คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
พิมพ์ผิดพลาด

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 11 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1208/2542

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความคลาดเคลื่อนวันเกิดเหตุลักทรัพย์ ไม่กระทบคำพิพากษา หากจำเลยรับสารภาพและเข้าใจข้อหา
จำเลยเข้าใจดีว่าเหตุลักทรัพย์เกิดวันที่ 2 มิถุนายน 2540การที่โจทก์บรรยายฟ้องว่าเหตุลักทรัพย์เกิดเมื่อวันที่2 มิถุนายน 2530 เห็นได้ว่าเกิดจากการที่พิมพ์ผิดพลาดซึ่งวันเวลาที่เกิดเหตุเป็นเพียงรายละเอียดที่โจทก์จะต้อง กล่าวในฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5) เพื่อให้จำเลยเข้าใจข้อหาเท่านั้น มิใช่ข้อสาระสำคัญ โดยวันเวลา ที่เกิดเหตุหมายถึงวัน เดือน ปี มิใช่หมายถึงเฉพาะชั่วโมง นาที ทั้งจำเลยก็มิได้หลงต่อสู้และให้การรับสารภาพ ศาลย่อมพิพากษาลงโทษในความผิดฐานลักทรัพย์ได้ จำเลยให้การรับสารภาพฐานลักทรัพย์ ดังนั้น จะฎีกาโต้เถียงว่ามิได้กระทำผิดฐานลักทรัพย์ไม่ได้ เพราะเป็นการโต้เถียงข้อเท็จจริงที่ให้การรับสารภาพแล้ว ทั้งเป็นการยกข้อเท็จจริงที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้นฎีกาของจำเลยจึงเป็นฎีกาที่ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 วรรคหนึ่งประกอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 286/2541

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแก้ไขคำพิพากษาศาลฎีกาเนื่องจากข้อผิดพลาดในการระบุตัวจำเลย
คู่ความที่ฎีกาคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 1คือ จำเลยที่ 1 และที่ 3 ส่วนจำเลยที่ 2 ไม่ได้ฎีกาคำพิพากษาศาลฎีกาที่กล่าวถึงจำเลยที่ 2 เป็นเพราะการพิมพ์ผิดพลาด หาใช่ผิดพลาดในเนื้อหาสาระไม่ศาลฎีกาย่อมมีอำนาจแก้ไขถ้อยคำที่เขียนหรือพิมพ์ผิดพลาดเช่นนี้ให้ถูกต้องได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 190

