พบผลลัพธ์ทั้งหมด 30 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7391/2549
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาขายลิขสิทธิ์เพลง: ศาลฎีกาพิพากษายืนตามสัญญาเดิม แม้มีข้อโต้แย้งเรื่องลายมือชื่อและรายละเอียด
โจทก์ที่ 1 ได้ทำสัญญาขายลิขสิทธิ์ผลงานเพลงพิพาทของ ส. ให้แก่ จ. แล้วย่อมมีผลผูกพันโจทก์ที่ 2 ถึงที่ 6 ซึ่งเป็นบุตรของ ส. กับโจทก์ที่ 1 ซึ่งเป็นผู้เยาว์และอยู่ภายใต้อำนาจปกครองของโจทก์ที่ 1 จำเลยทั้งสองซึ่งเป็นทายาทของ จ. จึงมีสิทธิในผลงานเพลงพิพาท
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 886/2547
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การประวิงคดีและการพิสูจน์อายุของจำเลยเพื่อขอโอนคดีไปยังศาลเยาวชนและครอบครัว ศาลฎีกาพิพากษายืนตามศาลชั้นต้น
ศาลชั้นต้นได้ให้โอกาสแก่จำเลยจำเลยถึง 3 ครั้ง เพื่อให้ดำเนินการให้ได้พยานบุคคลมาศาลเพื่อไต่สวนซึ่งในแต่ละครั้งศาลชั้นต้นได้กำชับจำเลยให้รีบดำเนินการเพื่อให้นำพยานมาศาลในวันนัด แต่ปรากฏว่าเมื่อถึงวันนัดจำเลยไม่สามารถนำพยานมาศาลได้เลย ทั้งเหตุผลที่ไม่สามารถนำพยานมาได้ก็คงเป็นเหตุผลเดียวกันทุกครั้งคือติดขัดด้วยระเบียบของทางราชการ แต่จำเลยก็หาได้ดำเนินการอย่างหนึ่งอย่างใดเพื่อให้ได้ตัวพยานมาศาล ทั้งมิได้แถลงให้ศาลทราบว่าจะสามารถติดตามพยานมาไต่สวนได้หรือไม่ เมื่อใด เห็นได้ชัดว่าจำเลยมีเจตนาประวิงคดี ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 6 พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นที่ไม่อนุญาตให้เลื่อนการไต่สวนพยานจำเลยต่อไปอีก โดยถือว่าจำเลยไม่มีพยานมาสืบและให้งดไต่สวนพยานจำเลยนั้น ชอบด้วยรูปคดีแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5876/2543
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแก้ไขชื่อจำเลยในคดีแรงงานและการรับฟังพยานที่ไม่ระบุชื่อ ศาลแรงงานพิพากษายืนตามเดิม
ที่โจทก์แถลงขอแก้ไขคำฟ้องเกี่ยวกับชื่อจำเลยก็เนื่องมาจากจำเลยยื่นคำให้การระบุชื่อจำเลยแทนชื่อบริษัทที่โจทก์ฟ้อง ทั้งจำเลยก็มิได้ให้การปฏิเสธว่าโจทก์ไม่ใช่ลูกจ้างของจำเลย คงต่อสู้ว่าจำเลยมิได้เลิกจ้างโจทก์ กรณีมิใช่เป็นเรื่องที่โจทก์ฟ้องจำเลยผิดตัว เพียงแต่ระบุชื่อจำเลยผิดเท่านั้น
การที่โจทก์แถลงขอแก้ไขชื่อจำเลยให้ตรงกับความเป็นจริงถือว่าเป็นการแก้ไขข้อผิดหลงเล็กน้อย โจทก์สามารถแถลงขอให้แก้ไขได้ทันที การที่ศาลแรงงานอนุญาตให้แก้ไขจึงไม่เป็นการฝ่าฝืนต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 180 ประกอบพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522 มาตรา 31
