คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ฟื้นฟู

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 13 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 855/2548

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฎีกาข้อเท็จจริงที่ขัดกับการรับสารภาพ และการพิจารณาฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติดหลังฟ้องคดี
จำเลยได้รับอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงว่าไม่มีเจตนาต่อสู้ขัดขวางการจับกุมของเจ้าพนักงานซึ่งปฏิบัติการจับกุมจำเลยตามหน้าที่ รวมทั้งมิได้มีเจตนาใช้กำลังประทุษร้ายกัดมือซ้ายสิบตำรวจโท ข. นั้น ปรากฏว่าคดีนี้จำเลยให้การรับสารภาพว่ากระทำความผิดตามฟ้อง จำเลยจะกลับเถียงข้อเท็จจริงเป็นอย่างอื่นมิได้ เพราะมิใช่ข้อเท็จจริงที่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ ต้องห้ามมิให้ฎีกาตาม ป.วิ.อ. มาตรา 249 วรรคหนึ่ง ประกอบ ป.วิ.อ. มาตรา 15 แม้ผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นจะอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงดังกล่าว ศาลฎีกาก็ไม่อาจรับวินิจฉัยให้ได้เพราะกรณีที่จะอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงได้ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 221 ต้องเป็นกรณีที่ต้องห้ามฎีกาตามมาตรา 218 มาตรา 219 และมาตรา 220 แห่ง ป.วิ.อ. เท่านั้น
พ.ร.บ.ฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติดฯ มีเจตนารมณ์ในการฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติดที่ถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิดฐานเสพยาเสพติดในขั้นที่ถูกกล่าวหา ตามความในมาตรา 19 วรรคหนึ่ง เพื่อเยียวยาแก้ไขเสียก่อนเข้าสู่กระบวนพิจารณาในชั้นศาล เมื่อจำเลยถูกฟ้องต่อศาลแล้ว มิใช่ผู้มีสถานภาพเป็นเพียงผู้ต้องหาว่ากระทำความผิดฐานเสพยาเสพติด จึงล่วงพ้นเวลาและไม่อยู่ในหลักเกณฑ์ตามกฎหมายที่อาจได้รับการพิจารณาเข้ารับการฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 405/2547

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรอการลงโทษจำคุกสำหรับความผิดเกี่ยวกับอาวุธปืน พิจารณาจากพฤติการณ์ที่ไม่ร้ายแรงและโอกาสในการฟื้นฟู
จำเลยกระทำความผิดฐานมีและพาอาวุธปืนพร้อมเครื่องกระสุนปืนของกลางติดตัวไปในเมือง หมู่บ้านและทางสาธารณะ โดยไม่ปรากฏว่าจำเลยจะใช้อาวุธปืนนั้นก่ออาชญากรรมใด พฤติการณ์แห่งคดีจึงไม่ร้ายแรงนัก ประกอบกับไม่ปรากฏว่าจำเลยเคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน จึงยังอยู่ในวิสัยที่จะแก้ไขฟื้นฟูให้กลับตัวเป็นพลเมืองดีได้ เห็นควรรอการลงโทษจำคุกให้จำเลยเพราะโทษจำคุกระยะสั้น นอกจากจะไม่เกิดผลในการฟื้นฟูแก้ไขความประพฤติของจำเลยแล้ว ยังทำให้มีประวัติเสื่อมเสีย เมื่อพ้นโทษแล้วก็ยากที่จะกลับตัวเป็นพลเมืองดีประกอบสัมมาชีพเลี้ยงตนเองและครอบครัวโดยสุจริตต่อไปได้ การรอการลงโทษจำคุกและคุมความประพฤติไว้น่าจะเป็นผลดีแก่จำเลยและสังคมโดยส่วนรวมมากกว่า แต่เพื่อให้หลาบจำ จึงให้ลงโทษปรับจำเลยอีกสถานหนึ่ง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3816/2547

