คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
พิสูจน์สัญชาติ

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 50 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4813/2548 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกำหนดภูมิลำเนาเพื่อยื่นคำร้องพิสูจน์สัญชาติ: พิจารณาจากถิ่นที่อยู่เดิมและมูลคดี
ศาลจังหวัดเชียงรายพิพากษาลงโทษจำคุกผู้ร้อง 2 ปี ผู้ร้องถูกอายัดตัวมาดำเนินคดี และถูกฟ้องคดีอาญาที่ศาลจังหวัดนครปฐมไม่ใช่ผู้ร้องสมัครใจมายึดถิ่นที่อยู่เป็นแหล่งสำคัญที่จังหวัดนครปฐม ต่อมาได้รับการปล่อยชั่วคราว ไม่ใช่กรณีถูกจำคุกตามคำพิพากษาถึงที่สุดของศาลจังหวัดนครปฐมหรือตามคำสั่งโดยชอบด้วยกฎหมาย จึงไม่ถือว่าเรือนจำจังหวัดนครปฐมเป็นภูมิลำเนาตามมาตรา 47
ผู้ร้องมีภูมิลำเนาอยู่จังหวัดเชียงราย ถูกกล่าวหาว่าไม่มีสัญชาติไทยและถูกดำเนินคดีที่จังหวัดเชียงรายก่อน จึงถือว่ามูลคดีของผู้ร้องเกี่ยวกับการขอพิสูจน์สัญชาติเกิดขึ้นที่จังหวัดเชียงราย ซึ่ง ป.วิ.พ. มาตรา 4 (2) ให้ผู้ร้องเสนอคำร้องต่อศาลที่มูลคดีเกิดหรือต่อศาลที่ผู้ร้องมีภูมิลำเนาอยู่ในเขตศาลซึ่งก็คือศาลจังหวัดเชียงราย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4813/2548

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ภูมิลำเนาและอำนาจศาล: การพิจารณาคำร้องพิสูจน์สัญชาติในเขตอำนาจศาลที่ถูกต้อง
ผู้ร้องเคยถูกฟ้องที่ศาลจังหวัดเชียงใหม่ คำฟ้องระบุว่าผู้ร้องอยู่บ้านเลขที่ 155 หมู่ 1 ตำบลเวียงกาหลง อำเภอเวียงป่าเป้า จังหวัดเชียงราย ศาลจังหวัดเชียงรายพิพากษาลงโทษผู้ร้องจำคุก 2 ปี ผู้ร้องถูกอายัดตัวมาดำเนินคดีที่จังหวัดนครปฐม ไม่ใช่ผู้ร้องสมัครใจมายึดถิ่นที่อยู่เป็นแหล่งสำคัญที่จังหวัดนครปฐม และผู้ร้องมิได้ประกอบอาชีพใดเป็นกิจลักษณะที่จังหวัดนครปฐมที่จะถือว่าเป็นแหล่งสำคัญของถิ่นที่อยู่ การที่ผู้ร้องถูกฟ้องที่ศาลจังหวัดนครปฐมแต่ได้รับการปล่อยชั่วคราว ก็ไม่ใช่กรณีถูกจำคุกตามคำพิพากษาถึงที่สุดของศาลหรือตามคำสั่งโดยชอบด้วยกฎหมาย ที่จะถือว่าเรือนจำจังหวัดนครปฐมเป็นภูมิลำเนาตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 47 ผู้ร้องจึงไม่มีภูมิลำเนาอยู่จังหวัดนครปฐม
ผู้ร้องมีภูมิลำเนาอยู่จังหวัดเชียงราย ผู้ร้องยื่นคำร้องขอพิสูจน์สัญชาติต่อศาลจังหวัดนครปฐม อ้างว่าเป็นคนสัญชาติไทยเกิดที่จังหวัดเชียงราย ผู้ร้องถูกกล่าวหาว่าไม่มีสัญชาติไทยและถูกดำเนินคดีที่จังหวัดเชียงรายก่อน แสดงว่ามูลคดีอาญาของผู้ร้องเกิดขึ้นที่จังหวัดเชียงราย ซึ่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 4 (2) ให้ผู้ร้องเสนอคำร้องต่อศาลที่มูลคดีเกิดหรือต่อศาลที่ผู้ร้องมีภูมิลำเนาอยู่ในเขตศาลซึ่งก็คือศาลจังหวัดเชียงราย ไม่ใช่ศาลจังหวัดนครปฐม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2239/2543