การอ้างและการยื่นบัญชีระบุพยานของคู่ความในคดีแรงงานมีบัญญัติไว้โดยเฉพาะตามมาตรา 44 แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522แล้ว จึงนำบทบัญญัติมาตรา 88 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาใช้บังคับไม่ได้ นอกจากนี้เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมในอันที่จะให้ได้ความแจ้งชัดในข้อเท็จจริงแห่งคดี พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522 มาตรา 45 วรรคหนึ่ง ยังให้อำนาจศาลแรงงานสามารถเรียกพยานหลักฐานมาสืบได้เองตามที่เห็นสมควร
แม้โจทก์จะอ้างตนเองและนำ ย. เข้าเบิกความต่อศาลแรงงานโดยมิได้ยื่นบัญชีระบุพยานไว้ แต่ศาลแรงงานก็อนุญาตให้โจทก์และ ย. เข้าเบิกความเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมให้ได้ความชัดแจ้งในข้อเท็จจริงแห่งคดี ศาลแรงงานจึงชอบที่จะรับฟังพยานของโจทก์ดังกล่าวได้
โจทก์ฟ้องอ้างว่าจำเลยเลิกจ้างโดยโจทก์มิได้กระทำผิด จำเลยให้การปฏิเสธฟ้องโดยอ้างว่าโจทก์ลาออกจากงานเอง การที่ศาลแรงงานฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยเลิกจ้างโจทก์ มิใช่โจทก์ลาออกเองตามที่จำเลยให้การต่อสู้ แล้ววินิจฉัยต่อไปว่าเมื่อจำเลยมิได้ให้การว่าโจทก์กระทำผิด ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่าจำเลยเลิกจ้างโจทก์โดยโจทก์มิได้กระทำผิดนั้น จึงเป็นการวินิจฉัยที่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 84,177 วรรคสอง ประกอบพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522 มาตรา 31 แล้ว
การที่โจทก์แถลงขอแก้ไขชื่อจำเลยให้ตรงกับความเป็นจริงถือว่าเป็นการแก้ไขข้อผิดหลงเล็กน้อย โจทก์สามารถแถลงขอให้แก้ไขได้ทันที การที่ศาลแรงงานอนุญาตให้แก้ไขจึงไม่เป็นการฝ่าฝืนต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 180 ประกอบพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522 มาตรา 31
การอ้างและการยื่นบัญชีระบุพยานของคู่ความในคดีแรงงานมีบัญญัติไว้โดยเฉพาะตามมาตรา 44 แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522แล้ว จึงนำบทบัญญัติมาตรา 88 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาใช้บังคับไม่ได้ นอกจากนี้เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมในอันที่จะให้ได้ความแจ้งชัดในข้อเท็จจริงแห่งคดี พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522 มาตรา 45 วรรคหนึ่ง ยังให้อำนาจศาลแรงงานสามารถเรียกพยานหลักฐานมาสืบได้เองตามที่เห็นสมควร
แม้โจทก์จะอ้างตนเองและนำ ย. เข้าเบิกความต่อศาลแรงงานโดยมิได้ยื่นบัญชีระบุพยานไว้ แต่ศาลแรงงานก็อนุญาตให้โจทก์และ ย. เข้าเบิกความเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมให้ได้ความชัดแจ้งในข้อเท็จจริงแห่งคดี ศาลแรงงานจึงชอบที่จะรับฟังพยานของโจทก์ดังกล่าวได้