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรอการลงโทษจำคุกในคดีอาวุธปืน พิจารณาจากพฤติการณ์ไม่ร้ายแรง และโอกาสฟื้นฟู
อาวุธปืนของกลางเป็นอาวุธปืนแก๊ปยาว ซึ่งได้ความว่าจำเลยมีไว้เพื่อใช้ประโยชน์ในการยิงสัตว์เล็กๆ ที่มารบกวนกัดกินพืชไร่ของจำเลยและชาวบ้าน จำเลยไม่ได้มีไว้เพื่อใช้ในการก่อเหตุใดๆ ตามพฤติการณ์จึงไม่ร้ายแรงมากนัก ยังอยู่ในวิสัยที่จะแก้ไขฟื้นฟูให้จำเลยกลับตัวเป็นพลเมืองดีได้ ทั้งการลงโทษจำคุกระยะสั้น นอกจากจะไม่เกิดผลในการแก้ไขฟื้นฟูความประพฤติของจำเลยแล้ว ยังทำให้จำเลยมีประวัติเสื่อมเสีย เมื่อพ้นโทษแล้วก็ยากที่จะกลับตัวเป็นพลเมืองดีประกอบสัมมาชีพเลี้ยงตนเองและครอบครัวโดยสุจริตต่อไปได้การรอการลงโทษจำคุกและคุมความประพฤติจำเลยไว้น่าจะเป็นผลดีแก่จำเลยและสังคมโดยส่วนรวมมากกว่า แม้จะปรากฏว่าจำเลยเคยต้องคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้ลงโทษจำคุกแต่คดีดังกล่าวยังอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกาจึงยังไม่ถึงที่สุด คำพิพากษาของศาลชั้นต้นดังกล่าวอาจถูกศาลฎีกาเปลี่ยนแปลงได้ ซึ่งผลสุดท้ายจำเลยอาจไม่ต้องรับโทษถึงจำคุก กรณีเช่นนี้ถือไม่ได้ว่าจำเลยได้รับโทษจำคุกมาก่อน ศาลฎีกามีอำนาจรอการลงโทษจำเลยในคดีนี้ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2058/2547

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ รอการลงโทษจำคุกในคดีอาวุธปืน: พิจารณาโทษจำคุกระยะสั้นไม่เกิดผลดีต่อจำเลยและสังคม
จำเลยกระทำความผิดเพียงฐานมีและพาอาวุธปืนและกระสุนปืนของกลางติดตัวไปในเมือง หมู่บ้าน และทางสาธารณะเท่านั้น ไม่ปรากฏว่าจำเลยจะใช้อาวุธปืนนั้นก่ออาชญากรรมใด พฤติการณ์แห่งคดีจึงไม่ร้ายแรงนัก ประกอบกับไม่ปรากฏว่าจำเลยเคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน เห็นควรรอการลงโทษจำคุกให้จำเลย เพราะโทษจำคุกระยะสั้นนอกจากจะไม่เกิดผลในการฟื้นฟูแก้ไขความประพฤติของจำเลยแล้ว ยังทำให้จำเลยมีประวัติเสื่อมเสีย เมื่อพ้นโทษแล้วก็ยากที่จะกลับตัวเป็นพลเมืองดีประกอบสัมมาชีพเลี้ยงตนเองและครอบครัวโดยสุจริตต่อไปได้ การรอการลงโทษจำคุกและคุมความประพฤติจำเลยไว้น่าจะเป็นผลดีแก่จำเลยและสังคมโดยส่วนรวมมากกว่า แต่เพื่อให้จำเลยหลาบจำจึงให้ลงโทษปรับจำเลยอีกสถานหนึ่ง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1669/2546

