พบผลลัพธ์ทั้งหมด 3 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4854/2549
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อจำกัดการฎีกาในคดีพิพาททรัพย์สิน: ทุนทรัพย์และปัญหาข้อเท็จจริง
โจทก์ทั้งสองฟ้องว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ทั้งสอง จำเลยทั้งสองให้การว่าที่พิพาทไม่ใช่ของโจทก์ทั้งสอง แต่เป็นที่สาธารณประโยชน์โดยจำเลยที่ 1 และที่ 2 ในฐานะผู้ใหญ่บ้านได้รับมอบอำนาจจากองค์การบริหารส่วนตำบลให้ร้องทุกข์ดำเนินคดีแก่โจทก์ทั้งสองในข้อหาบุกรุกที่ดินสาธารณประโยชน์ และโต้แย้งคัดค้านการที่โจทก์ขอออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.) การกระทำของจำเลยทั้งสองจึงชอบด้วยกฎหมาย ดังนี้เป็นการพิพาทกันในตัวทรัพย์คือที่ดินพิพาทว่าเป็นของโจทก์หรือเป็นที่สาธารณประโยชน์ จึงเป็นคดีมีคำขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันอาจคำนวณเป็นราคาเงินได้
โจทก์ระบุไว้ในคำฟ้องว่า ที่ดินที่พิพาทมีราคาไม่น้อยกว่า 100,000 บาท เมื่อศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษากลับให้โจทก์ชนะคดี จำเลยทั้งสองฎีกาขอให้ศาลฎีกาพิพากษายกฟ้องโจทก์ทุนทรัพย์แห่งคดีในชั้นฎีกาจึงมีจำนวน 100,000 บาท คดีจึงต้องห้ามมิให้คู่ความฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 248 วรรคหนึ่ง
โจทก์ระบุไว้ในคำฟ้องว่า ที่ดินที่พิพาทมีราคาไม่น้อยกว่า 100,000 บาท เมื่อศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษากลับให้โจทก์ชนะคดี จำเลยทั้งสองฎีกาขอให้ศาลฎีกาพิพากษายกฟ้องโจทก์ทุนทรัพย์แห่งคดีในชั้นฎีกาจึงมีจำนวน 100,000 บาท คดีจึงต้องห้ามมิให้คู่ความฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 248 วรรคหนึ่ง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 68/2558 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลเยาวชนและครอบครัว: คดีพิพาทสิทธิทรัพย์สินระหว่างบุคคล ไม่ใช่คดีครอบครัว
คดีนี้โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นภริยาโดยชอบด้วยกฎหมายของผู้ตาย ระหว่างสมรสโจทก์กับผู้ตายร่วมกันครอบครองที่ดินพิพาทซึ่งเป็นที่ดินมือเปล่าและปลูกต้นยูคาลิปตัสในที่ดิน จำเลยที่ 1 ปลอมสัญญาขายที่ดินและส่งมอบการครอบครองและปลอมลายมือชื่อผู้ตาย หรือหลอกลวงผู้ตาย ให้ลงลายมือชื่อในสัญญาขายที่ดินตามฟ้อง จำเลยที่ 1 และที่ 2 จึงไม่มีสิทธินำที่ดินพิพาทไปขายให้จำเลยที่ 3 และที่ 4 กับทั้งจำเลยที่ 3 และที่ 4 