โจทก์ฟ้องอ้างว่าจำเลยเลิกจ้างโดยโจทก์มิได้กระทำผิด จำเลยให้การปฏิเสธฟ้องโดยอ้างว่าโจทก์ลาออกจากงานเอง การที่ศาลแรงงานฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยเลิกจ้างโจทก์ มิใช่โจทก์ลาออกเองตามที่จำเลยให้การต่อสู้ แล้ววินิจฉัยต่อไปว่าเมื่อจำเลยมิได้ให้การว่าโจทก์กระทำผิด ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่าจำเลยเลิกจ้างโจทก์โดยโจทก์มิได้กระทำผิดนั้น จึงเป็นการวินิจฉัยที่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 84,177 วรรคสอง ประกอบพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522 มาตรา 31 แล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 56/2541
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
พยานหลักฐานยืนยันตัวผู้กระทำผิดในคดีทำร้ายร่างกาย ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น
สถานที่เกิดเหตุเป็นบริเวณที่มีการจัดงานรื่นเริงเชื่อว่าจะต้องมีแสงสว่างมากกว่าปกติหลังเกิดเหตุ พ.ได้แจ้งความต่อเจ้าพนักงานตำรวจทันทีพร้อมทั้งระบุตัวจำเลยว่า เป็นคนร้ายที่ใช้มีดเป็นอาวุธทำร้ายผู้เสียหายแม้ผู้เสียหายกับ พ. ประจักษ์พยานจะเป็นพี่น้องกันแต่ก็ไม่ปรากฏว่าบุคคลทั้งสองเคยมีสาเหตุโกรธเคืองกับจำเลยมาก่อนอันจะทำให้มีความระแวงว่าจะเกิดมีการกลั่นแกล้งกันได้ เชื่อว่า พยานเบิกความตามที่ได้รู้เห็นมา ส่วนจำเลยนำสืบต่อสู้ว่าคนร้ายที่ทำร้ายร่างกายผู้เสียหายมีรูปร่างคล้ายจำเลยชื่อ ผ. นั้น จำเลยก็หาได้นำสืบให้เห็นว่าในคืนเกิดเหตุมีพฤติการณ์ใดที่ชวนให้มีการเข้าใจผิดว่าจำเลยคือ ผ.จึงเป็นการกล่าวอ้างลอย ๆ ทั้งหลังเกิดเหตุใหม่ ๆจำเลยก็หาได้ให้การต่อพนักงานสอบสวนถึงเรื่องที่บุคคลอื่นมีรูปร่างหน้าตาคล้ายจำเลยไว้ไม่ ส่วนการที่จำเลยยืนถือมีดปลายแหลมแล้วตรงเข้าเอาด้ามมีดเคาะที่ศีรษะผู้เสียหายแล้วพูดว่า "เก่งที่อื่นได้ แต่อย่ามาเก่งที่นี่"หาใช่เป็นการที่ผู้กระทำผิดรอให้ผู้อื่นเห็นหน้าอันเป็นการผิดปกติวิสัยดังที่จำเลยฎีกาไม่หากแต่เป็นเพราะความชะล่าใจของคนร้ายบางคนที่คิดว่าไม่มีผู้ใดจะกลัวว่ากล่าวเอาโทษแก่ตนได้และแม้ อ. พยานโจทก์จะเบิกความว่าพยานไม่ได้ออกบัตรเชิญจำเลยและไม่เห็นจำเลยในวันงานนั้นก็มิใช่เป็นข้อที่จะรับฟังได้เด็ดขาดว่าจำเลยไม่ได้อยู่ในวันงานนั้นเพราะ อ. ซึ่งเป็นเจ้าของบ้านต้องดูแลต้อนรับผู้ร่วมงานเป็นจำนวนมาก ในงานมีทั้งภาพยนต์และดนตรีย่อมจะมีคนเข้ามาร่วมชมซึ่งอาจเป็นคนแถวบริเวณนั้นรวมอยู่ด้วยทั้ง ๆที่ไม่ได้รับเชิญ พยานจำเลยนอกจากนี้ล้วนแต่เป็นเพื่อนบ้านที่อยู่ใกล้กันและเป็นพี่จำเลยย่อมเบิกความเป็นประโยชน์แก่จำเลยเป็นธรรมดา พยานหลักฐานของจำเลยไม่สามารถหักล้างพยานหลักฐานของโจทก์ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 266/2539