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิเรียกร้องของเจ้าหนี้หุ้นกู้ด้อยสิทธิหลังถูกระงับการดำเนินกิจการ และผลกระทบของ พรบ.ฟื้นฟูฯ ต่อดอกเบี้ย
โจทก์ได้รับอนุมัติให้จัดตั้งกองทุนรวม โจทก์จะต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขและวิธีการจัดการกองทุนรวมตามมาตรา 117 ถึงมาตรา 132 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 ภายใต้การควบคุมของคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.) ส่วนที่มาตรา 124 บัญญัติให้กองทุนรวมที่ได้จดทะเบียนแล้วเป็นนิติบุคคลนั้น ก็โดยมีวัตถุประสงค์ให้กองทุนรวมนั้นเป็นเจ้าของทรัพย์สินในนามของตนเองได้และเป็นการแยกทรัพย์สินของกองทุนรวมออกจากทรัพย์สินของบริษัทหลักทรัพย์โจทก์ซึ่งเป็นผู้จัดการกองทุน เพื่อรักษาคุ้มครองผลประโยชน์ของประชาชนที่ร่วมลงทุนในกองทุนรวม มาตรา 124 วรรคสอง ส่วนสุดท้ายก็บัญญัติสอดคล้องกับมาตรา 125 โดยให้บริษัทหลักทรัพย์เป็นผู้รับผิดชอบในการดำเนินการของกองทุนรวมโจทก์จึงมีอำนาจฟ้องจำเลยให้ไถ่ถอนหุ้นกู้ที่โจทก์ซื้อจากจำเลยได้ ไม่ต้องให้กองทุนรวมฟ้องเอง
การที่บริษัทจำเลยซึ่งเป็นผู้ขายหุ้นกู้ด้อยสิทธิแก่โจทก์จะบังคับให้เป็นไปตามสิทธิเรียกร้องของโจทก์ที่เป็นเจ้าหนี้ในหุ้นกู้ด้อยสิทธิกับการจะได้รับชำระหนี้ตามสิทธิเรียกร้องก่อนเจ้าหนี้อื่นซึ่งเป็นเจ้าหนี้สามัญหรือไม่เพียงใด เป็นคนละเรื่องคนละตอนกันเมื่อจำเลยถูกระงับการดำเนินกิจการชั่วคราว และแผนฟื้นฟูกิจการของจำเลยมิได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการปรส. จำเลยจึงต้องเลิกกิจการและชำระบัญชีตามพระราชกำหนดการปฏิรูประบบสถาบันการเงิน พ.ศ. 2540 มาตรา 30 วรรคหนึ่ง โจทก์จึงมีสิทธิที่จะให้จำเลยไถ่ถอนหุ้นกู้ได้ตามเงื่อนไขในหนังสือชี้ชวน ทั้งตามพระราชกำหนดการปฏิรูประบบสถาบันการเงิน พ.ศ. 2540 มาตรา 26 ห้ามมิให้บุคคลใดฟ้องบริษัทที่ถูกระงับการดำเนินกิจการเป็นคดีล้มละลายในระหว่างดำเนินการตามแผนเพื่อแก้ไขฟื้นฟูที่ได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการปรส. เท่านั้น เมื่อโจทก์ได้มีหนังสือแจ้งให้จำเลยไถ่ถอนหุ้นกู้ จำเลยกลับเพิกเฉย ย่อมเป็นการโต้แย้งสิทธิของโจทก์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 55 แล้ว แม้จำเลยยังอยู่ในระหว่างชำระบัญชี ยังไม่มีการชำระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้สามัญก็ตาม
พระราชกำหนดการปฏิรูประบบสถาบันการเงิน (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2541 มาตรา 5ที่บัญญัติว่านับแต่วันที่พระราชกำหนดนี้ใช้บังคับดอกเบี้ยหรือค่าป่วยการอื่นแทนดอกเบี้ยอันเกิดจากหนี้ที่บริษัทถูกระงับการดำเนินกิจการตามพระราชกำหนดการปฏิรูประบบสถาบันการเงิน พ.ศ. 2540 มาตรา 30 ได้ก่อขึ้น มิให้ถือว่าเป็นหนี้ที่จะขอรับชำระได้นั้นเป็นกรณีที่เจ้าหนี้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ต่อคณะกรรมการดำเนินการและชำระบัญชีที่คณะกรรมการองค์การเพื่อการปฏิรูประบบสถาบันการเงิน (ปรส.) แต่งตั้งตามมาตรา 30 วรรคหนึ่ง เมื่อโจทก์ไม่ได้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ต่อคณะกรรมการดังกล่าวแต่ได้ยื่นฟ้องต่อศาลและศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาก่อนวันที่พระราชกำหนดการปฏิรูประบบสถาบันการเงิน (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2541 มีผลใช้บังคับ โจทก์จึงยังมีสิทธิเรียกดอกเบี้ยจากจำเลยตั้งแต่วันที่ 23 พฤษภาคม 2541 ซึ่งเป็นวันที่พระราชกำหนดการปฏิรูประบบสถาบันการเงิน (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2541 มีผลใช้บังคับต่อไปได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5614/2545

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรอการลงโทษและริบทรัพย์สินในคดีเกี่ยวกับยาเสพติด: ศาลฎีกาเน้นพิจารณาปริมาณยาเสพติดและโอกาสฟื้นฟู
ศาลจะสั่งริบทรัพย์สินที่จำเลยได้ใช้ในการกระทำความผิดต่อเมื่อมีการกระทำความผิดนั้น และโจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยในความผิดดังกล่าวด้วย เมื่อคดีนี้โจทก์มิได้ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยในความผิดฐานเสพคีตามีน โจทก์จะขอให้ริบหลอดพลาสติกที่จำเลยได้ใช้ในการกระทำความผิดฐานเสพคีตามีนหาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4084/2543