รบกวนการครอบครองที่ดินพิพาทของโจทก์โดยนำรถแทรกเตอร์เข้ามาไถต้นยูคาลิปตัสให้ได้รับความเสียหาย เป็นการกระทำละเมิดต่อโจทก์ ขอให้พิพากษาว่านิติกรรมการซื้อขายที่ดินพิพาทระหว่างจำเลยที่ 1 และที่ 2 กับจำเลยที่ 3 และที่ 4 ตกเป็นโมฆะ ห้ามจำเลยที่ 3 และที่ 4 เกี่ยวข้องกับที่ดินพิพาทดังกล่าวและให้ชดใช้ค่าเสียหาย กับขอให้มีคำสั่งว่าโจทก์เป็นผู้มีสิทธิครอบครองที่ดินพิพาทตามคำขอท้ายฟ้อง ส่วนจำเลยที่ 1 และที่ 2 ให้การว่า โจทก์ไม่ได้ร่วมกับผู้ตาย จำเลยที่ 1 และที่ 2 ครอบครองที่ดินมือเปล่าตามฟ้องและที่ดินตามฟ้องเป็นสินส่วนตัวของผู้ตาย สัญญาซื้อขายที่ดินและส่งมอบการครอบครองถูกต้องและสมบูรณ์ด้วยการส่งมอบการครอบครอง จำเลยที่ 1 จึงมีสิทธิขายที่ดินพิพาทตามฟ้องให้แก่จำเลยที่ 3 และที่ 4 ได้ โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง ฟ้องโจทก์ขาดอายุความและเป็นฟ้องซ้อน จำเลยที่ 3 และที่ 4 ให้การว่า จำเลยที่ 3 และที่ 4 ซื้อที่ดินมือเปล่ามาจากจำเลยที่ 1 และเข้าครอบครองทำประโยชน์เกินกว่า 1 ปี โดยโจทก์ไม่เคยคัดค้าน จำเลยที่ 3 และที่ 4 ไม่เคยนำรถแทรกเตอร์ไปไถต้นยูคาลิปตัสของโจทก์ โจทก์ไม่ใช่เจ้าของและไม่มีสิทธิใด ๆ ในที่ดินดังกล่าวและไม่มีสิทธิฟ้องเรียกค่าเสียหายนั้น ประเด็นแห่งคดีจึงเป็นเรื่องพิพาทเกี่ยวกับความสมบรูณ์ของนิติกรรม ละเมิด และการครอบครอง ซึ่งจะต้องพิจารณาตามบทบัญญัติใน ป.พ.พ. บรรพ 1 ว่าด้วยนิติกรรม บรรพ 2 ว่าด้วยละเมิด และบรรพ 4 ว่าด้วยการครอบครอง แม้ตามคำฟ้องและคำให้การของจำเลยที่ 1 และที่ 2 จะมีประเด็นให้วินิจฉัยด้วยว่า ทรัพย์พิพาทเป็นสินส่วนตัวหรือสินสมรสแต่ก็เพียงเพื่อวินิจฉัยในเรื่องอำนาจฟ้องเท่านั้น ข้อพิพาทหลักในคดียังเป็นการโต้แย้งในสิทธิและหน้าที่ระหว่างโจทก์กับจำเลยทั้งสี่ซึ่งไม่มีความสัมพันธ์กันในทางครอบครัวแต่อย่างใด กรณีไม่มีประเด็นพิพาทระหว่างโจทก์กับผู้ตายซึ่งเป็นสามีภริยากันอันจะถือเป็นเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างสามีภริยาในทางทรัพย์สินโดยตรง จึงไม่ใช่คดีครอบครัวตาม พ.ร.บ.ศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว พ.ศ.2553 มาตรา 10 (3)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 68/2558
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลเยาวชนและครอบครัว: คดีพิพาทสิทธิทรัพย์สินระหว่างบุคคล ไม่ใช่คดีครอบครัว