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การประวิงคดีและการแก้ไขเช็คพิพาท: ศาลฎีกาพิพากษายืนตามศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์
ระหว่างนัดสืบพยานโจทก์จำเลยขอเลื่อนคดีโดยอ้างเหตุเจ็บป่วยมาหลายนัดและในการอนุญาตให้จำเลยเลื่อนคดีที่แล้วมาศาลชั้นต้นมีคำสั่งกำชับจำเลยและกำหนดเงื่อนไขการเลื่อนคดีของจำเลยในเหตุเจ็บป่วยหากจะมีอีกไว้แล้วแต่จำเลยไม่นำพาจะปฏิบัติตามพฤติการณ์เช่นนี้ถือได้ว่าจำเลยมีเจตนาไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนดที่ศาลกำชับไว้เป็นการประวิงคดีศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์จึงชอบที่จะมีคำสั่งว่าจำเลยประวิงคดีแม้จะเป็นคำสั่งในวันนัดสืบพยานจำเลยนัดแรกก็ตาม การแก้ไขจำนวนเงินในเช็คพิพาทที่เป็นตัวเลขให้ตรงกับจำนวนเงินที่เป็นตัวอักษรโดยไม่ทราบเจตนาของจำเลยผู้สั่งจ่ายไม่ใช่การแก้ไขที่เป็นสาระสำคัญที่ทำให้เช็คพิพาทเสียไปตามความหมายของประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1007วรรคหนึ่งเพราะแม้ไม่มีการแก้ไขจำเลยก็ต้องรับผิดตามจำนวนเงินที่เป็นตัวอักษรตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา12อยู่แล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 595/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจัดการมรดกและการยักย้ายทรัพย์สินมรดก: ศาลฎีกาพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์
เดิมเจ้ามรดกยกที่ดินโฉนดเลขที่ 694 ให้โจทก์ทั้งสี่ซึ่งเป็นบุตรต่อมาเจ้ามรดกฟ้องโจทก์ทั้งสี่ขอถอนคืนการให้ แต่ตกลงประนีประนอมยอมความกันโดยโจทก์ทั้งสี่แบ่งที่ดินบางส่วนซึ่งเป็นที่ดินพิพาทให้แก่เจ้ามรดก ต่อมาเจ้ามรดกถึงแก่กรรมลงจำเลยซึ่งเป็นผู้จัดการมรดกตามคำสั่งศาลติดต่อกับเจ้าพนักงานที่ดินเพื่อดำเนินการแบ่งแยกที่ดินพิพาทตามที่เจ้ามรดกได้ดำเนินการค้างไว้ดังนี้ การที่โจทก์ทั้งสี่ได้ยื่นคำขอยกเลิกคำขอแบ่งแยกที่ดินพิพาทของเจ้ามรดกไม่มีผลเปลี่ยนแปลงกรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทซึ่งเป็นมรดกการกระทำดังกล่าวหาใช่การยักย้ายหรือปิดบังทรัพย์มรดกโดยฉ้อฉลไม่ ส่วนที่จำเลยในฐานะผู้จัดการมรดกขอเข้ารับมรดกความและบังคับคดีจนมีการเปลี่ยนชื่อในโฉนดที่ดินพิพาทเป็นชื่อจำเลยในฐานะผู้จัดการมรดกเช่นนี้ แม้โจทก์ทั้งสี่จะเคยคัดค้านต่อศาลในชั้นบังคับคดีโดยอ้างว่าจำเลยขอบังคับคดีเกินกำหนดอายุความแล้วก็เป็นการที่โจทก์ทั้งสี่ใช้สิทธิทางศาลตามที่ตนเป็นทายาทโดยชอบหาใช่ยักยอกหรือปิดบังทรัพย์มรดกโดยฉ้อฉลไม่ จำเลยฎีกาว่า คดีโจทก์ขาดอายุความมรดก แต่จำเลยไม่ได้อุทธรณ์ในปัญหาข้อนี้ไว้ ฎีกาจำเลยจึงเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลอุทธรณ์ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1582/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรุกล้ำที่ดิน: ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยประเด็นนอกฟ้อง และพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์เมื่อฟังไม่ได้ว่ามีการรุกล้ำ