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2712/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแก้ไขคำขอท้ายฟ้องที่พิมพ์ผิดพลาดไม่เข้าข่ายต้องห้ามตามมาตรา 180 และประเด็นฟ้องเคลือบคลุมที่มิได้ยกขึ้นต่อสู้ตั้งแต่ต้น
การ ขอแก้ไขคำขอท้ายฟ้องซึ่ง พิมพ์ผิดพลาดให้ตรงกับที่ บรรยายฟ้องมาในตอนต้นเป็นการ แก้ไขข้อผิดพลาดเล็กน้อย ไม่อยู่ในบังคับตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา180ที่ต้องขอแก้ไขก่อนวันชี้สองสถานหรือก่อนวันสืบพยาน ปัญหาว่า ฟ้องเคลือบคลุมหรือไม่ไม่ใช่ปัญหาอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนเมื่อจำเลยที่2และที่3มิได้ยกขึ้นต่อสู้ตั้งแต่ศาลชั้นต้นโดยยกขึ้นอ้างในชั้นอุทธรณ์และศาลอุทธรณ์ภาค2วินิจฉัยให้ก็ถือว่าเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ส่วนจำเลยที่1ให้การว่าฟ้องเคลือบคลุมเนื่องจาก เอกสารท้ายฟ้องมีข้อความขัดกันกับคำฟ้องแต่อุทธรณ์และฎีกาว่าฟ้องเคลือบคลุมโดยเหตุอื่นจึงถือว่ามิได้เป็นข้อที่ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์เช่นกัน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5976/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความชัดเจนของคำฟ้อง: แม้คำขอท้ายฟ้องผิดพลาด ศาลสามารถบังคับตามสภาพแห่งข้อหาที่บรรยายไว้ได้
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยที่ 1 ออกเช็คและจำเลยที่ 2 ที่ 3สลักหลังเช็คชำระหนี้ให้โจทก์ โจทก์เรียกเก็บเงินตามเช็คธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินจำเลยทั้งสามจึงต้องรับผิดต่อโจทก์ตามที่เป็นผู้สั่งจ่ายและสลักหลังเช็ค โดยให้จำเลยทั้งสามร่วมกันชำระเงินตามเช็คพร้อมดอกเบี้ยให้โจทก์ คำฟ้องโจทก์จึงเป็นการกล่าวถึงสภาพแห่งข้อหาและคำขอให้บังคับแก่จำเลยทั้งสามตลอดมาแม้คำขอท้ายฟ้องจะกล่าวว่าให้จำเลยทั้งสองชำระเงินตามเช็คก็เป็นเรื่องพิมพ์ผิดพลาด ซึ่งเมื่อรวมใจความย่อมเป็นที่เข้าใจได้ว่าโจทก์ขอให้จำเลยทั้งสามร่วมกันรับผิดชำระเงินแก่โจทก์นั่นเองศาลบังคับจำเลยชำระเงินแก่โจทก์ตามความรับผิดได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3586/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแก้ไขคำพิพากษาที่พิมพ์ผิดพลาดเกี่ยวกับจำนวนเงินค่าชดเชยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
โจทก์ที่ 58 ยื่นฟ้องโดยอ้างว่ามีสิทธิได้รับค่าชดเชยตามบัญชีรายละเอียด เอกสารท้ายคำฟ้อง รวม 24,900 บาท ในคำขอท้ายคำฟ้องก็ระบุจำนวนเงิน 24,900 บาท เมื่อศาลแรงงานกลางอ่านคำพิพากษาได้บังคับให้จำเลยชำระเงินจำนวนนี้ตรงกับต้นร่างคำพิพากษาแต่เมื่อจัดพิมพ์คำพิพากษาแล้วปรากฏว่าได้พิมพ์จำนวนเงินที่ให้จำเลยชำระแก่โจทก์ที่ 58 เป็นเงิน 14,900 บาท จึงเป็นกรณีการพิมพ์จำนวนค่าชดเชยผิดพลาด เมื่อคดีขึ้นมาสู่การพิจารณาของศาลฎีกาครั้งแรกปกติย่อมเป็นอำนาจของศาลฎีกาที่จะแก้ไขให้ถูกต้อง เพราะได้ล่วงเลยขั้นตอนตามกฎหมายที่ศาลแรงงานกลางจะพึงแก้ไขได้แล้ว แต่ศาลฎีกาไม่มีโอกาสได้ทราบถึงความผิดพลาดในครั้งนั้น จึงมิได้แก้ไขให้ถูกต้องไปในคราวเดียวกันกรณีการพิมพ์ผิดพลาดเช่นนี้ ถือเป็นข้อผิดพลาดเล็กน้อย ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 143 ซึ่งศาลฎีกามีอำนาจแก้ไขข้อผิดพลาดเช่นนี้ในภายหลังให้ถูกต้องตรงต่อความเป็นจริงได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3586/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแก้ไขคำพิพากษาที่พิมพ์ผิดพลาดในส่วนของจำนวนเงินค่าชดเชย ศาลฎีกามีอำนาจแก้ไขได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 143
โจทก์ที่58ยื่นฟ้องโดยอ้างว่ามีสิทธิได้รับค่าชดเชยตามบัญชีรายละเอียดเอกสารท้ายคำฟ้องรวม24,900บาทในคำขอท้ายคำฟ้องก็ระบุจำนวนเงิน24,900บาทเมื่อศาลแรงงานกลางอ่านคำพิพากษาได้บังคับให้จำเลยชำระเงินจำนวนนี้ตรงกับต้นร่างคำพิพากษาแต่เมื่อจัดพิมพ์คำพิพากษาแล้วปรากฏว่าได้พิมพ์จำนวนเงินที่ให้จำเลยชำระแก่โจทก์ที่58เป็นเงิน14,900บาทจึงเป็นกรณีการพิมพ์จำนวนค่าชดเชยผิดพลาดเมื่อคดีขึ้นมาสู่การพิจารณาของศาลฎีกาครั้งแรกปกติย่อมเป็นอำนาจของศาลฎีกาที่จะแก้ไขให้ถูกต้องเพราะได้ล่วงเลยขั้นตอนตามกฎหมายที่ศาลแรงงานกลางจะพึงแก้ไขได้แล้วแต่ศาลฎีกาไม่มีโอกาสได้ทราบถึงความผิดพลาดในครั้งนั้นจึงมิได้แก้ไขให้ถูกต้องไปในคราวเดียวกันกรณีการพิมพ์ผิดพลาดเช่นนี้ถือเป็นข้อผิดพลาดเล็กน้อยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา143ซึ่งศาลฎีกามีอำนาจแก้ไขข้อผิดพลาดเช่นนี้ในภายหลังให้ถูกต้องตรงต่อความเป็นจริงได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 245/2514