คดีนี้โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นภริยาโดยชอบด้วยกฎหมายของผู้ตาย ที่ดินพิพาทซึ่งเป็นที่ดินมือเปล่าที่โจทก์กับผู้ตายร่วมกันครอบครองทำประโยชน์โดยปลูกต้นยูคาลิปตัสจึงเป็นสินสมรสของโจทก์กับผู้ตายก่อนผู้ตายถึงแก่ความตาย จำเลยที่ 1 ปลอมสัญญาขายที่ดินพิพาทและส่งมอบการครอบครองโดยปลอมลายมือชื่อผู้ตาย หรือหลอกลวงผู้ตาย ให้ลงลายมือชื่อในสัญญาขายที่ดินพิพาทให้แก่จำเลยที่ 1 จำเลยที่ 1 และที่ 2 จึงไม่มีสิทธินำที่ดินพิพาทไปขายให้จำเลยที่ 3 และที่ 4 ทั้งจำเลยที่ 3 และที่ 4 รบกวนการครอบครองที่ดินพิพาทของโจทก์โดยนำรถแทรกเตอร์เข้ามาไถต้นยูคาลิปตัสให้ได้รับความเสียหาย เป็นการกระทำละเมิดต่อโจทก์ ขอให้พิพากษาว่านิติกรรมการซื้อขายที่ดินพิพาทระหว่างจำเลยที่ 1 และที่ 2 กับจำเลยที่ 3 และที่ 4 ตกเป็นโมฆะ ห้ามจำเลยที่ 3 และที่ 4 เกี่ยวข้องกับที่ดินพิพาทดังกล่าวและให้ชดใช้ค่าเสียหาย กับขอให้มีคำสั่งว่าโจทก์เป็นผู้มีสิทธิครอบครองที่ดินพิพาท จำเลยที่ 1 และที่ 2 ให้การว่า โจทก์ไม่ได้ร่วมกับผู้ตาย ครอบครองและทำประโยชน์ ที่ดินพิพาทเป็นสินส่วนตัวของผู้ตาย สัญญาซื้อขายที่ดินและส่งมอบการครอบครองถูกต้องและสมบูรณ์ด้วยการส่งมอบการครอบครอง จำเลยที่ 1 จึงมีสิทธิขายที่ดินพิพาทให้แก่จำเลยที่ 3 และที่ 4 ได้ โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง ฟ้องโจทก์ขาดอายุความและเป็นฟ้องซ้อน จำเลยที่ 3 และที่ 4 ให้การว่า จำเลยที่ 3 และที่ 4 ซื้อที่ดินพิพาทมาจากจำเลยที่ 1 และเข้าครอบครองทำประโยชน์เกินกว่า 1 ปี โดยโจทก์ไม่เคยคัดค้าน จำเลยที่ 3 และที่ 4 ไม่เคยนำรถแทรกเตอร์ไปไถต้นยูคาลิปตัสของโจทก์ โจทก์ไม่ใช่เจ้าของและไม่มีสิทธิใด ๆ ในที่ดินดังกล่าวและไม่มีสิทธิฟ้องเรียกค่าเสียหายนั้น ประเด็นแห่งคดีจึงเป็นเรื่องพิพาทเกี่ยวกับความสมบรูณ์ของนิติกรรม ละเมิด และการครอบครอง ซึ่งจะต้องพิจารณาตามบทบัญญัติใน ป.พ.พ. บรรพ 1 ว่าด้วยนิติกรรม บรรพ 2 ว่าด้วยละเมิด และบรรพ 4 ว่าด้วยการครอบครอง แม้ตามคำฟ้องและคำให้การของจำเลยที่ 1 และที่ 2 จะมีประเด็นให้วินิจฉัยด้วยว่า ที่ดินพิพาทเป็นสินส่วนตัวหรือสินสมรสแต่ก็เพียงเพื่อวินิจฉัยในเรื่องอำนาจฟ้องเท่านั้น ข้อพิพาทหลักในคดีเป็นการโต้แย้งสิทธิและหน้าที่ระหว่างโจทก์กับจำเลยทั้งสี่ซึ่งไม่มีความสัมพันธ์กันในทางครอบครัวแต่อย่างใด ไม่มีประเด็นพิพาทระหว่างโจทก์กับผู้ตายซึ่งเป็นสามีภริยากันอันจะถือเป็นเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างสามีภริยาในทางทรัพย์สินโดยตรง จึงไม่ใช่คดีครอบครัวตาม พ.ร.บ.ศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว พ.ศ.2553 มาตรา 10 (3)