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยสร้างรั้วรุกล้ำเข้าไปในที่ดินโฉนด เลขที่ 19168 เลขที่ดิน 5109 ของโจทก์ ดังนั้นการที่โจทก์ฎีกาว่าจำเลยปลูกสร้างรั้วรุกล้ำเข้าไปในที่ดินโฉนดเลขที่ 19226 เลขที่ดิน 5167 ของโจทก์ จึงเป็นเรื่องนอกเหนือไปจากคำฟ้อง ซึ่งไม่เป็นประเด็นในคดี ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1713/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การประวิงคดีและการผิดสัญญาประนีประนอมยอมความ ศาลฎีกาพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์
นับแต่ศาลนัดไต่สวนคำร้องของจำเลยครั้งแรกเป็นเวลา 6 เดือนเศษจำเลยนำพยานเข้าสืบได้เพียง 3 ปาก และจำเลยขอเลื่อนไปสืบพยานต่อ ถึงวันนัดจำเลยแถลงว่านางสาว ด. พยานจำเลยป่วยขอเลื่อน โจทก์คัดค้านว่าจำเลยประวิงคดี ศาลอนุญาตให้เลื่อนไปอีกนัดหนึ่ง ถึงวันนัดจำเลยมิได้นำนางสาว ด. ไปศาลเพื่อให้ศาลทำการสืบพยานปากนี้ ทั้งมิได้แถลงเกี่ยวกับพยานที่จะนำเข้าสืบในวันนั้นแต่อย่างใด พฤติการณ์ถือว่าจำเลยประวิงคดี ศาลชอบที่จะงดสืบพยานจำเลยได้ เมื่อศาลพิพากษาตามยอมแล้ว โจทก์ได้ไปยื่นคำร้องขอโอนกิจการโรงงานให้จำเลยตามสัญญาประนีประนอมยอมความ แต่จำเลยไม่ยอมชำระเงินให้แก่โจทก์ตามสัญญา จำเลยจึงเป็นฝ่ายผิดสัญญาประนีประนอมยอมความ โจทก์ขอให้ศาลออกหมายบังคับคดีได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 247/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การประวิงคดีโดยจำเลย การงดสืบพยาน และการพิพากษายืนตามศาลชั้นต้น
การที่จำเลยขอเลื่อนคดี ในชั้นสืบพยานจำเลยไปถึงสี่นัด โดยนัดแรกอ้างว่ายังไม่ได้ระบุพยานเอกสาร นัดที่สองและนัดที่สามอ้างว่าทนายจำเลยติดว่าความคดีอื่นและพยานจำเลยไม่มาศาล และนัดที่สี่อ้างว่า พยานจำเลยไม่มาศาล เพราะทนายจำเลยยังไม่ได้แจ้งวันนัดให้ทราบเป็นพฤติการณ์ที่แสดงว่า จำเลยประวิงคดี ศาลสั่งงดสืบพยานจำเลยได้.(ที่มา-ส่งเสริมฯ)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2487/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การทำร้ายร่างกายและฆ่าโดยไม่เจตนาจากฤทธิ์สุรา ศาลฎีกาพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์
จำเลยที่1เมาสุราใช้มีดปลายแหลมยาวทั้งตัวทั้งด้ามประมาณ1คืบแทงเปะปะไปโดยมิได้เลือกว่าเป็นที่ใดและแทงผู้ตายไปทีเดียวจะฟังว่ามีเจตนาฆ่ายังไม่ถนัดการกระทำของจำเลยที่1เป็นความผิดฐานฆ่าคนตายโดยไม่เจตนา.