พบผลลัพธ์ทั้งหมด 4 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8970/2558
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจวินิจฉัยผลการฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติด และการดำเนินคดีอาญาตาม พ.ร.บ.ฟื้นฟูฯ
การฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติดตาม พ.ร.บ.ฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด พ.ศ.2545 มาตรา 19 เป็นมาตรการของรัฐที่ต้องการบำบัดรักษาผู้ติดยาเสพติดไม่ว่าผู้นั้นจะยินยอมเข้ารับการฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติดหรือไม่ก็ตาม โดยศาลจะมีคำสั่งให้ส่งตัวผู้ติดยาเสพติดไปตรวจพิสูจน์การเสพหรือการติดยาเสพติดก่อน และคณะอนุกรรมการฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติดมีอำนาจวินิจฉัยว่าผู้เข้ารับการตรวจพิสูจน์ผู้ใดเป็นผู้เสพหรือติดยาเสพติด จากนั้นต้องจัดให้มีแผนการฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติดตามมาตรา 22 โดยคำนึงถึงความหนักเบาของการเสพหรือติดยาเสพติดของผู้เข้ารับการฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติดตามมาตรา 23 ซึ่งผู้เข้ารับการฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติดต้องถูกบังคับให้อยู่รับการฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติดตามแผนฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติดเป็นเวลาไม่เกินหกเดือน ซึ่งอาจขยายหรือลดระยะเวลาการฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติดตามความเหมาะสมตามมาตรา 25 หากผู้ใดหลบหนีจากการตรวจพิสูจน์หรือหลบหนีออกนอกศูนย์ฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติดให้ถือว่าผู้นั้นหนีการคุมขังตามมาตรา 190 แห่งประมวลกฎหมายอาญา พนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจติดตามจับกุมผู้นั้นได้ด้วยตามมาตรา 29 วรรคหนึ่ง และมีอำนาจลงโทษตามมาตรา 32 ได้อีกด้วย การฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติดตาม พ.ร.บ.ฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด พ.ศ.2545 จึงมีวัตถุประสงค์แก้ไขฟื้นฟูผู้เสพหรือผู้ติดยาเสพติดทุกคนเพื่อประโยชน์ของสังคมเป็นส่วนรวมพนักงานเจ้าหน้าที่ตามพระราชบัญญัติดังกล่าวจึงต้องดำเนินการตามมาตราดังกล่าวก่อนแล้วคณะอนุกรรมการฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติดจึงจะมีสิทธิพิจารณาผลการฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด
การที่คณะอนุกรรมการฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติดกรุงเทพมหานครมีคำสั่งที่ 7563/2552 ลงวันที่ 5 สิงหาคม 2552 ว่า ... ผู้เข้ารับการฟื้นฟูฯ ไม่ปฏิบัติตามแผนการฟื้นฟูฯ โดยเข้ารับการฟื้นฟูฯ ไม่ครบถ้วนตามแผนที่คณะอนุกรรมการฯ กำหนด พนักงานเจ้าหน้าที่ได้ออกหนังสือเตือนไปยังที่อยู่ที่แจ้งไว้โดยมีผู้รับหนังสือดังกล่าวไว้แล้ว แต่ผู้เข้ารับการฟื้นฟูฯ ยังไม่มาพบพนักงานเจ้าหน้าที่ตามนัด อาสาสมัครคุมประพฤติจึงได้ออกติดตามไปยังที่อยู่ที่ผู้เข้ารับการฟื้นฟูฯ แจ้งไว้ ปรากฏว่าพบบุคคลชื่อ อ. เกี่ยวพันเป็นมารดาของผู้เข้ารับการฟื้นฟูฯ จึงนัดให้มาพบพนักงานเจ้าหน้าที่ที่สำนักงานคุมประพฤติ แต่ผู้เข้ารับการฟื้นฟูฯ ไม่ไปพบพนักงานเจ้าหน้าที่ตามกำหนดนัด โดยพนักงานเจ้าหน้าที่ให้โอกาสในการเข้ารับการฟื้นฟูฯ แล้ว แต่ผู้เข้ารับการฟื้นฟูฯ ก็ไม่ปฏิบัติตาม ไม่แจ้งเหตุขัดข้องให้ทราบ จากผลการฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติดดังกล่าวแสดงให้เห็นว่า การให้โอกาสแก่ผู้เข้ารับการฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติดเพื่อให้กลับตนเป็นพลเมืองดีของสังคมโดยใช้วิธีการบำบัดฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติดไม่เหมาะสมและใช้ไม่ได้ผล จึงอาศัยอำนาจตาม พ.