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิสูจน์สัญชาติไทยโดยการเกิดในราชอาณาจักร จำเป็นต้องมีพยานหลักฐานที่น่าเชื่อถือและสอดคล้องกัน
แม้ผู้คัดค้านจะไม่มีพยานหลักฐานใดมาแสดงว่าผู้ร้องมิได้มีสัญชาติไทยแต่ภาระการพิสูจน์ในเรื่องนี้ย่อมตกแก่ผู้ร้องที่ต้องนำสืบให้ศาลเชื่อได้ว่าผู้ร้องมีสัญชาติไทยโดยกำเนิดในประเทศไทย เมื่อปรากฏว่าสูติบัตรที่ผู้ร้องอ้างว่าเป็นของผู้ร้องมิได้อยู่ที่ผู้ร้อง แต่เป็นเอกสารที่นายทะเบียนท้องถิ่นรับรองสำเนาถูกต้องเนื่องจากผู้ร้องไปขอคัดมา แสดงว่าพยานหลักฐานดังกล่าวผู้ร้องมาแสวงหาจากในประเทศไทยเท่านั้น ผู้ร้องไม่ได้แสดงสำเนาทะเบียนบ้านที่อ้างว่าได้ไปค้นแต่ไม่พบซึ่งก็ไม่ปรากฏว่าเหตุใดจึงไม่พบสำเนาทะเบียนบ้านดังกล่าว และผู้ร้องไม่ได้แสดงเอกสารหลักฐานที่แสดงการเรียนในโรงเรียนหลายแห่งที่อ้างถึง ส่วนภาพถ่ายที่อ้างว่าถ่ายเมื่ออายุ 13 ปีนั้น ก็ไม่มีการนำสืบทางนิติเวชให้น่าเชื่อว่าเป็นบุคคลเดียวกัน พยานของผู้ร้องคงมีแต่พยานบุคคลทั้งสิ้น ซึ่งต่างไม่ได้พบผู้ร้องมาเป็นเวลานานและเบิกความถึงข้อเท็จจริงในรายละเอียดที่แตกต่างกันและขัดกันหลายประเด็น ดังนั้นพยานหลักฐานของผู้ร้องจึงยังฟังไม่ได้ว่าผู้ร้องเป็นผู้เกิดในประเทศ ผู้ร้องจึงไม่ได้สัญชาติไทยโดยการเกิดในราชอาณาจักร