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ รอการลงโทษจำคุกสำหรับผู้พิการทำปืนเถื่อนเพื่อเลี้ยงชีพ พิจารณาโทษสถานเบาและฟื้นฟูผู้กระทำผิด
แม้อาวุธปืนที่จำเลยทำ ประกอบ และซ่อมแซมจะมีหลายกระบอกแต่ก็เป็นเพียงอาวุธปืนยาวประจุปาก (ปืนแก๊ป) อาวุธปืนยาวอัดลมซึ่งมีอานุภาพไม่ร้ายแรง จำเลยร่างกายพิการเนื่องจากเป็นโรคเรื้อนอยู่ระหว่างรักษาตัว ได้ใช้ความรู้ความสามารถเฉพาะตัวรับทำเครื่องมือเครื่องใช้ ในการเกษตรกรรม เพื่อมิให้เป็นภาระแก่สังคม ชาวบ้านเห็นว่าเป็นคนมีฝีมือ จึงไหว้วานให้ช่วยซ่อมแซมอาวุธปืนของกลางซึ่งมีไว้ยิงหนู ยิงกบหรือยิงสัตว์เล็กๆ ที่มากัดกินต้นข้าวเป็นการหารายได้จุนเจือครอบครัว พฤติการณ์แห่งคดีไม่ร้ายแรงนัก ประกอบกับไม่ปรากฏว่า จำเลยเคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน ยังอยู่ในวิสัยที่พนักงานคุมประพฤติ จะแก้ไขฟื้นฟูให้จำเลยกลับตัวเป็นพลเมืองดีได้ การลงโทษจำคุก จำเลยระยะสั้นนอกจากจะไม่เกิดผลในการฟื้นฟูแก้ไขความประพฤติ ของจำเลยแล้ว ยังทำให้จำเลยมีประวัติเสื่อมเสีย เมื่อพ้นโทษแล้ว ก็ยากที่จะกลับตัวเป็นพลเมืองดีประกอบสัมมาชีพเลี้ยงตนเองและ ครอบครัวโดยสุจริตต่อไปได้ การรอการลงโทษจำคุกจำเลยและคุม ความประพฤติจำเลยไว้น่าจะเป็นผลดีแก่จำเลยและสังคมโดยส่วนรวมมากกว่า

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7898/2542

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความค้ำประกันสะดุดหยุดเมื่อมีการยื่นคำขอรับชำระหนี้ในคดีล้มละลาย และฟื้นฟูได้ภายใน 10 ปี
บ. ทำสัญญาค้ำประกันห้างหุ้นส่วนจำกัด ส. ซึ่งไปทำสัญญาขายลดเช็คต่อลูกหนี้โดยยอมรับผิดอย่างลูกหนี้ร่วม ต่อมาห้างหุ้นส่วนจำกัดส. ถูกศาลสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดลูกหนี้ได้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ตามสัญญาขายลดเช็คจากกองทรัพย์สินของห้างหุ้นส่วนจำกัด ส. และศาลชั้นต้นได้มีคำสั่งถึงที่สุดอนุญาตให้ลูกหนี้ได้รับชำระหนี้ อายุความตามสิทธิเรียกร้องของลูกหนี้ที่มีต่อห้างหุ้นส่วนจำกัด ส. จึงย่อมสะดุดหยุดลงในวันยื่นคำขอรับชำระหนี้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 193/14(3) อันเป็นโทษแก่ห้างหุ้นส่วนจำกัด ส. และย่อมเป็นโทษแก่ บ. ในฐานะผู้ค้ำประกันซึ่งยอมรับผิดอย่างลูกหนี้ร่วมด้วยตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 692 ต่อมาเมื่อลูกหนี้ถูกศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จึงได้ใช้อำนาจตามพระราชบัญญัติล้มละลายฯ มาตรา 119 มีหนังสือทวงหนี้ให้ บ. ชำระหนี้ตามสัญญาค้ำประกันไม่เกินกำหนด 10 ปี นับแต่วันที่อายุความได้สะดุดหยุดลง หนี้ที่ บ. ต้องรับผิดตามสัญญาค้ำประกันจึงยังไม่ขาดอายุความ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5987/2557