ร.บ.ฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด พ.ศ.2545 มาตรา 13 (8) ประกอบมาตรา 33 วรรคสอง วินิจฉัยว่า ผลการฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติดไม่เป็นที่น่าพอใจ ให้แจ้งพนักงานสอบสวนหรือพนักงานอัยการเพื่อดำเนินคดีต่อไป จะเป็นดุลพินิจของคณะอนุกรรมการฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติดก็ตาม แต่เมื่อมาตรา 33 วรรคสอง บัญญัติให้ คณะอนุกรรมการฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติดรายงานความเห็นไปยังพนักงานสอบสวนหรือพนักงานอัยการเพื่อประกอบการพิจารณาดำเนินคดีผู้เข้ารับการฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด เมื่อผู้นั้นเข้ารับการฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติดครบถ้วนตามกำหนดเวลาแล้ว แต่ผลการฟื้นฟูยังไม่เป็นที่พอใจ การที่ได้ตัวจำเลยมาหลังจากที่จำเลยหลบหนีไม่มาพบพนักงานเจ้าหน้าที่เพื่อปฏิบัติตามคำวินิจฉัยของคณะอนุกรรมการฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด พนักงานเจ้าหน้าที่จึงมีหน้าที่นำตัวจำเลยกลับไปบำบัดแก้ไขตามแผนฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด ตามเจตนารมณ์ของกฎหมายให้ครบถ้วนตามมาตรา 25 ก่อน เมื่อคณะอนุกรรมการฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติดไม่ได้ดำเนินการตามขั้นตอนที่กฎหมายบัญญัติไว้ดังกล่าวข้างต้น โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง
การที่คณะอนุกรรมการฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติดกรุงเทพมหานครมีคำสั่งที่ 7563/2552 ลงวันที่ 5 สิงหาคม 2552 ว่า ... ผู้เข้ารับการฟื้นฟูฯ ไม่ปฏิบัติตามแผนการฟื้นฟูฯ โดยเข้ารับการฟื้นฟูฯ ไม่ครบถ้วนตามแผนที่คณะอนุกรรมการฯ กำหนด พนักงานเจ้าหน้าที่ได้ออกหนังสือเตือนไปยังที่อยู่ที่แจ้งไว้โดยมีผู้รับหนังสือดังกล่าวไว้แล้ว แต่ผู้เข้ารับการฟื้นฟูฯ ยังไม่มาพบพนักงานเจ้าหน้าที่ตามนัด อาสาสมัครคุมประพฤติจึงได้ออกติดตามไปยังที่อยู่ที่ผู้เข้ารับการฟื้นฟูฯ แจ้งไว้ ปรากฏว่าพบบุคคลชื่อ อ. เกี่ยวพันเป็นมารดาของผู้เข้ารับการฟื้นฟูฯ จึงนัดให้มาพบพนักงานเจ้าหน้าที่ที่สำนักงานคุมประพฤติ แต่ผู้เข้ารับการฟื้นฟูฯ ไม่ไปพบพนักงานเจ้าหน้าที่ตามกำหนดนัด โดยพนักงานเจ้าหน้าที่ให้โอกาสในการเข้ารับการฟื้นฟูฯ แล้ว แต่ผู้เข้ารับการฟื้นฟูฯ ก็ไม่ปฏิบัติตาม ไม่แจ้งเหตุขัดข้องให้ทราบ จากผลการฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติดดังกล่าวแสดงให้เห็นว่า การให้โอกาสแก่ผู้เข้ารับการฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติดเพื่อให้กลับตนเป็นพลเมืองดีของสังคมโดยใช้วิธีการบำบัดฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติดไม่เหมาะสมและใช้ไม่ได้ผล จึงอาศัยอำนาจตาม พ.ร.บ.ฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด พ.ศ.2545 มาตรา 13 (8) ประกอบมาตรา 33 วรรคสอง วินิจฉัยว่า ผลการฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติดไม่เป็นที่น่าพอใจ ให้แจ้งพนักงานสอบสวนหรือพนักงานอัยการเพื่อดำเนินคดีต่อไป จะเป็นดุลพินิจของคณะอนุกรรมการฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติดก็ตาม แต่เมื่อมาตรา 33 วรรคสอง บัญญัติให้ คณะอนุกรรมการฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติดรายงานความเห็นไปยังพนักงานสอบสวนหรือพนักงานอัยการเพื่อประกอบการพิจารณาดำเนินคดีผู้เข้ารับการฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด เมื่อผู้นั้นเข้ารับการฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติดครบถ้วนตามกำหนดเวลาแล้ว แต่ผลการฟื้นฟูยังไม่เป็นที่พอใจ การที่ได้ตัวจำเลยมาหลังจากที่จำเลยหลบหนีไม่มาพบพนักงานเจ้าหน้าที่เพื่อปฏิบัติตามคำวินิจฉัยของคณะอนุกรรมการฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด พนักงานเจ้าหน้าที่จึงมีหน้าที่นำตัวจำเลยกลับไปบำบัดแก้ไขตามแผนฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด ตามเจตนารมณ์ของกฎหมายให้ครบถ้วนตามมาตรา 25 ก่อน เมื่อคณะอนุกรรมการฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติดไม่ได้ดำเนินการตามขั้นตอนที่กฎหมายบัญญัติไว้ดังกล่าวข้างต้น โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7011/2557
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องคดียาเสพติดหลังเข้ารับฟื้นฟู: ต้องรอจนกว่าจะครบกำหนดและดำเนินการตามแผนฟื้นฟู
จำเลยเข้ารับการฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติดแบบไม่ควบคุมตัวที่โรงพยาบาล แต่จำเลยไม่ปฏิบัติตามระเบียบเงื่อนไขให้ครบถ้วนอันเป็นการฝ่าฝืน พ.ร.บ.ฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด พ.ศ.2545 มาตรา 30 และมาตรา 31 พนักงานเจ้าหน้าที่จึงมีอำนาจและหน้าที่จับตัวจำเลยกลับเข้าไว้ในศูนย์ฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด เพื่อบำบัดฟื้นฟูตามแผนและให้มีอำนาจลงโทษตามมาตรา 32 การที่คณะกรรมการฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติดเห็นว่า การที่ผู้รับการฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติดมีเจตนาไม่ปฏิบัติตามคำวินิจฉัย จึงให้ส่งเรื่องคืนพนักงานสอบสวนดำเนินคดีต่อไปก็เป็นการไม่ชอบ เพราะตามมาตรา 33 วรรคสอง บัญญัติให้คณะอนุกรรมการฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติดรายงานความเห็นไปยังพนักงานสอบสวนหรือพนักงานอัยการเพื่อประกอบการดำเนินคดี หากผู้นั้นเข้ารับการฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติดครบถ้วนตามกำหนดเวลาแล้ว แต่ผลการฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติดยังไม่เป็นที่พอใจ ดังนั้นเมื่อได้ตัวจำเลยกลับมา โดยพนักงานเจ้าหน้าที่ยังมิได้นำตัวจำเลยกลับไปบำบัดแก้ไขตามแผนฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติดตามเจตนารมณ์ของกฎหมายให้ครบถ้วนตามมาตรา 25 ก่อน โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5522/2556
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องคดีซ้ำซ้อนหลังเข้ารับการฟื้นฟูยาเสพติด – พ.ร.บ.ฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด
จำเลยมีเมทแอมเฟตามีน 1 เม็ด แล้วเสพไปครึ่งเม็ด และที่เหลืออีกครึ่งเม็ดจำหน่ายให้แก่ ส. เมทแอมเฟตามีนดังกล่าวมีปริมาณห้าหน่วยการใช้และมีน้ำหนักไม่เกินห้าร้อยมิลลิกรัมจึงไม่เกินที่กำหนดไว้ในกฎกระทรวงว่าด้วยการกำหนดลักษณะชนิด ประเภท และปริมาณของยาเสพติด พ.ศ.2546 ข้อ 1 (1) (ข) และ ข้อ 2 (1) (ข) ดังนั้น เมื่อในความผิดฐานเสพเมทแอมเฟตามีน ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ส่งตัวจำเลยไปควบคุมเพื่อตรวจพิสูจน์การเสพหรือการติดยาเสพติด และจำเลยเข้ารับการฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติดแล้ว การที่โจทก์มาฟ้องจำเลยในความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนครึ่งเม็ดไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนดังกล่าวอีก เป็นการขัดต่อ พ.ร.บ.ฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด พ.ศ.2545 มาตรา 19 วรรคหนึ่ง โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 11321/2556
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คุณสมบัติผู้เข้ารับการฟื้นฟูยาเสพติด & อำนาจดำเนินคดีเมื่อขาดคุณสมบัติ