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5815/2541

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิสูจน์สัญชาติไทยโดยการเกิด: หลักฐานไม่เพียงพอรับรองความเป็นบุคคลเดียวกัน
พยานหลักฐานเอกสารและพยานบุคคลที่ผู้ร้องนำมาสืบเพื่อสนับสนุนว่าผู้ร้องได้สัญชาติไทยโดยการเกิดในราชอาณาจักรไทย ไม่อาจนำมายืนยันได้ว่านาง ซ.เป็นคนเดียวกับนางส.และนางซ. เป็นมารดาของเด็กชาย จ. ซึ่งผู้ร้องอ้างว่าผู้ร้องเป็นคนเดียวกับเด็กชาย จ. เมื่อพยานหลักฐานของผู้ร้องไม่มีน้ำหนักที่จะรับฟังได้ ผู้ร้องจึงไม่ได้ สัญชาติไทยโดยการเกิด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 55/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิสูจน์สัญชาติไทยโดยการเกิดในราชอาณาจักรไทยจากหลักฐานภาพถ่าย พยานบุคคล และเอกสารประกอบ
พยานบุคคลของผู้ร้องต่างเบิกความสอดคล้องต้องกันและตรงตามเอกสารโดยเฉพาะภาพถ่ายของผู้ร้องและมารดาถ่ายในขณะผู้ร้องยังเป็นเด็กและตามภาพถ่ายปรากฏชื่อร้านที่ถ่ายเป็นภาษาไทย ณที่ผู้ร้องอยู่จึงทำให้น้ำหนักคำพยานผู้ร้องมีเหตุผลน่าเชื่อถือ แม้ใบรับแจ้งการเกิดและสูติบัตรไม่ระบุชื่อและนามสกุลผู้เกิด แต่ก็ได้ระบุที่เกิด ชื่อบิดากับมารดาผู้เกิดตรงกับพยานหลักฐานอื่น ๆของผู้ร้อง จึงน่าเชื่อว่าผู้ที่เกิดตามใบรับแจ้งการเกิดและสูติบัตรคือตัวผู้ร้อง.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2246/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิสูจน์สัญชาติไทยของผู้ที่เกิดในต่างประเทศและใช้สัญชาติบิดา สิทธิในการยื่นคำร้องต่อศาล
ผู้ร้องซึ่งเป็นคนสัญชาติไทยถือหนังสือเดินทางของประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีนเข้ามาในราชอาณาจักรไทยโดย มิได้อ้างว่าเป็นบุคคลสัญชาติไทย ก็มีสิทธิยื่นคำขอพิสูจน์สัญชาติต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองว่าเป็นคนมีสัญชาติไทยได้และเมื่อพนักงานเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองรับพิจารณาและยกคำขอผู้ร้องก็ยื่นคำร้องขอพิสูจน์สัญชาติต่อศาลได้ตามพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ. 2522 มาตรา 57 วรรคสอง การถอนสัญชาติไทยเพราะเหตุเป็นคนสัญชาติไทยที่เกิดในราชอาณาจักรไทยและไปอยู่ในประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีนและใช้สัญชาติจีนอันเป็นสัญชาติของบิดาตลอดมา เป็นอำนาจหน้าที่ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ตามพระราชบัญญัติสัญชาติพ.ศ. 2508 มาตรา 17 เมื่อยังไม่มีคำสั่งให้ถอนสัญชาติดังกล่าวผู้นั้นก็คงมีสัญชาติไทยอยู่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1651/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิสูจน์สัญชาติไทย: ภาระการพิสูจน์อยู่ที่ผู้ร้อง และศาลไม่เชื่อว่าผู้ร้องเป็นบุคคลสัญชาติไทย
การพิสูจน์สัญชาติไทยนั้นกฎหมายให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าผู้นั้นเป็นคนต่างด้าวจนกว่าผู้นั้นจะพิสูจน์ได้ว่าตนมีสัญชาติไทยตามพระราชบัญญัติคนเข้าเมืองฯ มาตรา 57

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6000/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิในการพิสูจน์สัญชาติไทย: การยื่นคำร้องต่อศาลหลังพนักงานเจ้าหน้าที่ไม่อนุมัติ
ผู้ร้องได้ยื่นคำขอพิสูจน์สัญชาติไทยต่อพนักงานเจ้าหน้าที่กองตรวจคนเข้าเมืองแล้วพนักงานเจ้าหน้า ที่มีคำสั่งประการใดแล้วถ้าผู้ร้องไม่พอใจ ผู้ร้องจึงมีสิทธิยื่นคำร้องขอให้ศาลพิจารณาได้เพราะผู้ร้องได้ปฏิบัติตามพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ. 2522 มาตรา 57 โดยถูกต้องแล้วไม่จำต้องฟ้องเป็นคดีมีข้อพิพาท

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6000/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิการพิสูจน์สัญชาติไทย: การยื่นคำร้องต่อศาลหลังคำสั่งเจ้าหน้าที่
ผู้ร้องได้ยื่นคำขอพิสูจน์สัญชาติไทยต่อพนักงานเจ้าหน้าที่กองตรวจคนเข้าเมืองแล้วพนักงานเจ้าหน้าที่มีคำสั่งประการใดแล้วถ้าผู้ร้องไม่พอใจ ผู้ร้องจึงมีสิทธิยื่นคำร้องขอให้ศาลพิจารณาได้เพราะผู้ร้องได้ปฏิบัติตามพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ. 2522มาตรา 57 โดยถูกต้องแล้วไม่จำต้องฟ้องเป็นคดีมีข้อพิพาท.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3400/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิการขอพิสูจน์สัญชาติไทยตาม พ.ร.ก.คนเข้าเมือง ต้องยื่นคำขอต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ก่อน
เมื่อผู้ร้องมิได้ยื่นคำขอพิสูจน์สัญชาติต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ และเสียค่าธรรมเนียมตามที่กำหนดในกฎกระทรวงผู้ร้องจึงยังไม่มีสิทธิที่จะร้องต่อศาลให้พิจารณาและมีคำสั่งว่าผู้ร้องเป็นคนมีสัญชาติไทย
of 5