตรา 142 ประกอบด้วยมาตรา 246 อันเป็นการไม่ชอบ ศาลฎีกาให้ย้อนสำนวนไปให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาวินิจฉัยอุทธรณ์ดังกล่าวของโจทก์ก่อน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6017/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแก้ไขคำฟ้องเลขที่บ้าน ศาลไม่ควรยกคำพิพากษาเดิมหากไม่มีผลต่อประเด็นข้อพิพาท และควรพิจารณาอุทธรณ์ให้สิ้นสุด
โจทก์ยื่นคำร้องขอแก้ไขคำฟ้องจากบ้านเลขที่ 73 หมู่ 5 เป็นบ้านเลขที่ 73/1 หมู่ 5 เพื่อให้เป็นไปตามคำให้การของจำเลย เมื่อมีการชี้สองสถาน จำเลยไม่มาศาล ศาลนัดสืบพยานจำเลย ถึงวันนัดทนายจำเลยรับสำเนาคำร้องดังกล่าวก็ไม่ได้คัดค้าน แสดงว่าคู่ความเต็มใจที่จะดำเนินคดีกันตามประเด็นข้อพิพาทที่ศาลได้ชี้สองสถานไว้ ไม่ต้องการให้ดำเนินกระบวนพิจารณาล่าช้าเพราะเหตุนี้ ประเด็นเรื่องแก้ไขคำฟ้องจึงยุติแล้ว แม้ว่าศาลชั้นต้นจะมิได้ส่งสำเนาคำร้องขอแก้ไขคำฟ้องให้แก่จำเลยทราบล่วงหน้าอย่างน้อย 3 วันก่อนกำหนดนัดพิจารณาคำร้องนั้นก็ตามแต่การขอแก้ไขเลขบ้านตามคำฟ้องหาใช่การขอแก้ไขคำฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา181 ไม่ ศาลอุทธรณ์จึงไม่ชอบที่จะหยิบยกมาเป็นเหตุยกคำพิพากษาศาลชั้นต้น แต่ศาลอุทธรณ์ควรจะวินิจฉัยอุทธรณ์ของจำเลยไปให้สิ้นกระแสความ.