เมื่อมีผู้กระทำผิดฐานเสพยาเสพติดโดยไม่ปรากฏว่าต้องหาหรืออยู่ในระหว่างถูกดำเนินคดีในความผิดฐานอื่น ซึ่งเป็นความผิดที่มีโทษจำคุกหรืออยู่ในระหว่างรับโทษจำคุก ตามคำพิพากษาของศาล ศาลต้องส่งตัวผู้กระทำผิดไปตรวจพิสูจน์การเสพหรือการติดยาเสพติดและได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นผู้ติดยาเสพติด จนมีการจัดทำแผนฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด ผู้กระทำผิดจะถูกส่งตัวไปยังพนักงานสอบสวนหรือดำเนินคดีผู้กระทำผิดที่เข้ารับการฟื้นฟู มีได้ 2 กรณี โดยเป็นไปตามบทบัญญัติมาตรา 24 เมื่อความปรากฏแก่ศาลภายหลังจากศาลมีคำสั่งตามมาตรา 19 ว่าผู้เข้ารับการตรวจพิสูจน์หรือผู้เข้ารับการฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติดต้องหาหรือถูกดำเนินคดีในความผิดฐานอื่นซึ่งเป็นความผิดที่มีโทษจำคุกหรือต้องคำพิพากษาให้จำคุก ก็ให้เป็นอำนาจของศาลที่จะมีคำสั่งส่งตัวผู้นั้นไปยังพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีกรณีหนึ่งและตามมาตรา 33 วรรคสอง เมื่อปรากฏผลการฟื้นฟูไม่เป็นที่พอใจ คณะอนุกรรมการฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติดก็มีอำนาจส่งตัวผู้นั้นไปยังพนักงานสอบสวนหรือพนักงานอัยการเพื่อพิจารณาดำเนินคดีอีกกรณีหนึ่ง
การที่จำเลยเข้ารับการฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติดตามแผนการฟื้นฟู แล้วต่อมาไปกระทำความผิดและถูกดำเนินคดีในความผิดฐานร่วมกันบุกรุกเคหสถานในเวลากลางคืน และทำให้เสียทรัพย์ซึ่งมีไว้เพื่อสาธารณประโยชน์ อันเป็นความผิดที่มีโทษจำคุก ย่อมส่งผลกระทบต่อการเข้ารับการฟื้นฟูตามแผนการฟื้นฟูที่คณะกรรมการฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติดกำหนด และเป็นเหตุให้ผลการฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติดไม่เป็นที่พอใจ หรือแม้หากได้รับการฟื้นฟูจนครบกำหนดเวลาตามมาตรา 25 แล้ว คณะอนุกรรมการฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาก็ยังคงสามารถส่งตัวบุคคลดังกล่าวเพื่อดำเนินคดีได้ หากผลการฟื้นฟูยังไม่เป็นที่พอใจ ดังนั้น เมื่อปรากฏแก่คณะอนุกรรมการฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติดระหว่างการเข้ารับการฟื้นฟูของจำเลยว่าจำเลยไปกระทำความผิดและถูกดำเนินคดีในความผิดที่มีโทษจำคุกคณะอนุกรรมการฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติดจึงมีอำนาจยกเลิกแผนการฟื้นฟูและรายงานความเห็นไปยังพนักงานสอบสวนหรือพนักงานอัยการเพื่อประกอบการพิจารณาดำเนินคดีจำเลยตามบัญญัติดังกล่าวได้ตามมาตรา 33 วรรคสอง
การที่จำเลยเข้ารับการฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติดตามแผนการฟื้นฟู แล้วต่อมาไปกระทำความผิดและถูกดำเนินคดีในความผิดฐานร่วมกันบุกรุกเคหสถานในเวลากลางคืน และทำให้เสียทรัพย์ซึ่งมีไว้เพื่อสาธารณประโยชน์ อันเป็นความผิดที่มีโทษจำคุก ย่อมส่งผลกระทบต่อการเข้ารับการฟื้นฟูตามแผนการฟื้นฟูที่คณะกรรมการฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติดกำหนด และเป็นเหตุให้ผลการฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติดไม่เป็นที่พอใจ หรือแม้หากได้รับการฟื้นฟูจนครบกำหนดเวลาตามมาตรา 25 แล้ว คณะอนุกรรมการฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาก็ยังคงสามารถส่งตัวบุคคลดังกล่าวเพื่อดำเนินคดีได้ หากผลการฟื้นฟูยังไม่เป็นที่พอใจ ดังนั้น เมื่อปรากฏแก่คณะอนุกรรมการฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติดระหว่างการเข้ารับการฟื้นฟูของจำเลยว่าจำเลยไปกระทำความผิดและถูกดำเนินคดีในความผิดที่มีโทษจำคุกคณะอนุกรรมการฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติดจึงมีอำนาจยกเลิกแผนการฟื้นฟูและรายงานความเห็นไปยังพนักงานสอบสวนหรือพนักงานอัยการเพื่อประกอบการพิจารณาดำเนินคดีจำเลยตามบัญญัติดังกล่าวได้ตามมาตรา 33 วรรคสอง