พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1638-1640/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คดีบุกรุก: การพิพากษาคดีอาญาเมื่อโจทก์ไม่รู้หลักเขตที่ดินและไม่มีเจตนาบุกรุก
โจทก์ฟ้องคดีอาญาว่าจำเลยบุกรุก ข้อเท็จจริงได้ความว่าโจทก์ไม่รู้หลักเขตที่ดินของตนแน่นอน จะฟังว่ามีเจตนาบุกรุกยังไม่ได้ และเป็นกรณีพิพาททางแพ่ง ดั่งนี้ ศาลไม่พึงสั่งให้จำหน่ายคดีเสียจากสารบบความ เพราะโจทก์ไม่ได้ทิ้งฟ้องหรือขาดนัด หากศาลชอบที่จะพิพากษาตามรูปคดีชี้ขาดไปตามท้องสำนวน.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4543/2558
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิพากษาคดีอาญาโดยผู้พิพากษาคนเดียวเกินอำนาจตามกฎหมาย และผลกระทบต่ออำนาจศาลอุทธรณ์
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยจำคุก 1 ปี และปรับ 3,000 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 2 ปี โดยมีผู้พิพากษาลงลายมือชื่อในคำพิพากษาเพียงคนเดียว เป็นกรณีที่ศาลชั้นต้นมิได้ปฏิบัติให้ถูกต้อง ตามพระธรรมนูญศาลยุติธรรม มาตรา 17 ประกอบมาตรา 25 (5) ทั้งนี้เพราะผู้พิพากษาคนเดียวจะพิพากษาลงโทษจำคุกเกินหกเดือนไม่ได้ คำพิพากษาศาลชั้นต้นจึงไม่ชอบด้วยบทกฎหมายข้างต้น ซึ่งมีผลทำให้ศาลอุทธรณ์ภาค 1 ยังไม่มีอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีนี้ได้ ปัญหาดังกล่าวเป็นปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย แม้ไม่มีคู่ความฝ่ายใดฎีกา ศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้เองตาม ป.วิ.อ. มาตรา 195 วรรคสอง ประกอบมาตรา 225