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแก้ไขคำให้การที่พิมพ์ผิดพลาด ศาลมีอำนาจแก้ได้ แม้หลังชี้สองสถาน การงดสืบพยานโดยไม่แก้ไขคำให้การไม่ถูกต้อง
ตามคำให้การของจำเลยที่อ้างถึงจำเลยที่ 1 และที่ 2 สับกันเห็นได้ชัดว่าเป็นเพราะพิมพ์คลาดเคลื่อนไปโดยไม่มีเจตนาจะให้การเช่นนั้นเพราะถ้าได้มีการแก้ข้อผิดพลาดจากจำเลยที่ 1 เป็นจำเลยที่ 2 และจากจำเลยที่ 2 เป็นจำเลยที่ 1 แล้ว ข้อต่อสู้ในคำให้การของจำเลยทั้งสองก็จะเป็นข้อเถียงตรงตามประเด็นในคำฟ้องทุกประการ ซึ่งการแก้คำที่พิมพ์ผิดพลาดเช่นนี้ ศาลมีอำนาจให้แก้ได้เสมอ แม้จะขอแก้ภายหลังชี้สองสถานก็แก้ได้ การที่ศาลชั้นต้นถือเอาคำให้การที่พิมพ์ผิดพลาดมาเป็นข้อวินิจฉัยว่าจำเลยที่ 1 รับตามฟ้อง จำเลยที่ 2 ไม่ได้ให้การต่อสู้ไม่มีประเด็นอื่น แล้วงดสืบพยานโจทก์จำเลยจึงไม่ถูกต้อง ฉะนั้น เหตุที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ยกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาแล้วพิพากษาใหม่จึงชอบแล้วหาได้เป็นการพิพากษาเกินคำขอไม่ (อ้างฎีกาที่ 316-318/2500)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 460/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแก้ไขชื่อโจทก์/เจ้าทรัพย์ในคำฟ้อง: การพิมพ์ผิดพลาดไม่ถึงแก่การยกฟ้อง
โจทก์ฟ้องระบุชื่อเจ้าทรัพย์นางพุ่ม แต่ครั้นนำมาสืบกลับปรากฎว่าชื่อนางนุ่ม และปรากฎว่าในบัญชีระบุพยานโจทก์ก็มีว่า นางนุ่ม เช่นนี้เป็นที่เห็นได้ว่าคำฟ้องของโจทก์ที่พิมพ์เป็นนางพุ่มไปนั้น เป็นเพียงการพิมพ์ผิดพลาดทำให้เพี้ยนไปเท่านั้น จึงไม่เป็นการแตกต่างถึงแก่จะให้ยกฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 460/2494

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิมพ์ชื่อเจ้าทรัพย์ผิดพลาดในคำฟ้อง ไม่ถือเป็นการแตกต่างถึงแก่ยกฟ้อง
โจทก์ฟ้องระบุชื่อเจ้าทรัพย์ว่านางพุ่ม แต่ครั้นนำมาสืบกลับปรากฏว่าชื่อ นางนุ่ม และปรากฏว่าในบัญชีระบุพยานโจทก์ก็มีว่า นางนุ่มเช่นนี้เป็นที่เห็นได้ว่าคำฟ้องของโจทก์ที่พิมพ์เป็นนางพุ่มไปนั้น เป็นเพียงการพิมพ์ผิดพลาดทำให้เพี้ยนไปเท่านั้น จึงไม่เป็นการแตกต่างถึงแก่จะให้ยกฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 15000/2558

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิจารณาโทษอาญา: ศาลต้องพิจารณาจากคำฟ้องเดิมและแก้ฟ้องประกอบกัน การแก้ไขคำพิพากษาเมื่อพิมพ์ผิดพลาด
การที่โจทก์ยื่นคำฟ้องฉบับใหม่แทนคำฟ้องฉบับเดิมก็เพื่อความสะดวกในการพิจารณาพิพากษาของศาลชั้นต้นเท่านั้น ศาลชั้นต้นต้องพิจารณาคำฟ้องฉบับเดิมและคำร้องขอแก้ฟ้องประกอบคำฟ้องฉบับใหม่ด้วย จะถือคำฟ้องฉบับใหม่ฉบับเดียวแทนคำฟ้องฉบับเดิมไม่ได้ เมื่อโจทก์ไม่ได้ขอแก้ไขฟ้องส่วนที่เกี่ยวกับการขอนับโทษต่อจากโทษในคดีอาญาหมายเลขดำที่ 277/2556 ทั้งในคำพิพากษาของศาลชั้นต้นก็ระบุว่าจำเลยที่ 1 เป็นบุคคลคนเดียวกับจำเลยที่ 1 ในคดีอาญาหมายเลขดำที่ 265/2556 การที่ศาลชั้นต้นพิพากษาให้นับโทษจำเลยที่ 1 ต่อจากโทษในคดีอาญาหมายเลขดำที่ 277/2556 จึงขัดแย้งกัน เชื่อว่าศาลชั้นต้นพิจารณาจากคำฟ้องฉบับใหม่ที่โจทก์พิมพ์ผิดพลาด ไม่ได้พิจารณาจากคำฟ้องฉบับเดิม ถือว่าเป็นการเขียนหรือพิมพ์ผิดพลาดตาม ป.วิ.อ. มาตรา 190
of 2