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องคดีผู้ติดยาเสพติด: ต้องส่งตัวเข้ารับการบำบัดให้ครบถ้วนก่อน จึงดำเนินคดีได้
จำเลยหลบหนีไปขณะถูกนำตัวไปเข้ารับการฟื้นฟูที่ศูนย์ฟื้นฟูฯ คณะอนุกรรมการฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติดมีคำสั่งว่า ผลการฟื้นฟูไม่เป็นที่พอใจ และให้แจ้งพนักงานสอบสวนดำเนินการต่อไป ตาม พ.ร.บ.ฟื้นฟูสมรรณภาพผู้ติดยาเสพติด พ.ศ.2545 มาตรา 13 (8) ประกอบมาตรา 33 วรรคสอง เป็นการไม่ชอบ เพราะมาตรา 33 วรรคสอง บัญญัติให้คณะอนุกรรมการฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด รายงานความเห็นไปยังพนักงานสอบสวนหรือพนักงานอัยการเพื่อประกอบการดำเนินคดีผู้เข้ารับการฟื้นฟู ในกรณีที่ผู้นั้นเข้ารับการฟื้นฟูครบถ้วนตามกำหนดเวลาแล้ว แต่ผลการฟื้นฟูยังไม่เป็นที่พอใจ ฉะนั้น เมื่อได้ตัวจำเลยมาแล้ว พนักงานเจ้าหน้าที่จึงมีหน้าที่นำตัวจำเลยกลับไปบำบัดแก้ไขตามแผนฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด ตามเจตนารมณ์ของกฎหมายให้ครบถ้วน ตามมาตรา 25 ก่อน โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยเป็นคดีนี้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7411/2556

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องคดีอาญาของผู้ติดยาเสพติดระหว่างการฟื้นฟู: อำนาจฟ้องและการนำตัวจำเลยมาศาล
พ.ร.บ.ฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด พ.ศ.2545 มาตรา 33 วรรคสอง บัญญัติว่า ในกรณีที่ผู้เข้ารับการฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติดผู้ใดแม้จะได้รับการฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติดจนครบกำหนดตามมาตรา 25 แล้ว แต่ผลการฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติดยังไม่เป็นที่พอใจ ให้คณะอนุกรรมการฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติดรายงานความเห็นไปยังพนักงานสอบสวนหรือพนักงานอัยการแล้วแต่กรณี เพื่อประกอบการพิจารณาดำเนินคดีผู้นั้นต่อไปและให้นำมาตรา 22 วรรคสี่ ซึ่งเป็นบทบัญญัติให้พนักงานสอบสวนหรือพนักงานอัยการมารับตัวผู้ต้องหาไปในทันทีที่สามารถกระทำได้ มาบังคับใช้โดยอนุโลม คดีนี้พนักงานสอบสวนนำตัวจำเลยไปศาลตั้งแต่วันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2555 ศาลมีคำสั่งให้ส่งตัวจำเลยไปตรวจพิสูจน์การเสพหรือการติดยาเสพติด ต่อมาวันที่ 2 มีนาคม 2555 สำนักงานคุมประพฤติจังหวัดน่านมีหนังสือรายงานผลการฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติดและแจ้งคำวินิจฉัยคณะอนุกรรมการฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติดจังหวัดน่านว่า การฟื้นฟูดังกล่าวไม่น่าจะใช้ได้และไม่เป็นประโยชน์สำหรับจำเลย กรณีถือว่าการฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติดยังไม่เป็นที่พอใจ ทั้งปรากฏจากรายงานการผัดฟ้องจำเลยครั้งที่ 1 ซึ่งพันตำรวจโท ท. บันทึกว่า ในวันที่ 12 เมษายน 2555 จะนำตัวจำเลยมาศาลเพื่อผัดฟ้องต่อไป แสดงให้เห็นว่า ในระยะเวลาดังกล่าวยังอยู่ในระหว่างการสอบสวน โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยโดยไม่นำตัวจำเลยมาศาล ดังนั้น เมื่อวันที่ 12 เมษายน 2555 โจทก์ยื่นฟ้องคดีนี้โดยไม่มีตัวจำเลยมาศาล จึงขัดต่อบทบัญญัติ ป.วิ.อ. มาตรา 165 ประกอบ พ.ร.บ.ศาลเยาวชนและครอบครัว ฯ มาตรา 6
of 2